เวียดนาม 8 : บ้านโบราณเวียดนาม
ระหว่างเยี่ยมชมบ้านพักหลังสุดท้ายของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านอยู่ในช่วงชีวิตสุดท้ายของท่าน ภายในบ้านและห้องต่างๆ พยายามเก็บรักษาข้างของเครื่องใช้ของท่านไว้ให้เหมือนเดิมมากที่สุด นึกชื่นชมเด็กนักเรียนที่นี่ที่มีระเบียบวินัยและเชื่อฟังคำสั่งคุณครูกันอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเดินไปไหนกัน เค้าเข้าแถวเกาะกลุ่มกันเดินอย่างเรียบร้อยไม่แตกแถว และยังไม่ส่งเสียงดัง นี่ถ้าเป็นบ้านเรา เวลาได้ออกนอกโรงเรียนเมื่อใดละก็ ลิงโลดกันสุดชีวิตแล้ว
จากนั้น เราเคลื่อนขบวนไปที่วิหารวรรณกรรม ภาษาเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว (Van mieu) สร้างใน พ.ศ. 1613 สมัยพระเจ้าหลีไทโตง (Ly Thai Tong) อุทิศให้แด่ขงจื้อ เป็นโรงเรียนของพวกขุนนางและเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติแห่งแรกของเวียดนาม วิหารวรรณกรรมแบ่งออกเป็น 5 ชั้นด้วยกัน ได้รับอิทธิพลนี้มาจากจีน เพราะจีนเคยปกครองเวียดนามมาก่อน พอดีวันนี้เป็นวันสำเร็จการศึกษาของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง จึงมีบรรดาบัณฑิตสวมชุดครุยแปลกตามาถ่ายรูปที่นี่ เลยได้ชมชุดครุยของที่นี่เป็นขวัญตา น้องไกด์เล่าว่าบัณฑิตที่จบการศึกษานิยมมาเก็บภาพประทับใจในวันสำคัญกันที่นี่
บ้านโบราณ คือสถานที่ต่อมาของพวกเรา ประทับใจที่นี่เป็นพิเศษเนื่องด้วยมีความสนใจในเรื่องสถาปัตยกรรมเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะเค้าจำลองให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านย้อนยุคในอดีต ทั้งข้าวของเครื่องใช้ การตกแต่งบ้าน การจัดสวน และเครื่องต่างกาย เป็นต้นฉบับของเวียดนามแต่โบราณ สาวน้อยในชุดอ่าวหย่ายสีบานเย็นสดเสิร์ฟชาหอมๆพร้อมกับรอยยิ้มหวาน หันมองไปทางไหนก็ติดใจไปหมด ตั้งแต่ชุดน้ำชาที่วางอยู่ตรงหน้า ชุดโต๊ะรับแขกนั่งพื้นที่กำลังนั่งอยู่ สวนกลางบ้าน โคมไฟ บันได กรอบรูป ห้องครัว... ขอค้างที่นี่คืนหนึ่งได้มั๊ยเนี่ย?
ระหว่างนั่งจิบชา ฉันขอให้น้องไกด์ช่วยเขียนประโยคที่จำเป็นเป็นภาษาเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำที่เกี่ยวกับอาหาร พร้อมกับถามถึงข้อมูลอื่นที่จำเป็น ซึ่งเป็นเคล็ดลับประจำตัวยามก้าวขาออกนอกประเทศ ก็คืนนี้ต้องออกจากเมืองหลวงไปเมืองเว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารเข้าใจได้ดีแค่ไหน เธอให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จึงแสดงความขอบคุณโดยกล่าวไปว่า “ก่าม เอิน” ซึ่งแปลว่า “ขอบคุณ” เธอได้ยินแล้วหัวเราะทันที และบอกว่า ฉันรู้จักพูดตอบเธออย่างนี้ เธอแน่ใจว่าฉันเอาตัวรอดได้แน่นอน...
ไม่ว่าไปที่ไหน ประโยคพื้นฐานเหล่านี้ควรเตรียมฝึกพูดบ้าง เพราะไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความประทับใจให้กับเจ้าบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการโน้มน้าวให้เค้าให้ความช่วยเหลือหรือให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่เราอีกด้วย ไม่ต่างไปจากเวลาที่เราได้ยินฝรั่งพูดไทยนั่นแหละ ถ้าไม่หัวเราะไปเลยเพราะพูดผิด ก็มีแอบอมยิ้มกับเสียงเพี้ยนๆนั้นทุกครั้ง แต่ที่แน่ๆ มีรอยยิ้มตามมาแน่นอน
จากนั้น น้องไกด์พาเราเดินไปตลาดใกล้ๆกันและวัดง็อก เซิน (Ngoc Son Temple) ที่ฉันเคยเดินมาเองเมื่อวันก่อน คราวนี้ได้รู้ลึกและรู้จริงเกี่ยวกับวัดนี้มากขึ้น แอบหลบมุมมานั่งคนเดียวในศาลา จะว่าไปแล้ววันนี้ก็สนุกไปอีกแบบดีเหมือนกัน มีเพื่อนเดินด้วยและพูดคุยหยอกล้อกันไปตลอดทาง เพิ่มสีสันและรสชาติในการเดินทางได้ดี เพื่อนใหม่ที่พบระหว่างเดินทางทุกกลุ่มทุกคนทำให้การเดินทางของฉันไม่ใช่แค่แบกเป้ขึ้นหลังและก้าวขาออกเดินทางเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเรียนรู้ การปรับเปลี่ยนมุมมอง การสร้างและรักษามิตรภาพใหม่ๆกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นี่คือสิ่งที่มาพร้อมกับการเดินทางเสมอๆ มากกว่าภาพถ่ายนับร้อยนับพันหลังจบทริป...
มองดูพี่ๆเค้าร่าเริงหัวเราะกันใหญ่ พลอยทำให้ยิ้มตามไปด้วย... เรื่องเที่ยวนี่ ไม่มีใครไม่ชอบสักคน แค่นึกว่าทริปต่อไปจะเริ่มเก็บของเอาอะไiไปบ้าง เสียงหัวใจก็รัวเร่งจังหวะขึ้นจากความตื่นเต้นแล้ว
ฉันร่ำลาพี่ๆทุกคนและน้องไกด์หลังจากที่รู้ว่าโปรแกรมต่อไปเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ที่ฉันไปมาแล้วทั้งนั้น เลือกถนอมตัวเก็บแรงสำหรับวันต่อๆไปดีกว่า ยังต้องไปต่ออีกหลายพันกิโลเมตร พี่ปุ๊ คุณครูสอนหนังสือในกรุงเทพฯและเป็นคนที่ฉันพูดคุยด้วยมากที่สุด ย้ำกับฉันหลายครั้งว่า “ลงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ โทรมาได้ตลอดนะ จะได้ไปกินข้าวกัน” นั่นไง! ฉันมีญาติผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นอีกท่านหนึ่งแล้ว...ยกมือไหว้พร้อมก้มหัวกล่าวคำลาพี่ๆทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ หลังจากที่ลาไปแล้ว 3 รอบ แต่พี่ๆเค้ายังไม่ยอมหยุดฝากฝังด้วยความเป็นห่วงให้ดูแลตัวเองดีๆ “ได้ค่า...พี่ๆก็เช่นกันนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่า”
เดินกลับเข้ามาในตัวย่าน Old Quarter นึกทบทวนว่าคืนนี้รถทัวร์ไปเมืองเว้ออก 1 ทุ่ม ตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้ว หาอะไรกินแล้วไปนั่งพักและรอเวลาที่ทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem) จนถึงเกือบมืดแล้วค่อยย้ายไปรอต่อที่โรงแรมดีกว่า เลือกร้านเฝอน่านั่งร้านหนึ่งที่มีหม้อน้ำซุปกลิ่นหอมกระตุ้นน้ำย่อย ร้านอาหารทั่วไปที่นี่ ลูกค้าสามารถนั่งโต๊ะเดียวกันได้ซึ่งไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน คุณลุงท่าทางใจดีท่านหนึ่งขอนั่งโต๊ะเดียวกับฉัน ฉันตอบตกลงอย่างเต็มใจ รู้สึกแปลกๆอยู่ไม่น้อยที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะเล็กๆกับคนแปลกหน้า ซึ่งที่บ้านเราไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปมากนัก ก็นี่ไง จะได้ลองธรรมเนียมใหม่ๆที่นี่
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/