หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 3 ผู้ช่วยนักวิจัย

เนื้อหาโดย Tonruk

บทที่ 3 ผู้ชาวยนักวิจัย

 

        ศาลาริมน้ำเรือนไทยหลังกะทัดรัด บรรยากาศร่มรื่น พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ ข้างๆศาลามีบ่อดินขนาดใหญ่ภายในบ่อรกไปด้วยผักกระเฉดและผักตบชวา  พุทธชาดและเพ็ญจันทร์กำลังนั่งคุยด้วยกันอยู่กันภายในศาลา มัจฉาเดินเข้ามาหาทั้งคู่แต่ต้องหยุดชะงักหยุดยืนมองเพ็ญจันทร์และพุทธชาดที่กำลังคุยกันหันหลังเดินกลับทันที   ภาพบาดตาของเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดยังคงติดตาของมัจฉาตั้งแต่เดินกลับมาถึงห้อง สิ่งของทุกอย่างถูกวางลงบนโต๊ะ มัจฉาโน้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย

 

“  มัจอยากให้ป้าคุยกับมัจเหมือนกับป้าคุยกับพี่พุดบ้างแต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะป้าไม่ได้รักมัจเหมือนกับรักพี่พุด ” มัจฉาปลอบใจตัวเอง ดวงตาค่อยๆปิดลงท่ามกลางความมืดโน้มตัวลงด้วยความเหนื่อย เหนื่อยทั้งกายและทางใจผสมกันแทบแยกไม่ออก อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นที่แสวงหาไว้แนบชิดยามทุกข์ใจกลับไม่มีเหลือเพียงไว้ความอ้างว้างในหัวใจ เสียงโทรศัพท์จากชลธีทำให้มัจฉาสะดุ้งตื่น  

 

“ ไอ้ชล ! ”

“ คิดถึงจังเลยไม่ได้เจอกันหลายวัน ช่วงนี้ทำไมแกไม่แวะมาที่โรงเรียนบ้าง ไม่คิดถึงกันบ้างหรอหรือว่าแกลืมเพื่อนคนนี้ไปเสียแล้ว ”

“ อีปลวกฉันไม่ว่าง ช่วงนี้เรียนหนัก ตอนเย็นฉันต้องไปล้างบ่อให้อาหารปลากว่าจะเสร็จแกก็เลิกเรียนแล้ว ”

“ แกเป็นไงบ้าง ”

“ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันไปขายก๋วยเตี๋ยว ร้านก๋วยเตี๋ยวสามเกลอปิดกิจการชั่วคราว ฉันได้งานใหม่แล้ว ”

“  งานอะไร ”

“ ฉันไปทำงานกับเพื่อนของป้าสุไปเป็นผู้ช่วยในการทำวิจัย ไอ้เข้มกับไอ้เบิ้มด้วย  ”

“ ดีใจด้วยนะโว้ยแบบนี้ต้องฉลอง ”

“ แกละเรียนเป็นไงบ้างจะสอบเข้าแพทย์ต้องขยันอ่านหนังสือไม่ใช่มัวแต่ไปพลอดรักอยู่กับไอ้ก้องละ ไอ้นั่นขี้เกียจสันหลังยาว ขี้เกียจเรียน วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่เกาะแข้งเกาะขาแก ”

“ นี่ถ้าแกเป็นแฟนกับฉัน ฉันคิดว่าแกกำลังหึงฉันอยู่นะ ”

“ ฉันแค่พูดไปตามที่ฉันเห็น ”

“  เมื่อไหร่แกจะเลิกมีอคติกับก้องภพสักที เขาเป็นคนดี ”

“ ดีกับแกแต่เลวคนอื่น ”

“ ทำไมแกมองก้องในแง่ร้ายขนาดนั้น เชื่อฉันสิว่าก้องรักฉันด้วยใจจริงไม่เสแสร้งแน่นอน ฉันรับรอง  ”

“ ใครเชื่อก็บ้างแล้ว ฉันต่างหากที่รักแกด้วยใจจริงแต่แกมาเคยรักฉันเลย แกรักไอ้ก้องคนเดียว ”

“ ทำไมฉันจะไม่รักแกละ ชลธีรักมัจฉาได้ยินไหม  ”

“ ไม่ได้ยิน ฉันอยากให้แกรักฉันในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนในสถานะของคำว่าแฟน  ”

“ แกอำฉันเล่นอีกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ไอ้เพื่อนบ้ารู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิง   ”  มัจฉาตอบไปเป็นผู้ช่วยของเสมอใจ สุปราณีย์รีบโทรไปหาเสมอใจ หลังจากที่คุยกันเสร็จเรียบร้อยสุปราณีย์บอกให้มัจฉาไปหาเสมอใจที่มหาวิทยาลัย วันรุ่งขึ้นมัจฉา เข้ม และ เบิ้มไปหาเสมอใจที่คณะประมงตามนัด  เสมอใจรอมัจฉาอยู่ที่ห้องทำงาน 

“ ขออนุญาตค่ะ ”

“ เข้ามาได้จ๊ะ ”  มัจฉา เบิ้มและเข้มเปิดประตูห้องเดินเข้าไปหาเสมอใจพร้อมกับแนะนำตัวให้เสมอได้รู้จัก

เสมอใจรู้สึกถูกชะตากับมัจฉา

“   คนไหนชื่อเบิ้ม คนไหนชื่อเข้ม ส่วนหนูคือมัจฉา   ”  

“  ผมชื่อเบิ้มครับ ส่วนนี้ชื่อเข้ม ” เบิ้มและเข้มแนะนำตัวให้เสมอใจได้รู้จัก นับตั้งแต่วันนั้นหลังจากเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ มัจฉา เบิ้มและเข้มต้องไปทำงานกับเสมอใจเป็นประจำทุกวัน  ความใกล้ชิดทำให้เสมอใจเอ็นดูมัจฉาเป็นพิเศษ เสมอใจให้มัจฉาทำหน้าที่รวบรวมเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในการทดลองและยังให้มัจฉาเข้าไปเรียนวิชาที่ตนเองในชั่วโมงเรียนและร่วมทำการทำทดลองพร้อมกับนักศึกษาที่ตนเองสอน

มัจฉามีความสุขในการทำงาน เสมอใจดูแลมัจฉาอย่างใกล้ชิดและคอยให้คำปรึกษามัจฉาทุกอย่างทำให้ มัจฉารู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เสมอใจ 

“ มีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้นะ มัจไม่ต้องเกรงใจครู ครูยินดีเป็นที่ปรึกษาให้มัจทุกเรื่อง  ” มัจฉายิ้มให้เสมอใจ

“ ค่ะครู ” เสมอใจเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของมัจฉาชดเชยในสิ่งที่มัจฉาต้องการจากเพ็ญจันทร์แต่เพ็ญจันทร์ไม่เคยมีให้  มัจฉารู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เสมอใจ  เสมอใจมักไปหลอกถามเบิ้มและเข้มว่ามัจฉาชอบอะไรต้องการอะไร เพราะเมื่อตนเองรู้ว่ามัจฉาต้องการอะไร เสมอใจไม่รอช้ารีบซื้อให้มัจฉาทันทีทำให้มัจฉายิ่งรักเสมอใจและเกรงใจเสมอใจยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

“ พวกแกสองคนไปบอกอาจารย์เสมอใจทำไมว่าฉันอยากได้โน๊ตบุ๊คไว้ทำงาน  สิ้นเปลืองเงินอาจารย์เปล่า ”

“ ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์เสมอใจจะซื้อให้แกจริง ๆ ”

“ นั้นนะซิ ดูท่าแล้วว่าอาจารย์เสมอใจจะรักแกมากเลย  ”  มัจฉาเงียบนั่งฟังเบิ้มและเข้มพูดไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่นึกถึงเรื่องของเพ็ญจันทร์

“ เป็นอะไรว่ะนั่งเม่อคิดถึงใครอยู่ ”

“ ฉันคิดถึงคุณนาย ช่วงนี้ฉันไม่ได้คุยกับคุณนายเลยนับวันความสัมพันธ์ของฉันกับคุณนายดูแย่ลงไม่เหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะฉันไม่เข้าไปคุยกับคุณนายเหมือนเมื่อก่อนก็ได้ ”

“ วันนี้แกกลับบ้านลองเข้าไปคุยกับป้าเพ็ญดูสิ แกก็ทำเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ”

“ ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน ”   มัจฉาใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการทำงานเป็นผู้ช่วยของเสมอใจทำให้ไม่มีเวลาคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเช่นแต่ก่อน อีกทั้งท่าทีการแสดงออกของมัจฉาดูเปลี่ยนไปจากเดิมทำให้เพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงอัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของมัจฉา

 

ในขณะเดียวกันมัจฉาไม่ต้องการมีปัญหากับเพ็ญจันทร์เลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้เพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของมัจฉาตนเองพยามหาเรื่องคุยกับมัจฉาแต่มัจฉาเลือกที่ถามคำตอบคำทำให้เพ็ญจันทร์อึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก  พุทธชาดหลงศิวามากจนไม่ยอมกลับบ้านใช้เวลาทั้งหมดในแต่ละวันอยู่กับศิวาจนลืมคนรอบข้างแม้กระทั่งมัจฉาโทรไปพุทธชาดยังไม่ยอมรับสายหรือบางครั้งบอกว่ากำลังยุ่งไม่มีเวลาคุยด้วย

 

ในตอนแรกมัจฉาเข้าใจว่าพุทธชาดคงไม่ว่าง ๆ จริงแต่ความคิดทั้งหมดต้องเปลี่ยนไปเมื่อมัจฉาเจอพุทธชาดนั่งกินข้าวอยู่กับศิวาเลยแกล้งโทรไปหาพุทธชาดแต่คำตอบที่ได้รับจากพุทธชาดทำให้มัจฉามัจฉาเสียใจมากเลิกติดต่อพุทธชาดตั้งแต่วันนั้น

“ พี่พุดคิดถึงจังเลย ”

“ แค่นี้ก่อนนะพี่กำลังยุ่ง มัจค่อยโทรมาหาพี่แล้วกัน ”

“ ใครโทรมา ”

“ มัจฉาโทรมา ”

“ สงสัยโทรมาขอเงินพุด พุดไม่ต้องให้นะครับ เงินตัวเองไม่พอใจก็ต้องไปบอกป้าเพ็ญไม่ใช่โทรมาบอกพุด น้องก็น้องเถอะ พุดไม่ต้องให้เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า พุดไม่ให้เดี๋ยวมัจก็ไปยืมเงินคนอื่นได้ ”

“ มัจไม่เคยยืมเงินของพุดเลยนะคะส่วนใหญ่พุดเป็นคนให้น้อง ”

“ เชื่อผมสิ มัจคงไม่มีเงินใช้นี่ที่โทรมาคงจะมาขอเงินพุดละสิ ถ้าไม่อย่างนั้นจะโทรมาพุดทำไมกัน ”

“ ศิวาคิดแบบนั้นหรอ ฉันเชื่อคุณ ”  ศิวาเป็นผู้ชายกะล่อนตอแหลไปวัน ๆ เกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ แต่ด้วยความหล่อและนิสัยที่ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น ๆ ของเขาทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนตกหลุมรักเขาได้โดยง่ายหนึ่งในนั้นคือพุทธชาด ศิวาคอยสูบเอาเงินของพุทธชาดมาบำรุงความสุขของตัวเองโดยที่พุทธชาดไม่คยรู้ว่าตัวเองกำลังโดนหลอก  มัจฉาพยายามเตือนเรื่องนี้ให้พุทธชาดได้รู้แต่พุทธชาดไม่เชื่อต่อว่ามัจฉาด้วยความโกรธและบอกให้มัจฉาเลิกยุ่งตนเองได้แล้ว  

มัจฉาใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับการทำงานเป็นผู้ช่วยของเสมอใจทำให้ไม่มีเวลาคุยกับเพ็ญจันทร์ อีกทั้งท่าทีการแสดงออกของมัจฉาดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากจนเพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงอัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของมัจฉา ในขณะเดียวกันมัจฉาไม่ต้องการมีปัญหากับเพ็ญจันทร์เลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้เพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง มัจฉาเปลี่ยนไปจากเดิมมากทำให้เพ็ญจันทร์กังวลใจ 

“ พิม ! ช่วงนี้มัจเป็นอะไรทำ ไมไม่มากวนประสาทฉันเมื่อก่อน วันๆคุยกับฉันแทบนับคำได้กว่าจะพูดออกมาสักคำพิกุลแทบร่วงออกจากปาก ”

“ คุณหนูคงเบื่อคุณผู้หญิงมั้งค่ะ  ”  จี๊ดพูดแทรกขึ้นมา พิมภาตกใจในคำพูดของหลานตัวเองใช้มือตีแขนจี๊ดอย่างแรง  จี๊ดรีบเอามืออุดปากตัวเองทันทีกลัวเพ็ญจันทร์โกรธ

“ รู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา  ” 

“ ไม่เป็นไร พิมอย่าไปว่าจี๊ดเลยมันคงจริงอย่างที่จี๊ดพูด มัจคงเบื่อและไม่อยากคุยกับฉัน  ”

“ คุณผู้หญิงเหงาใช่มั้ยค่ะเพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีวันไหนที่คุณหนูไม่แกล้งยั่วโมโหคุณผู้หญิงและโดนคุณผู้หญิงดุทุกครั้งหรือไม่บางครั้งคุณผู้หญิงไล่ตะเพิดคุณหนูออกมาจากห้อง  พิมขอพูดตรงๆนะค่ะ คุณผู้หญิงมีเวลาให้คุณหนูพุดแต่คุณผู้หญิงไม่เคยมีเวลาให้คุณหนูมัจ  คุณผู้หญิงไม่เคยรับฟังเหตุผลของคุณหนูมัจแม้แต่ครั้งเดียวผิดกับคุณหนูพุดที่คุณผู้หญิงรับฟังทุกเรื่อง ”   พิมพาเอ๋ยปากพูดกับเพ็ญจันทร์อย่างตงไปตรงมา

 “ ทุกครั้งที่คุณหนูกอดคุณผู้หญิง  คุณผู้หญิงชอบไล่ให้คุณหนูไปให้พ้นหน้า เวลาคุณหนูกอด คุณผู้หญิงชอบผลักคุณหนูออกจากอก   ”  จี๊ดพูดแทรกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งคิดมากเข้าไปกันอีก 

“  คุณหนู ! วันนี้คุณหนูกลับบ้านเร็วจัง ”   มัจฉายิ้มให้พิมพ์ภาแทนคำตอบ ส่วนเพ็ญจันทร์อ้าแขนรอเข้าใจว่ามัจฉาจะเข้าไปกอดตัวเองเหมือนทุกครั้งแต่วันนี้มัจฉากลับทำเฉยทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา

 “ สวัสดีค่ะป้า ! ” มัจฉากล่าวทักทายเพ็ญจันทร์แต่คำทักทายของมัจฉาได้เปลี่ยนไปยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์อึดอัดใจจนพูดไม่ออก

“ วันนี้มาแปลกไม่เรียกป้าว่าคุณนาย  ”  เพ็ญจันทร์พยายามหาเรื่องคุย มัจฉานิ่งใบหน้าเรียบเฉยไม่ยอมเอ๋ยปากคุยกับเพ็ญจันทร์  เพ็ญจันทร์ขยับเข้ามาใกล้ตัวมัจฉาใช้มืออีกข้างหนึ่งเอื้อมไปจับตัวของมัจฉาแต่มัจฉากลับเบี่ยงตัวหนีออกไปเสียก่อน ทุกคนตกใจในการกระทำของมัจฉาได้แต่นิ่งเงียบ

“ มัจตัวสกปรกป้าอย่าเอามือมาถูกตัวมัจพลอยทำให้มือของป้าสกปรกไปด้วย  ”  คำพูดของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ใจหายฮวบ หัวใจทั้งดวงกองร่วงหล่นลงบนพื้นไม่คิดว่ามัจฉาจะพูดกับตนเองแบบนี้เพราะทุกครั้งมัจฉาเป็นคนเข้ามากอดตนเองและตัวเองเป็นฝ่ายไล่มัจฉาออกไปเสมอ ท่าทีและการกระทำของมัจฉาที่เปลี่ยนไปทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งทุกข์ใจเข้าไปอีก

“ ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัจขอตัวก่อนค่ะ ” มัจฉาเดินกลับขึ้นห้องไปส่วนเพ็ญจันทร์กลับไปทำงานเช่นเดิม  เพ็ญจันทร์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ แฟ้มเอกสารถูกวางกองรวมกันไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ  ปลายนิ้วยาวจับปากกา  ดวงตาคมจ้องมองเอกสาร มือข้างหนึ่งกุมศีรษะพร้อมทั้งถอนหายใจเฮือกใหญ่  เพ็ญจันทร์แทบไม่มีสมาธิในการทำงาน ภาพของมัจฉายังคงวนเวียนอยู่ในสมอง เพ็ญจันทร์หลับตานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันเก่าๆที่ผ่านมาของตนเองกับมัจฉาที่เคยมีร่วมกัน

“ คุณนาย  มัจกลับมาแล้ว  ขอกอดให้หายคิดถึงหอมแก้มให้ชื่นใจ ”  มัจฉาโผล่พรวดเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ในระหว่างที่เพ็ญจันทร์กำลังคุยอยู่พุทธชาด

“ มัจทำอะไรเห็นมั้ยว่าป้ากำลังคุยอยู่กับพี่เค้าอยู่ โผล่พรวดพราดเข้ามาแบบนี้ได้ยังไงกัน เสียมารยาท  ”  เพ็ญจันทร์ดุมัจฉาแต่มัจฉากลับไม่สนใจกระโดดกอดเพ็ญจันทร์อีกครั้งหนึ่ง  เพ็ญจันทร์ผลักมัจฉาออกจากตัวทันที

“ เนื้อตัวสกปรกแบบนี้มากอดป้าได้ยังไง เห็นมั้ยเสื้อผ้าของป้าสกปรกเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมดแล้ว ไอ้แด็กคนนี้เล่นไม่รู้เวลา กลับห้องไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย  ”

“ เสื้อผ้าสกปรกซักใหม่ให้สะอาดเหมือนเก่าก็ได้แต่คุณนายไม่ได้มีเวลาให้มัจกอดทุกวันสักหน่อย  ”

“ ยังจะมาเถียงป้าอีก คราวหน้าไม่ต้องมากอดป้าอีก ดูสภาพตัวเองก่อนซิดู ไม่ได้เลย ตกลงไปเรียนหรือว่าไปตกบ่อโคลนที่ไหนมา ”

“  มัจขอโทษที่ทำให้คุณนายไม่พอใจ   ต่อไปนี้มัจไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับคุณนายอีก  อย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน ”  มัจฉาพนมมือมือไหว้เพ็ญจันทร์เดินออกจากห้องของเพ็ญจันทร์  

 “  ป้าขอโทษ  มัจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยลูก ป้ารู้สึกไม่ดีเลยที่มัจเปลี่ยนไป ”   เพ็ญจันทร์น้ำตาคลอเบ้านั่งคุยอยู่กับรูปของมัจฉาเพียงลำพังคนเดียวในห้องแต่ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของมัจฉาดังมาจากท้ายสวนของบ้าน 

“ ภาพวาดของคุณหนูสวยมากเลยค่ะ  ”

“ พี่เปรี้ยวอย่าดังไปเดี๋ยวคุณนายมาได้ยินเข้า  ระเบิดลูกใหญ่หล่นโครมลงมากองกับพื้นหรือว่าพวกพี่อยากเห็นระเบิดลงตรงนี้  ถ้าเป็นอย่างนั้นมัจขอตัวก่อนตัวใครตัวมันแหละกัน  ”

“ ไม่เอาดีกว่าค่ะคุณหนู  เงียบๆแบบนี้แหละดีแล้ว  พี่ไม่อยากฟังคุณหญิงบ่นหรือว่าคุณหนูอยากได้ยินเสียงของคุณผู้หญิง  ”

“  มัจว่าคุณนายคงไม่บ่นอย่างเดียวหรอกมั้ง  ”

“ คุณหนูหมายถึง ”   ลายเส้นจากดินสอจากเส้นเล็กเส้นน้อยก่อตัวเป็นรูปร่างในระยะเวลาอันสั้น เพ็ญจันทร์เดินเข้ามาเงียบไม่ทันใครทันสังเกตเห็น มัจฉาและทุกคนตกใจเมื่อเห็นเพ็ญจันทร์เดินเข้ามาประชิดตัว 

“ คุณผู้หญิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เปรี้ยวเอ๋ยปากถามเพ็ญจันทร์

“ เมื่อกี้นี้เอง ทำไมเห็นหน้าฉันพวกเธอต้องตกใจขนาดนี้ด้วย ”  มัจฉาเงียบยืนตัวเกร็งไปทั้งตัวเพราะรู้ตัวดีว่าทำผิด เพ็ญจันทร์สั่งห้ามมัจฉาวาดภาพเด็ดขาดแต่มัจฉากลับฝ่าฝืนคำสั่งของเพ็ญจันทร์แอบวาดภาพ

 “ มัจทำอะไรอยู่ล่ะลูก เสียงดังไปถึงห้องทำงานของป้า  ”

“ มัจขอโทษ มัจไม่ได้ตั้งใจขัดคำสั่งของป้า  ป้าจะตีมัจก็ได้นะแต่ป้าอย่าฉีกรูปของมัจทิ้งเลยนะ  ”  เพ็ญจันทร์พูดไม่ออกไม่นึกว่ามัจฉาจะพูดกับตนเองด้วยประโยคนี้

“ ป้าไม่ฉีกรูปของมัจหรอกลูก  ป้าแค่เดินลงมาดูเฉยๆเท่านั้นเอง ”

“ ยืนทื่อเป็นท่อนซุงอยู่ได้ รีบเก็บของให้คุณหนูเร็ว คุณผู้หญิงเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ  ”  พิมภาสั่งให้จี๊ดและเปรี้ยวรีบเก็บของให้มัจฉากลับขึ้นไปเก็บบนห้อง

 “ วันนี้ป้าใจดีจัง ” มัจฉากำลังอ้าแขนไปกอดเพ็ญจันทร์แต่คำพูดของเพ็ญจันทร์เมื่อวันก่อนทำให้มัจฉาเปลี่ยนใจชักมือกลับทันที 

“ ทำไมมัจต้องกลัวป้าและทำตัวห่างเหินกับป้าอย่างนี้ด้วย  ป้าไม่ชินเลยที่มัจเป็นแบบนี้ ” เพ็ญจันทร์พึมพำกับตัวเองยืนมองมัจฉาเดินจากไป   พิมภาอดเป็นห่วงเพ็ญจันทร์ไม่ได้

“ วันนี้คุณผู้หญิงกินข้าวน้อยจัง กับข้าวไม่ถูกปากหรอค่ะ ”

“ ฉันไม่ค่อยหิว ค่ำแล้วมัจยังไม่กลับมาอีก โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย ไม่รู้มัวทำอะไรอยู่ ”

“  ปลาช่อนเผาเกลือ  ต้มยำทะเล ของโปรดคุณผู้หญิง ” 

“ ฉันอิ่มแล้วยังจะยกมาอีก  เอาไปเก็บให้หมด  ”

“ คุณผู้หญิงยังอิ่มไม่ได้นะค่ะเพราะกับข้าวทั้งสองอย่างนี้เป็นฝีมือของคุณหนูและตอนนี้คุณหนูกำลังเดินมาที่โต๊ะอาหารด้วย ”  เพ็ญจันทร์เหลือบไปเห็นมัจฉากำลังเดินเข้ามา จี๊ดรีบออกไปต้อนรับมัจฉาทันที

“ คุณหนูกลับมาแล้ว คุณผู้หญิงรอกินข้าวอยู่ค่ะ ”

“ แต่ ! ” จี๊ดรีบจูงมือมัจฉาไปที่โต๊ะอาหาร เพ็ญจันทร์ถึงกับยิ้มออกเมื่อเห็นมัจฉาเดินมา

“ สวัสดีค่ะป้า ”

“ ไปไหนมา ทำไมไม่บอกป้าสักคำ ป้าโทรไปก็ไม่รับสาย ”

“ ป้าลืมไปแล้วหรอ ป้าเป็นคนบอกมัจเองไม่ใช่หรอว่าเวลาป้าทำงานไม่ให้มัจเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับป้า  ” เพ็ญจันทร์ถึงกับสะอึกพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของมัจฉา 

“  เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว มัจยังไม่ลืมอีก  ป้ากำลังโกรธเลยพูดออกไปอย่างนั้น ”

“ ป้าอาจจะลืมแต่มัจกลับจำได้แม่น ป้าไม่ได้พูดกับมัจแค่ครั้งเดียวแต่ป้าบอกมัจทุกครั้งที่มัจเข้าไปหาป้า ” มัจฉาพูดไม่คิดแต่คำตอบของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งทุกข์ใจเข้าไปอีก  เพ็ญจันทร์พยายามหาเรื่องคุยกับมัจฉาแต่มัจฉากลับไม่คุยเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อนยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ไม่สบายใจและกลุ้มใจมาก พรศรีทราบเรื่องของเพ็ญจันทร์จากสุปราณีย์ทั้งคู่นัดกันมาหาเพ็ญจันทร์ที่บ้าน

“  ลมอะไรหอบพวกเธอสองคนมาหาฉันพร้อมกันได้ ” เพ็ญจันทร์เอ๋ยปากถามเพื่อนสนิททั้งสองคน

“ พวกฉันสองคนเป็นห่วงเธอ สุเล่าให้ฉันฟังว่าเธอกลุ้มใจเรื่องยัยมัจ  ยัยมัจไปขัดใจอะไรเธออีกล่ะ ” 

“ เปล่า แต่ไม่รู้ทำไมช่วงนี้มัจทำตัวห่างเหินกับฉันชอบกล  ”

“ สุ ! เธอเจอหลานแล้ว ทำไมไม่บอกฉันบ้าง ” พรศรีดูกระตือรือร้นเมื่อได้ยินสุปราณีย์กล่าวถึงมัจฉา 

“ ฉันเจอยัยมัจทุกวัน ฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของยัยมัจที่วิทยาลัย  ”

“ มีแต่ฉันคนเดียวที่ยังไม่เจอหลานแล้วนี้มัจไม่อยู่บ้านหรอ  ฉันไม่เห็นตั้งแต่มาถึง ” พรศรีถามถึงมัจฉา  

“  มัจออกไปตั้งแต่เช้า  ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าออกไปไหนเย็นๆคงกลับมา ”

“ ตกลงเธอกับยัยมัจทะเลาะอะไรกันอีกหรือว่าเธอบังคับให้หลานทำอะไรตายัยมัจไม่ยอมทำตามใจเธอ ” สุปราณีย์เอ๋ยถามเพ็ญจันทร์ตรงๆ พรศรียิ่งสงสัยในคำถามของสุปราณีย์เข้าไปอีก

“  เพ็ญเธอบังคับให้มัจทำอะไร ทำไมเธอไม่ให้หลานทำในสิ่งที่ตังเองชอบเค้าจะได้มีความสุข เธอไปบังคับให้หลานทำตามใจแบบนี้ เค้าไม่ได้มีความสุขในสิ่งที่เราเลือกให้แต่กลับทำให้เค้ามีแต่ความทุกข์ ”

“ รู้ตอนนี้มันก็สายเกินไปที่กลับไปแก้ไข เป็นไงล่ะคราวนี้คนที่ทุกข์ใจกลับเป็นเธอ ตอนหลานมาอยู่ใกล้ๆไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ฉันอยากสมน้ำหน้าเธอจริงๆ ”

“ เพ็ญ ! เธอไล่หลานไปไหน หลานทำอะไรผิด ถ้าเธอไม่ต้องการยัยมัจทำไมเธอไม่บอกฉัน  ฉันยินดีรับเลี้ยงเอง ”

“ ฉันไม่ได้ไล่ยัยมัจออกจากบ้านหรือว่าไปไหนทั้งนั้น ”

“ แค่ไล่ให้ยัยมัจไปพ้นหน้าเท่านั้นเอง ” สุปราณีย์พูดแทรกขึ้นมา 

“ ฉันผิดไปแล้ว  หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ทำแบบนี้หลาน ฉันไม่ได้ตั้งใจ   ”

“ ฉันว่าเธอรีบไปปรับความเข้าใจกับยัยมัจ ก่อนทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิม ”  สุปราณีย์และพรศรีปลอบใจไม่ให้เพ็ญจันทร์คิดมากและคลายกังวลใจลงบ้าง หลังจากทำงานเสร็จมัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีชวนมัจฉาไปเดินเล่นในสวนบริเวณบ้านพร้อมทั้งเอื้อมมือไปกอดคอมัจฉาด้วยความคุ้นเคย   มัจฉาหันหน้าไปสบตากับชลธี ดวงตาคู่ใสจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าต่างฝ่ายต่างรับรู้ความรู้สึกของกันแต่ละกัน

“ แกเป็นอะไรมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ดูหน้าแกซิไร้อารมณ์สุดๆหรือว่าแกอกหัก ”  สองมือของชลธีจับแก้มขอมมัจฉาส่ายไปมา มัจฉาสะดุดก้อนหิน ชลธีใช้มือช้อนตัวมัจฉากลับมาที่เดิม มัจฉาอยู่ในอ้อมกอดสัมผัสไออุ่นจากแผงอกของชลธี

“ ตกลงแกเป็นอะไร แกตอบฉันมาซิ  ”

“ เป็นมนุษย์ มีสองเท้า สองแขน หนึ่งหัว  ”  ชลธีหมั่นไส้ในคำตอบของมัจฉาใช้มือคล้องคอมัจฉา มัจฉาเงยหน้าขึ้นสบตากับชลธี มัจฉายิ้มให้ชลธี ใบหน้าของชลธีแนบชิบกับใบหน้าของมัจฉา ศีรษะของทั้งสองคนตรงกันพอดี

“  คราวนี้แกบอกฉันได้มั้ยว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร ถ้าให้ฉันเดาคงเป็นเรื่องป้าเพ็ญ ”   มัจฉาพยักหน้า ชลธีปล่อยแขนออกจากต้นคอของมัจฉา

“ ทะเลาะเรื่องอะไรกันอีกล่ะ  แกกับป้าเพ็ญเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกันมากกว่าเป็นป้ากับหลาน เจอหน้ากันทีไรต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกันประจำ ”

“ คงจริงถ้าที่แกบอก ตอนนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับคุณนายเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ ฉันแทบไม่คุยกับคุณนายต่างหากล่ะ  ”  

“ ไม่ดีหรอว่ะแกไม่ต้องทะเลาะกับคุณนายแต่ทำไมหน้าแกไม่สดใสชื่นบานแต่กลับทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์  ”

 “ ฉันไม่คุยกับคุณนายต่างหาก ฉันเบื่อที่ต้องมาทะเลาะ   ฉันไม่อยากฟังคุณนายบ่น ฉันไม่อยากโดนคุณนายไล่เวลาฉันเข้าไปหา  คุณนายทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลาน  ฉันเหมือนเป็นคนนอกสายตาไม่เคยมีค่าและมีความสำคัญในชีวิต ”  มัจฉาพรั่งพรูความรู้สึกทั้งหมดภายในใจให้ชลธีได้รับรู้

“ ยังไม่ชินอีกหรอคุณหนูมัจ   ไม่เป็นไรฉันคนนึงที่รักแก  ”  ชลธีโน้มตัวลงกอดมัจฉา   สองกายแนบชิดสัมผัสไออุ่นซึ่งกันและกัน  ทุกอย่างสงบนิ่งและหยุดลงชั่วครู่หนึ่ง พ่อและแม่ของชลธีเดินผ่านเห็นชลธีกับมัจฉากำลังกอดกันอยู่ทั้งคู่เข้าใจผิดคิดว่าชลธีกับมัจฉาเป็นแฟนกัน

“  แกรักฉันจริงหรอ ฉันไม่เชื่อ ”

“  เชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้ ฉันรักแกจริง ”  

“ เชื่อก็ได้ ฉันก็รักแกเหมือนกัน  รักมานานแล้ว ”  มัจฉาขยับหน้าเข้าไปหอมแก้มของชลธีอีกครั้งหนึ่ง ชลธีเข้าใจว่ามัจฉารักตนเองแบบเพื่อนแต่มัจฉากกลับไม่รักชลธีแบบเพื่อน ความรู้แท้จริงของหัวใจถูกเก็บซ่อนไว้เพื่อมิตรภาพของสองเรา

 “ อย่าเพิ่งรีบกลับอยู่กินข้าวกันก่อน วันนี้แม่ของฉันทำคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ”

“ ขอบใจว่ะแต่วันนี้คงไม่ได้ ฉันมีงานต้องรีบทำให้เสร็จ  ”  ชลธีหน้ามุ่ย

“ ดูทำหน้าเข้าสิ อาทิตย์เดี๋ยวฉันมากินข้าวบ้านแก ” 

“ แกสัญญาแล้วนะ ห้ามลืมด้วย   ”   ชลธีเดินจูงมือมัจฉากลับบ้านพามัจฉาไปลาพ่อและแม่กับตนเองในบ้าน

“ พ่อค่ะ !  แม่ค่ะ ! มัจขอตัวกลับก่อน ”

“ ทำไมรีบกลับล่ะลูกอยู่กินข้าวกันก่อนซิ ”

“ ขอบคุณค่ะ มัจต้องรีบกลับไปทำงานให้เสร็จไว้โอกาสหน้า  ” มัจฉาพนมมือไหว้พ่อและแม่ของชลธี  พ่อและแม่ของชลธีพยักหน้าตอบรับ ชลธีเดินไปส่งมัจฉาที่รถ ชลธีโน้มตัวลงกอดกระซิบข้างหูของมัจฉา คำพูดสั้นๆของชลธีทำให้มัจถึงกับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“  หัวใจดวงนี้ขอมอบให้คุณหนูมัจฉาเพียงคนเดียว ”  ชลธีสับสนกับความรู้ภายในใจของตัวเอง ความเข้าใกล้และความผูกพันตั้งแต่เด็กทำให้ชลธีแยกไม่อออกว่าตนเองรักมัจฉาแบบเพื่อนหรือว่าแบบคนรักแต่อบอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้

“ ไอ้มัจ ฉันชักสับสนตัวเองแล้วว่าฉันรักแกแบบไหน ความรู้สึกแบบนี้ฉันไม่เคยมีให้ก้องภพแต่ฉันกลับมีให้แกหรือว่าฉันกับแกสนิทกันมากจนทำให้ฉันคิดมากถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน ”  ชลธีพึมพำเดินกลับเข้าภายในบ้าน 

“  ชล !  ” เสียงเรียกของสมาน ชลธีหันหลังกลับไปยังต้นเสียง สมานและมาลัยยิ้มกรุ่มกริ่ม ชลธีแปลกใจในท่าทีของพ่อและแม่

“  พ่อกับแม่เป็นอะไร ทำไมมองผมแปลกๆ ” 

“ ชลกับมัจไปเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ชลธีเอ๋ยปากถามตรงๆ ชลธีอึ้งไปคิดว่ามาลัยและสมานจะเข้าใจผิดคิดว่าตนเองกับมัจฉาเป็นแฟนกัน

 “ เปล่าครับ ผมกับมัจไม่ได้เป็นแฟนกันเราสองคนเป็นเพื่อน  ”

“ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ พ่อเห็นชลกับมัจยืนกอดกันกลมแถมหอมแก้มกันอีก   ถ้าชลเป็นแฟนกับมัจพ่อกับแม่ได้ว่าอะไรแต่ป้าขอมัจจะยอมให้ชลกับมัจคบกันหรือเปล่า นี้แหละปัญหา  ”

“ พ่อกับแม่คิดไปไกลแล้ว ผมขอตัวไปทำการบ้านดีกว่า ”  สมานและมาลัยสบตากันเข้าใจว่าชลธีคงเขิน  สมุด หนังสือของชลธีถูกวางลงบนโต๊ะแต่ชลธีกลับไม่สนใจมัวแต่คิดถึงคำพูดของสมานและมาลัย

“ ตกลงเรากับไอ้มัจเหมือนแฟนกันมากเลยหรอหรือว่าเราตกหลุมรักไอ้มัจเข้าแล้ว ” ชลธีบ่นพึมพำโน้มตัวลงนอน   มาริษากลับมาจากประชุมต่างจังหวัด เมื่อเห็นมัจฉาเดินเข้ามาในห้องเรียนมาริษาสวมกอดมัจฉาด้วยความคิดถึง มัฉฉาหอมแก้มมาริษาทำให้ทุกคนในห้องหันมามองทั้งสองคน 

“ คิดถึงจังเลยไม่เจอกันตั้งหลายเดือน เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก  ได้ข่าวว่าได้งานใหม่แล้วนิ ”

“ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทรมาบอก มัจจะได้ไปรับที่สนามบิน ”

“ พี่มาถึงเมื่อเช้านี่เอง พุดเป็นไงบ้างพี่โทรไปไม่รับสายเลย ”

“ มัวแต่บ้าผู้ชายเหมือนหมาตัวเมียติดสัด ความรักบังตาจนลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว ลืมได้แม้กระทั่งน้องของตัวเอง ”

“ ช่วยอธิบายให้พี่ฟังหน่อย พี่ไม่เข้าใจที่มัจพูด ”

“ พี่พุดมีแฟนแล้วตั้งแต่มีแฟนบ้านไม่เคยกลับโทรไปก็ไม่รับสายแถมพี่พุดก็เชื่อทุกอย่างที่ไอ้ศิวามันพูด ”

“ อะไรกันเนี่ย พี่ไปอบรมไม่กี่วันกลับมาพุดมีแฟนแล้ว แฟนของพุดชื่ออะไร  ”

“ ศิวา ! ไอ้หมอนิสัยไม่ดีปลิ้นปล่อนกะล่อนตอแหล พี่พุดโดนมันหลอกยังไม่รู้ตัว ”

“ มีรูปไหม พี่ขอดูหน่อยใช่คนเดียวที่พี่รู้จักหรือเปล่า ” มัจฉาเปิดภาพของศิวาในโทรศัพท์ให้มาริษาดู มาริษาตกใจเมื่อเห็นรูปของศิวา

“ ไอ้ศิวา ! พี่รู้จักมันดีมันเคยหลอกเพื่อนพี่ไปขายซ่องโชคดีที่เพื่อนพี่หนีออกมาได้ พุดไม่หน้าโง่ไปคว้าผู้ชายเฮงซวยแบบนี้มาเป็นแฟน ”

ความรักบังตาทำให้คนเราลืมสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่งน้องตัวเองยังลืมได้เห็นคนอื่นดีกกว่าทั้ง ๆ ที่มันมาทีหลังแต่พี่พุดกลับเชื่อมัน ”

“ พี่จะไปเตือนให้พุดระวังตัวเลิกกับมันได้ยิ่งดีเลย  ”

“ คงยาก มัจเตือนพี่พุดแล้วแต่พี่พุดไม่ฟังเลย ไอ้ศิวาพูดอะไรพี่พุดเชื่อไปหมดทุกอย่าง มัจเคยมันตอนไปเที่ยวผับกับน้ำหวาน ”

“ เราคงต้องดูอยู่อย่างห่าง ๆ กันแบบนี้ไปก่อน น้ำกำลังเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ถ้าไม่อย่างนั้นเรือจำคว่ำ ”

“ ไม่ใช่คว่ำธรรมดา พี่ว่าคว่ำไปถึงหน้าบ้านคุณนายเพ็ญจันทร์เลยละ ”  ฮ่า  ฮ่า ฮ่า

“ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ”  ชลธีชวนก้องภพมาหามัจฉาที่วิทยาลัย ก้องภพไม่อยากมาแต่จำใจต้องมา มัจฉาเห็นก้องภพมากับชลธีด้วยแสร้งทำสี่หน้าเป็นปกติทั้งที่ใจจริงไม่อยากเจอแม้แต่เงา มัจฉารู้ดีว่าก้องภพไม่ได้รักชลธีแม้แต่นิดเดียวแต่ที่เขาทนคบกับชลธีก็เพราะต้องการเป็นที่ยอมรับของทุกคนในโรงเรียน ชลธีมีทุกอย่างให้เขาตามที่ใจต้องการหมดผลประโยชน์เมื่อไหร่แล้วค่อยแยกทางไปมีคนอื่น

“ ไอ้มัจแกอยู่ไหน ทำไมฉันหาแกไม่เจอเลย  ”

“ ฉันอยู่นี้ ” มัจฉาโผล่หัวขึ้นมาพ้นมาจากผิวน้ำแกล้งใช้มือตวัดน้ำใส่ชลธีน้ำกระเด็นไปโดนหน้าก้องภพ  มัจฉาแอบยิ้มด้วยความสะใจ ก้องภพหงุดหงิดไม่พอใจมัจฉาแต่แกล้งทำตัวเป็นปกติในใจคิดหาวิธีเอาคืนมัจฉา

“ แกลงไปทำอะในน้ำ แดดแรงขนาดนี้หน้าดำคล้ำแดดกันพอดี นี่แกทาครีมกันแดดแล้วหรือยัง ”

“ ทำกระชังเลี้ยงปลา พรุ่งนี้จะเอาลูกปลานิลมาอนุบาลเลยต้องรีบทำให้เสร็จ ”

“ ฉันซื้อน้ำมาฝากแกด้วย ”

เนื้อหาโดย: ต้นรัก
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Tonruk's profile


โพสท์โดย: Tonruk
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิด 5 ผลงานละคร มาสเตอร์พีซ ของ "อ๋อม อรรคพันธ์" รำลึกถึงพระเอกดังแก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่!ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใหญ่มากในโตเกียวหนูน้อยวัยทารกถูกนกโฉบเข้าข่วนตา ขณะยายกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ อันตรายมาก!!เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.4" งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2567แมวส้มแอบการลดน้ำหนัก แต่ไปติดที่ชั้นวางรองเท้า นุด ช่วยเลาด้วย!คุณยายวัย 79 ปี เข้าฟิตเนสตลอดระยะเวลา 19 ปีวิธีผูกพร้อมเพย์ บัตรประชาชน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง ไม่ต้องต่อคิว สะดวก รวดเร็วสุดยอด 5 อันดับประเทศเอเชียระบบขนส่งเจ๋งสุด พร้อมไทยติดอันดับด้วย13 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวlองญี่ปุ่นเตือนภัยฝนตกหนักในเมืองโนโตะ จังหวัดอิชิคาวะ จากพายุปูลาซันดราม่าหมูเด้ง ติ๊กตอกสาวต่างชาติออกโรงด่าสวนสัตว์เขาเขียว วุ่นทั้งโซเชียล
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนูน้อยวัยทารกถูกนกโฉบเข้าข่วนตา ขณะยายกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ อันตรายมาก!!ชายชาวอเมริกันชิ้นส่วนเลโก้ติดอยู่ในจมูกนานถึง 26 ปีฝนตกน้ำท่วมขัง งูเห่าหนีซุกห้องน้ำ'หมูเด้ง'สู่วงการเกม! โผล่ในFFXIV!ปรากฏการณ์ดวงจันทร์ใหญ่มากในโตเกียววิธีผูกพร้อมเพย์ บัตรประชาชน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง ไม่ต้องต่อคิว สะดวก รวดเร็ว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
•สิบปีต่อมา.หมดไปกับ•!!!ตำนานเมืองลับแลเจ้าหญิงเวียงชื่น เทพวงศ์ ไม่ยอมถูกจับกุมคุมขัง ยอมปลิดชีพตน ด้วยการดื่มยาพิษเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์ ของยามากาตะ เป็นที่ตั้งของ โซกุชินบุตสึ
ตั้งกระทู้ใหม่