หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2 ( ต่อ )

เนื้อหาโดย Tonruk

“ เก่งมากหรือไงหยุดอยู่ตรงนั้น ”  ลูกน้องของเจ๊เล้งเล็งปืนมาที่พวกของมัจฉาทำให้ทั้งสามคนต้องหยุดอยู่กับที่ ลูกน้องอีกคนหนึ่งเดินมาจับตัวมัจฉา มัจฉาขัดขืนถูกตบด้ามปืนจนเลือดกลบปาก

“ จะยอมไปแบบเดินได้หรือว่าจะไปแบบขยับร่างกายไม่ได้ หยุดอยู่นิ่งเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ” ลูกน้องของเจ๊เล้งจับตัวมัจฉา ในขณะที่ลูกน้องอีกคนเดินคุมเข้มกับเบิ้ม น้ำหวานผ่านมาเห็นเข้ามาพอดีสั่งให้คนขับรถจอดรถทันที

“ นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกแกจะพาเพื่อนของฉันไปไหน ”

“ ลองถามเพื่อนแกดูสิ ”

“ มัจ !  แกบอกฉันมาพวกมันจับตัวแกทำไม  ”

“ ฉันไม่มีเงินให้พวกมัน เรื่องมันยาวเดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังวันหลัง วันนี้แกกลับไปก่อน ”

+ “ ฉันไม่กลับ แกเอาเงินพวกมันมาเท่าไหร่ทำไมพวกมันต้องซ้อมพวกแกจนน่วมไปทั้งตัวแบบบนี้ ”

“ ฉันกู้เงินเจ๊เล้งมาห้าพันแต่พวกมันโกงฉันเขียนในหนังสือสัญญาว่าห้าหมื่น ฉันต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละห้าพัน วันนี้ฉันไม่มีเงินให้ พวกมันจะเอาฉันไปขัดดอก ”

“ หนี้ทั้งหมดของแก ฉันจ่ายให้เอง  พวกแกพาฉันไปพบกับเจ๊เล้ง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายของพวกแก ” ลูกน้องของเจ๊เล้งมองหน้ากันพยักหน้าเป็นการตอบตกลง เจ๊เล้งรอฟังคำข่าวดีจากลูกน้องนั่งทำงานอย่างสบายใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้เจ๊เล้งสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ

“ เบา ๆ หน่อยสิ ฉันตกใจหมดเลยแล้วนั่นพาใครมาด้วย ”

“ คิดว่าใครเจ๊นี่เอง ”

“ คุณหนูน้ำหวาน ! พวกแกจับคุณหนูมาตัวคุณหนูมาทำไม อยากไปกินข้าวแดงในคุกหรือไง  ”

“ เจ๊เพื่อนของหวานกู้เงินเจ๊มาเท่าไหร่ ฉันจ่ายให้เองทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ”

“ ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู เจ๊ยกให้ ”

 

“ ไม่เป็นไรเจ๊บอกฉันมาว่าเท่าไหร่ ”  เจ๊เล้งอึกอักไม่กล้าตอบน้ำหวาน

“ ห้าหมื่นใช่ไหมเจ๊รอสักครู ฉันให้คนขับรถไปเบิกเงินที่ธนคารมาให้ ” เจ๊เล้งรู้จักกับพ่อของน้ำหวานเป็นอย่างดี พ่อของน้ำหวานเป็นตำรวจยศพันเอกทำหน้าที่ดูแลปกครองคนที่ทำธุรกิจสีเทาในแถบนี้ เจ๊เล้งคอยจัดหาเด็กสาวมาบริการให้พ่อของน้ำหวานอยู่เป็นประจำและพ่อของน้ำหวานคอยหลบหลีกเป็นเกราะกันภัยไม่ให้ตำรวจคนอื่น ๆ  มายุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของเจ๊เล้งทำให้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเรื่อยมาก  น้ำหวานนำเงินห้าหมื่นบาทมาคืนกับเจ๊เล้งพร้อมทั้งกำชับว่า ห้ามเจ๊เล้งมาวุ่นวายกับพวกของมัจฉาอีกต่อไป  เจ๊เล้งตอบตกลง 

“  ฉันจ่ายเงินให้เจ๊แล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ๊ห้ามมายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเพื่อนฉันอีก  ฝีมือเจ๊ใช่ไหมที่สั่งให้ลูกน้องไปพังร้าน ”

“ ครั้งล่าสุดนี่ใช่แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ฝีมือของเจ๊  ”

“ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางใครทางมันไม่ต้องมายุ่งเกี่วกันอีกแล้ว เพื่อนของฉันไม่เคยไปยุ่งเรื่องของเจ๊อยู่นิต่างคนต่างทำมาหากิน ”

“ ได้ค่ะคุณหนู  ”

“ เพื่อนฉันจะมาเปิดร้านได้ยังไงในเมื่อทุกคนกลัวลูกน้องของเจ๊กันหมด ปัญหานี้นี้เจ๊ต้องจัดการด้วย ”

“ ได้ค่ะคุณหนูเดี๋ยวเจ๊ให้ลูกน้องไปประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทุกคนกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวสามเกลอเหมือนเดิม  ”

“ อย่าลืมที่รับปากไว้นะเจ๊ ”  เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปช่วยซ่อมแซมร้านของสามเกลอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมพร้อมทั้งซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นในการทำก๋วยเตี๋ยวคืนให้กับมัจฉาทั้งหมด 

“ ไอ้มัจแกมีปัญหาอะไรทำไมไม่บอกฉันนึกบ้าอะไรถึงไปกู้เงินนอกระบบ แกไม่รู้หรือไงว่าพวกนี้มันโกง ”

“ ฉันไม่มีทางเลือก ทำไงได้ละ ฉันไม่ได้มีเงินใช้เหลือเฟือแบบแกนิ ”

“ แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน ”

“ ฉันไม่อยากรบกวน ”

“ ตกลงเราสองคนยังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม แกทำเหมือนฉันเป็นคนอื่นแค่คนรู้จักของแกไม่ใช่เพื่อน แกมีปัญหาอะไรทำไมฉันต้องรู้เป็นคนสุดท้ายเสมอ ไอ้เข้ม ไอ้เบิ้ม สองคนนั่นรู้ทุกอย่างในชีวิตของแกแต่ฉันไม่เคยรู้อะไรเลย ”

“ มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด ไอ้หวานแกเป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่งเหมือนกันเพียงแต่ฉันคิดว่าปัญหาเรื่องนี้ฉันจัดการได้ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้ไง ”

“ แกมีปัญหาบอกฉันได้ทุกเรื่อง เพื่อนคนนี้ยินดีช่วยแกทุกอย่าง ”  มัจฉากลับมาบ้านมานอนพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำหลับตานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนึกน้อยใจในโชคชะตาองตัวเองมีบ้านหลังใหญ่โตมั่งมีเงินทองแต่ตัวเองต้องกลับทำงานหนักหาเงินเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต ความอ่อนนแอที่แอบเก็บซ่อนไว้ในใจวันนี้ความอดทนทั้งหมดที่มีอยู่จบสิ้นลงแล้วน้ำตาแห่งความเศร้าโศกหลั่งไหลออกมาเหมือนกับสายน้ำหลากเหนื่อยทั้งกายและใจต้องการใครสักคนที่เข้าใจไม่รู้จะอดทนได้อีกนานแค่ไหนกัน  มัจฉาโทรหาชลธีไปหลายครั้งแต่ในขณะนั้นชลธีอยู่กับก้องภพตัดสายมัจฉาทิ้ง  เพ็ญจันทร์เดินเข้ามาหามัจฉารีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาในทันที

“ มัจไปทำอะไรมาทำไมมีแต่รอยฟกช้ำไปทั้งตัวแบบนี้ ”   

“ ถ้ามัจจากโลกนี้ไปคุณนายคงดีใจสินะ  ” เพ็ญจันทร์อึ้งไม่คิดว่ามัจฉาจะพูดแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ทุกทีมัจฉาจะพูดหยอกล้อกวนยียวนกวนประสาทตนเอง

“ มัจพูดแบบนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกป้าได้นะลูก ”

“ ปัญหาของมัจคุณนายไม่มีวันเข้าใจ คนที่คุณนายเข้าใจมีเพียงพี่พุดคนเดียวเท่านั้น  วันนี้มัจเหนื่อยมากไม่มีแรงมาทะเลาะกับคุณนาย ”  มัจฉาเดินออกไป เพ็ญจันทร์ไม่เข้าใจท่าทีของมัจฉาที่ดูเปลี่ยนไป

ค่ายมวยส่องรักเป็นค่ายมวยเล็ก ๆ  มีสมานและโยทะกาเป็นครูสอนช่วยฝึกมวยให้กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านและนักมวยอาชีพอีกหลายคนหนึ่งในนั่นมีมัจฉารวมอยู่ด้วย หลังจากที่มัจฉาเปิดเทอมไม่ได้แวะเวียนเข้ามาซ่อมมวยนานหลายเดือนจนทำให้โยทะกานึกเป็นห่วง  เข้มและเบิ้มมาหามัจฉาที่บ้านทั้งสามคนมาปรึกษาเรื่องเปิดร้าน เพ็ญจันทร์แอบยืนฟังอยู่ห่าง ๆ

“ ตอนนี้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเราจะเอายังไงกันต่อ ”

“ ฉันว่ารอให้เรื่องมันซาลงกว่านี้ก่อนไหมให้คนลืม ๆ ไปก่อนตอนนี้เรื่องมันยังร้อน ๆ อยู่เลย ”

“ ไอ้มัจแกว่าไง ฉันเห็นนั่งเงียบอยู่นานแล้วมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ”

“ ฉันคิดว่าจะกลับไปฝึกมวยกับพี่โยทะการะหว่างรอกลับไปเปิดร้าน ”

“ ฉันไม่อยากให้แกกลับไปชกมวยเลย ฉันไม่อยากเห็นแกต้องเจ็บตัว ”

“ ฉันไม่ได้ไปชกทุกวัน ขอบใจนะที่เป็นห่วง พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับพี่โยเรื่องชกมวย ฉันเห็นป้ายประกาศเดือนหน้ามีการแข่งชกมวยระดับจังหวัด ” 

“ แกจะลงแข่ง เฮ้ย ! ไม่ดีมั้ง ”

“ ดีสิ ฉันจะได้เอาเงินรางวัลที่ได้ไปคืนไอ้หวานด้วย ”  เพ็ญจันทร์กังวลใจที่มัจฉาไม่ยอมมาขอความช่วยเหลือจากตนเองแต่กลับคิดหาวิธีด้วยตนเอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาโยทะกาที่ค่ายมวย

“ สวัสดีครับ พี่สาวคนสวย ”  โยทะกายิ้มกว้างสวมกอดมัจฉาด้วยความคิดถึง นานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน

“ คิดถึงจังเลย มัจจะกลับมาฝึกมวยแล้วใช่ไหม  ”  

“ ใช่จ๊ะพี่พอดีที่ร้านเกิดเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้ปิดร้านไปก่อนรอให้เรื่องมันเงียบไปก่อนแล้วค่อยกลับไปเปิดร้านระหว่างนี้มาฝึกมวยกับพี่พลาง ๆ ก่อนแล้วกันและอีกอย่างหนึ่งมัจอยากลงแข่งมวยด้วย   ”

“ มัจมีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกพี่ได้นะ ”

“ เปล่ามัจไม่ได้มีปัญหาอะไรแค่อยากหาเงินเก็บไว้เป็นทุนเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้นเอง  ”

“ มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้ทุกเรื่อง พี่ยินดีช่วย ”

“ รับทราบครับผม  เดือนหน้ามีแข่งมวยชิงแชมป์ระดับจังหวัดมัจอยากลงแข่งงานนี้  ”

“ อยากลงแข่งก็ต้องมาซ้อมมวยทุกวันไม่ใช่หายไปแบบนี้มันไม่ใช่นิสัยที่ดีของนักกีฬา ”

“ รับทราบครับผม ”  เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับมาบ้านแต่มัจฉาพยามหลบหน้าไม่อยากเจอหน้าเพ็ญจันทร์ มัจฉารู้สึกเหนื่อยที่ต้องมีเรื่องทะเลาะกับเพ็ญจันทร์หนทางเดียวที่ดีที่สุดคือความเงียบ มัจฉาใช้เวลาหลังเลิกเรียนและวันเสาร์อาทิตย์ไปซ้อมมวยที่ค่ายมวยของโยะทะกาส่วนเข้มและเบิ้มไปรับจ้างเข็นผักที่ตลาด

ชลธีน้อยใจที่มัจฉาไม่ยอมเล่าเรื่องที่ร้านก๋วยเตี๋ยวถูกพังและเรื่องกู้เงินนอกระบบถึงกับมารอเค้นความจริงจากปากของมัจฉาที่ค่ายมวยของโยทะกา

“ ไอ้ชลแกรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี้ ”

“ แกมีปัญหาทำไม่บอกฉันสักคำ ทำไมแกไม่บอกฉัน ” ชลธีแสดงอาการหงุดหงิดไม่พอใจมัจฉา

“ ทำไมแกต้องโกรธฉันขนาดนี้ด้วยมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย ”

“ เรื่องของแกสำคัญกับฉันทุกเรื่องเพราะฉะนั้นแกต้องบอกฉันทุกเรื่อง ”

“ บอกไปก็แค่นั้นแกไม่มีเวลาคุยกับฉันหรอก นี่ที่มาหาฉันได้เพราะว่าไอ้ก้องมันไม่อยู่ใช่ไหม ถ้ามันอยู่แกก็ไม่ได้มาหาฉัน ฉันโทรไปแกก็รีบว่างบอกว่าไม่ว่าง แกไม่ว่างเพราะแกอยู่กับไอ้ก้อง แกจะมาโกรธฉันไม่ได้ ฉันมีเวลาคุยกับแกแต่แกไม่มีเวลาคุยกับฉันเลยเพราะฉะนั้นแกจะมาโกรธฉันไม่ได้นะ ” ชลธีรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าทุกอย่างที่มัจฉาพูดมาคือความจริงเพราะในช่วงนี้ตนเองมัวแต่สนใจก้องภพไม่มีเวลาคุยกับมัจฉาเลย คำตอบของมัจฉาทำให้ชลธีถึงกับพูดไม่ออก

“ ฉันสัญญานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะอยู่เคียงข้างแกตลอดไป ”

“ แค่ลมปากผู้ชาย ฉันไม่เชื่อหรอก การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ”

“ ฉันขอโทษ ”

“ เก็บคำขอโทษของแกไว้ใช้กับคนอื่น แกไม่ต้องมาขอโทษฉันเพราะแกไม่ได้ทำอะไรผิด ”  ชลธีเงียบ มัจฉาลุกขึ้นไปซ้อมมวยต่อไม่ได้สนชลธีแม้แต่นิดเดียวเพราะในตอนนี้มัจฉาต้องการเอาเงินไปคืนน้ำหวานให้เร็วที่สุดและอยากกลับไปเปิดร้านเหมือนเดิม  ชลธีนั่งรอมัจฉาจนซ้อมมวยเสร็จ

“ ไอ้มัจฉันขอโทษ แกจะให้ฉันทำยังไงแกถึงจะยอมหายโกรธ ”

“ เลิกกับไอ้ก้องแล้วมาเป็นแฟนฉัน ทำได้ไหม ไอ้ก้องเป็นคนไม่ดีมันไม่ได้รักแกจริง แกเชื่อฉันสิ ”

“ เมื่อไหร่แกจะเลิกมีอคติกับก้องสักที ก้องเป็นคนดี เขารักฉันด้วยใจจริงเหมือนอย่างที่แกรักฉัน ”

“ สักวันหนึ่งแกจะเสียใจที่ไม่เชื่อฉัน ”  มัจฉาแวะไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ชลธีขับรถตามมาติด ๆ   เข้มกับเบิ้มเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอาศัยอยู่กับยายในชุมชนแออัด พ่อแม่ของเบิ้มแยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เบิ้มยังเล็กส่วนเข้มพ่อไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่ส่วนแม่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตายตั้งแต่เข้มอายุได้สองขวบทำให้ทั้งสองคนต้องอยู่ในความดูแลของยาย

“ ไอ้เข้ม ไอ้เบิ้ม ”

“ แหกปากเรียกอยู่นั้นแหละ ทำไมแกไม่เปิดประตูเข้ามา ”

“ เปิดไม่ได้เห็นไหมฉันหิ้วของเต็มมือเลย ”

“ แกซื้อของอะไรมาเยอะแยะ ”

“ กับข้าวสำหรับทำอาหารมื้อค่ำของพวกเรา ”

“ เฮ้ย !  ไอ้ชล วันนี้ว่างหรอถึงมาหาพวกฉันสองคนได้ ไอ้ก้องไปไหนเสียแล้วละเห็นตัวติดกันอย่างกะตังเม ที่ไหนมีชลธีที่นั้นต้องมีก้องภพ  ”

“ ดูพูดเข้าสิฉันไม่ได้ติดแฟนขนาดนั้นสักหน่อย ”  มัจฉา เข้มและเบิ้มช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในครัว ชลธีเข้าไปช่วยแต่ถูกมัจฉาปฏิเสธบอกให้เขาไปนั่งรออยู่ที่ระเบียงบ้านทั้งสามคนสนุกอยู่กับการทำกับข้าวในครัว ชลธีแอบยืนมองมัจฉาอยู่ห่าง ๆ ภาพวันเก่า ๆ ในอดีตที่ตัวเองเคยทำร่วมกันผุดขึ้นมาจากความทรงจำเป็นระยะ ภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้เขาเศร้าใจ หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่ทำแบบนี้กับเพื่อนที่แสนดีอย่างมัจฉา วันเกิดเรื่องมัจฉาพยายามโทรหาชลธีหลายครั้งแต่เขากลับตัดสายทิ้งเพียงเพราะในช่วงเวลานั้นตนเองกำลังดูหนังอยู่กับก้องภพและหลัวจากนั้นก็ไม่โทรหามัจฉาจนกระทั่งรู้เข้มกับเบิ้มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เข้ม เบิ้มและมัจฉาช่วยกันยกอหารมื้อค่ำมาวางที่หน้าระเบียงบ้านทั้งหมดล้อมวงนั่งกินข้าวตรงหน้าระเบียงบ้าน  ชลธีพยายามง้อมัจฉาแต่มัจฉาทำเป็นไม่สนใจชลธี

“  ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้มีซ้อมมวยแต่เช้า  ”

“ เดี๋ยวฉันไปขับรถไปส่งที่บ้าน ”

“ ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้ ”

“ ไอ้มัจฉันขอโทษ  เมื่อไหร่แกจะหายโกรธฉัน  แกจะให้ฉันทำยังไงถึงแกจะหายโกรธฉัน ”

“ เลิกกับไอ้ก้องซะแล้วฉันจะยอมหายโกรธแก ”  ชลธีขับพยายามง้อมัจฉาสุดฤทธิ์แต่เธอไม่มีทีท่าจะหายโกรธ พฤติกรรมของมัจฉาที่แสดงออกมายิ่งทำให้ชลธีกังวลใจเป็นอย่างมากเพราะตลอดระยะเวลาที่คบกันมามัจฉาไม่เคยโกรธหรือทำตัวห่างเหินกับตนเองแบบนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่มัจฉาโกรธเขาเพราะทุกทีมัจฉาต่างหากที่เป็นฝ่ายง้อตนเอง

“  ใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวไอ้มัจก็หายโกรธ  ”

“ ยากจัง ฉันหมดหนทางที่ทำให้ไอ้มัจหายโกรธ ความผิดของฉันในวันนี้มันเกิดคำว่าให้อภัยจริง ”

“ ฉันมีวิธี วันเสาร์หน้าไอ้มัจมีแข่งชกมวย แกถือโอกาสนี้ไปให้กำลังใจใกล้ชิดติดขอบเวทีเลยแล้วก็ซื้อดอกบัวไปให้สักช่อพอไอ้มัจเดินลงจากเวทีแกก็ไปคุกเข่าขอคืนนี้ รับรองไอ้มัจต้องหายโกรธแกแน่นอน ”

“ จริงอย่างที่ไอ้เบิ้มบอก ลองดูสิชล แกกับไอ้มัจคบกันมาตั้งนานหลายปีตั้งแต่ประถมยันมัธยมความสัมพันธ์ของพวกแกสองคนไม่จบกันแค่นี้หรอก   เชื่อฉันสิไอ้มัจมันได้โกรธแกแต่ต้องการดัดนิสัยของแกต่างหาก  เชื่อฉันแกลองทำตามที่ฉันบอก ” 

“ ฉันจะลองทำตามที่พวกแกบอก หวังว่าวิธีนี้จะได้ผล  ”   ชลธีเศร้าใจที่มัจฉาไม่ยอมคุยกับเขาเหมือนเดิม ท่าทีห่างเหินที่มีให้ยิ่งทำให้เสียใจโทษตัวเองที่ไม่ใส่ใจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีอะไรแต่การการกระทำของตัวเองเกือบทำให้ตนเองต้องเกือบเสียเพื่อน ๆ อย่างมัจฉาไป   มัจฉาไม่มีเวลาสนใจเรื่องของชลธีเวลาทั้งหมดที่มีอยู่หมดไปกับการซ่อมมวยไม่มีเวลาคุยหรือแม้กระทั่งโทรไปหาเหมือนเมื่อก่อน  ชลธีทำใจยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้  วันแข่งขันชกมวยก็มาถึงโยทะกา มัจฉา เข้ม เบิ้ม น้ำหวานและชลธีเดินทางมาสนามมวยอย่างพร้อมเพียงกัน กิจกรรมในวันนี้มีคนเข้าร่วมแข่งขันจำนวนมากหลั่งไหลมาสารทิศแต่ละคนมีเป้าหมายเดียวกันคือการเป็นที่หนึ่ง บรรยากาศภายในสนามมวยเนืองแน่นคึกคักไปด้วยผู้คน

“ พร้อมไหมไอ้น้องรัก ”  มัจฉาพยักหน้า  ชลธีกุมมือของมัจฉาเอาไว้พร้อมกับยื่นดอกบัวให้เธอเพื่อเป็นกำลังใจ มัจฉาอมยิ้มนึกขำในการกระทำของชลธีที่ใช้วิธีนี้ง้อผู้หญิง

“ ไอ้ชล ! ใครบอกแกให้ใช้ดอกบัวง้อผู้หญิงเนี่ย  ฉันไม่ใช่แม่ชีนะเว้ยที่แกจะเอาดอกบัวมาบูชาฉันแบบนี้  ”

“ ไอ้เข้มกับไอ้เบิ้มบอกฉันว่าถ้าทำแบบนี้แกจะหายโกรธฉัน ” มัจฉาหัวเราะในความซื่อของชลธี

“ ผู้ชายซื่อบื้อคิดได้ยังไงใช้ดอกบัวง้อผู้หญิง ”

“ ฉันไม่รูนิหวานว่าการง้อผู้หญิงต้องทำยังไงแล้วผู้หญิงอย่างไอ้มัจเหมือนผู้หญิงทั่วไปซะที่ไหน ”

“ ฉันหายโกรธแกตั้งนานแล้วเพียงแต่ว่าฉันไม่ได้มีเวลาโทรไปคุยกับเหมือนเดิมเพราะฉันมาซ้อมมวยทุกวันกลับถึงบ้านก็หลับแล้ว ”

“ ฉันคิดว่าแกโกรธฉันไม่อยากคุยกับฉันแล้ว ”

“ คิดมากไปแล้วเราสองคนเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ทำไมฉันต้องโกรธแกเพราะเรื่องเล็กน้อย ฉันแค่น้อยใจเท่านั้นเอง ”

“ ฉันขอโทษ ”  ชลธียิ้มกระโดดสวมกอดมัจฉาด้วยความดีใจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาต้องหยุดมองเพราะคิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน  การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นมัจฉาประจำอยู่มุมแดง คู่ต่อสู้ประจำอยู่มุมน้ำเงิน ผู้ชมทยอยเดินเข้ามาในสนามมวย พิธีกรประกาศเริ่มต้นการแข่งขันชกมวย  ชกแรกผ่านไปได้ด้วยดีมัจฉาสามารถตั้งรับคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี โยทะกาบอกให้มัจฉาหาวิธีบุกคู่ต่อสู้บ้างไม่ใช่เอาแต่ตั้งรับแบบนี้โอกาสที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามมีน้อย 

“ ยกที่สองมัจต้องหาวิธีจัดการคู่ต่อสู้บ้างแล้วนะเอาแต่ตั้งรับแบบนี้คะแนนฝ่ายเราไม่มีเลย ”

“ ได้สิพี่ยกแรกมัจแค่หยั่งเชิงดูก่อน ไอ้นักมวยคนนี้มันบ้าพลังไม่ค่อยมีสติ ยกนี้ลองแลกหมัดกับมันดู ”

“ จัดไปไอ้น้องรักแต่ต้องระวังตัวอย่าประมาทไม่งั้นคนที่แย่คือมัจไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม ”

“ จ๊ะพี่ ”   เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนบอกหมดเวลาพักนักมวยเข้าประจำที่ มัจฉาเดินออกมาตรงกลางเวทีทั้งสองฝ่ายผลัดกันรับผลัดกันรุกไม่มีใครยอมใคร มัจฉาคอยหาจังหวะจัดการฝ่ายคู่ต่อสู้ด้หลายครั้ง เมื่อเหลือบมองไปเห็นนาฬิกาในใจคิดว่ายกที่สามจะต้องปิดเกมส์จัดการคู่ต่อสู้ให้สำเร็จช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะวันพรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนนยังไม่เริ่มต้นอ่านหนังสือแม้แต่ตัวเดียวเพราะมัวแต่ซ้อมมวย  เสียงระฆังดังหมดยก  มัจฉาเดินกลับเข้ามุมของตัวเอง  เข้มกับเบิ้มช่วยกันพรมน้ำใส่ตัวของมัจฉา  โยทะกากำลังสอนเชิงมวยให้กับมัจฉา

“ ทุกอย่างจะจบลงเมื่อหมดยกที่สาม ฉันจะน็อคคู่ต่อสู้ในยกนี้   ”

“ พูดเล่นใช่ไหม ”

“ ฉันพูดจริงยิ่งช้ายิ่งเสียเวลา พรุ่งนี้ฉันมีสอบยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัวฉันรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือไม่อยากให้การชกมวยกระทบต่อผลการเรียน  ”

“ คอยหาจังหวะให้ดีแล้วจัดการฝ่ายตรงข้ามให้อยู่หมัด ปิดฉากเกมส์วันนี้ ผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียว พี่เอาใจช่วย ”  มัจฉาพยักหน้า บรรยากาศในยกสามบีบอึดอัดบีบหัวใจคนดีมัจฉาเข้าแลกหมัดกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือดผลัดกันรุกผลัดกันรับต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน  มัจฉาคอยหาจังหวะที่คู่ต่อสู้เผลอรัวหมัดใส่จนอีกฝ่ายหงายหลังล้มลงกับพื้น  มัจฉาเริ่มหมดแรงแต่พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ล้มลงกับพื้น  สิ้นเสียงกรรมการนับสิบมัจฉานั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อย เข้มกับเบิ้มมาช่วยพยุงมัจฉาออกจากเวที  ชลธียื่นขวดน้ำให้พร้อมกับสวมกอดมัจฉา  มัจฉายิ้มหอมแก้มชลธีทีหนึ่งทั้งสองคนแอบเขินกันและกันแต่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมากลัวคนอื่นจะสงสัย 

“ ไอ้มัจทำไมแกบ้าพลังแบบนี้ไม่กลัวหมดแรงก่อนจะหมดยกหรอ ”

“ กลัวสิหวานแต่ฉันกลัวกลับไปอ่านหนังสือสอบไม่ทันมากกว่า พรุ่งสอบแล้ว ฉันยังไม่ได้เปิดหนังสืออ่านเลย ”

“ อีเพื่อนบ้า ไม่ห่วงตัวเองบ้างเลย ”

“ ฉันกลัวไม่ได้เกรดสี่ ”  ก่อนกลับบ้านโยทะกาชวนกันไปเลี้ยงฉลองให้กับมัจฉาที่ร้านเจ๊นุช อาหารอีสานหลากหลายเมนูวางรวมกันบนโต๊ะ มัจฉาดีใจที่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมสัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่ทุกคนมีให้ด้วยความจริงใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปากบ่งบอกถึงความสุขใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่ทุกคนมีให้กันทำให้บรรยากาศในวันนี้อบอวลไปด้วยความรัก   มัจฉารีบกลับบ้านมาอ่านหนังสือสอบ เพ็ญจันทร์นึกสงสัยแอบเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นมัจฉานอนฟุบอยู่กับโต๊ะ  ร่องรอยบาดแผลบนใบหน้าและรอยฟกช้ำตามร่างกายทำให้เพ็ญจันทร์นึกสงสัยแต่เหลือบไปเห็นถ้วยรางวัลที่วางอยู่บนเตียงทำให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด 

“ แอบหนีไปชกมวยมาอีกแล้ว ห้ามอะไรไม่เคยฟัง เด็กคนนี้ทำไมมันดื้ออย่างนี้  ”

อาคารเรียนวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการ  นักศึกษาแต่ละทยอยเดินเข้ามาในห้องสอบ มัจฉา น้ำหวานและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งของตนเอง  สุปราณีย์เดินแจกข้อสอบให้กับทุกคนในห้องโดยพร้อมเพรียงกันแต่มาหยุดอยู่ที่มัจฉา

“ มัจ !  ไปทำอะไรมา บอกป้ามาเดี๋ยวนี้   ”

“ เมื่อวานมัจไปแข่งชกมวยมาค่ะป้า ”

“ หาเรื่องโดนอีกแล้ว นี่เพ็ญจันทร์รู้เรื่องนี้หรือเปล่า ”

“ เปล่าค่ะ มัจไม่ได้บอก เรื่องนี้คุณนายรู้ไม่ได้เด็ดขาด ”

“ แล้วถ้าเพ็ญจันทร์เห็นแผลที่หน้ากับรอยฟกช้ำที่แขน  มัจจะตอบว่ายังไง ”

“ ตอบไปตามความจริงละคะจะให้มัจตอบว่ายังไงละ ในเมื่อหลักฐานมันอยู่บนใบหน้าแบบนี้  ”   สุปราณีย์ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะหน้าชั้นเรียน  ใกล้หมดเวลาทำข้อสอบนักศึกษาทยอยกันออกจากห้องสอบ มัจฉาออกไปนั่งรอน้ำหวานอยู่ด้านนอก

 “ ไอ้หวาน ! ฉันเอาเงินมาคืนแกลองนับดูก่อนสิว่าครบหรือเปล่า ”

“ แกเอาเงินมาจากไหนไปยืมใครหรือไปกู้ใครมาหรือเปล่า แกเก็บไว้ใช้เถอะฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไร แกไม่ต้องรีบคืนฉันก็ได้  ”

“ เงินรางวัลเมื่อคืน ”

“ อย่าบอกนะว่าที่แกไปชกมวยเพื่อต้องการหาเงินมาคืนฉัน ”

“ อันนั้นก็ส่วนหนึ่ง ฉันต้องการเงินไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวด้วย ฉันปิดร้านมาหลายวันตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันสงสารไอ้เข้มกับไอ้เบิ้มที่ต้องตื่นเช้าไปเข็นผักที่ตลาด  ”

“ ถ้างั้นแกเก็บเงินนี้ไว้ก่อนแล้วกัน ฉันให้รับไว้เถอะ  แกต้องสัญญากับฉันก่อนนะว่าจะไม่ไปกู้เงินนอกระบบอีก เงินเพียงไม่กี่บาทเกือบเอาชีวิตไม่รอดมันไม่คุ้มกันเลย ”

“ ตายได้ก็ดีนะ ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย  ”

“ รีบตายไปไหนโลกใบนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้ตั้งเยอะแยะ  ”

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่วันนั้นฉันก็เกือบตายโดนพวกมันเอาปืนยิงขู่แถมยังโดนตบกับด้ามปืนจนเลือดกลบปากเกือบเอาชีวิตไม่รอด  ”

“ ไม่เป็นไรถือว่าเป็นบทเรียนชีวิตแล้วกัน ถ้าหากแกมีปัญหาเรื่องเงินหรือว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพื่อนคนนี้จะอยู่เคียงข้างแกตลอดไป  แกห้ามไปกู้เงินนอกระบบเด็ดขาด ถ้าวันนั้นฉันไม่เจอแก ฉันไม่อยากจะคิดเลยแกกับไอ้เบิ้มและไอ้เข้มจะเป็นยังไง  ”

“ ฉันต้องขอบใจแกมากที่ช่ววยฉันเอาไว้ ถ้าวันนั้นฉันไม่ได้แกช่วยเอาไว้ ตอนนี้ฉันคงต้องไปเป็น...ขายตัวขัดดอกอยู่ในบ่อน  ”  น้ำหวานสวมกอดมัจฉาเป็นการปลอบใจ   มัจฉาถอนหายใจ  สุปราณีย์เดินผ่านได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนึกโกรธเพ็ญจันทร์ที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าที่ควรรีบไปหาเพ็ญจันทร์ที่โรงเรียนทันที  เพ็ญจันทร์นั่งทำงานอยู่ในห้อง สุปราณีย์หยิบแฟ้มทุ้มลงบนโต๊ะอย่างแรงจนเพ็ญจันทร์ตกใจ

“ เธอทำอะไร ฉันตกใจหมดแล้วไป ” เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้น

“ ฉันแค่เตือนสติของเธอ  เพ็ญทำไมเธอปล่อยให้มัจฉาไปกู้เงินนอกระบบรู้ไหมหลานเกือบถูกพวกมันจับตัวไปขัดดอกดอกในบ่อน ”

“ ฉันไม่รู้เรื่องมัจฉาไม่เคยมาบอกฉัน มัจฉากู้เงินไปไหน เธอพอจะรู้ไหม ”

“ รู้สิ ร้านก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาโดนพวกบ้าที่ไม่รู้มาพังร้านจนไม่เหลือซาก มัจฉาเลยต้องไปกู้เงินมาเปิดร้านใหม่แต่กลับถูกพวกมันโกง ”

“ ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน มัจฉาไม่เคยเล่าอะไรให้ฉันฟังเลย ”

“ คงกลัวเธอดุถึงไม่กล้าบอก ฉันว่าเธอต้องปรับตัวเข้าหามัจฉาได้แล้วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ในวันนี้มัจฉาอาจจะยังคุยกับเธออยู่แต่ในวันข้างหน้าฉันไม่รู้หรอกนะว่ามัจฉาจะคุยกับเธอไหม  เธอลองสังเกตุดูว่าตอนนี้มัจฉาคุยกับเธอเหมือนเดิมหรือเปล่า ”  เพ็ญจันทร์ครุ่นคิดรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้มัจต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย

“ ช่วงนี้มัจฉากลับบ้านดึกทุกวันไม่รู้ไปไหน ฉันโทรไปไม่เคยรับแถมบางวันยังปิดเครื่อง ”

“ ไปซ้อมมวย ฉันได้ยินยัยมัจคุยกับเพื่อน นี่เมื่อวันเสาร์ไปแข่งมวยมาแล้วได้รางวัลชนะเลิศด้วย ฉันเห็นเอาเงินรางวัลมาคืนให้กับน้ำหวานที่ช่วยจ่ายหนี้ไปให้ก่อน  ”

“ ฉันเห็นถ้วยรางวัลแล้วเมื่อคืน เมื่อวานคงเหนื่อยฉันเห็นเปิดหนังสืออ่านฟุบหลับคาโต๊ะ ”

“ ใช่วันนี้มีสอบ วิชาที่ฉันสอน นี่ถ้าคุณหมอพรศรีรู้เรื่องนะเธอโดนฉีกอกมากว่านี้แน่ ยัยศรีรักมัจฉาจะตาย ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ 

“ มันก็จริงอย่างที่เธอพูดนั้นแหละ  ฉันเป็นป้าที่ใจร้ายมากใช่ไหมที่ปล่อยให้หลานต้องเผชิญชะตากรรมลำบากอยู่เพียงลำพังคนเดียวอย่างนี้  ”  มัจฉากลับมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังจากที่หยุดไปหลายวัน  บรรยากาศเปิดร้านในวันแรกคึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่แวะเข้ามาอุดหนุนทำให้ในวันนี้มัจฉาขายดีเป็นพิเศษหมดเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพ็ญจันทร์ครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของสุปราณีย์เมื่อตอนกลางวันทำให้นอนไม่หลับเดินออกไปรับลมที่ระเบียงบ้าน มัจฉากลับมาบ้านพอดี เพ็ญจันทร์มองดูมัจฉาด้วยความคิดถึงนานหลายวันแล้วที่ไม่คุยกันทั้ง ๆที่เมื่อก่อนมีเรื่องให้คุยกันทุกวันแต่เนื่องด้วยตนเองในเวลานั้นไม่อยากคุยกับมัจฉาสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่ทำงานแต่ในวันนี้ทำไมมัจฉาไม่มาคุยด้วยเหมือนกับเมื่อก่อน เสียงโต้เถียงเวลาคุยกันแทบไม่มีเลยเหลือแต่ความเงียบที่มีให้กัน  เพ็ญจันทร์พยายามคุยกับมัจฉาแต่มัจฉาเลือกที่จะเงียบไม่โต้ตอบเหมือนกับเมื่อก่อน  มัจฉาเลี่ยงที่จะไม่คุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อนเพราะไม่ต้องการให้เพ็ญจันทร์หงุดหวิดใจที่มีคนไปรบกวนเวลาทำงานความเงีบยทำให้เพ็ญจันทร์คิดถึงมัจฉาขึ้นมาจับใจ

บทที่ 3 ผู้ช่วยนักวิจัย

   ดร.เสมอใจเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของสุปราณีย์กำลังทำวิจัยต้องการคนมาช่วยงานบอกให้สุปราณีย์ช่วยหานักศึกษามาช่วยทำงาน สุปราณย์นึกถึงมัจฉาแนะนำให้เสมอใจรู้จักกับมัจฉาผ่านประวัติการศึกษา เสมอใจตอบตกลงรับมัจฉาเข้าทำงานแต่สุปราณีย์ต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจากมัจฉาเสียก่อน เสมอใจตอบตกลงรอคำตอบจากมัจฉา   สุปราณีย์แนะนำให้มัจฉาไปเป็นผู้ช่วยนักวิจัยของเสมอใจแต่มัจฉาปฏิเสธเพราะเป็นอดเป็นห่วงเข้มและเบิ้มไม่ได้

 “  มัจป้ามีงานใหม่มาแนะนำ  ” สุปราณีย์วางแผ่นกระดาษบนโต๊ะทำงานของตัวเอง

“ งานอะไรค่ะป้า ”

“ ผู้ช่วยนักวิจัย ! เพื่อนสนิทของป้าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกำลังหาเด็กไปเป็นผู้ช่วยงานที่คณะ ป้าว่างานนี้เหมาะกับมัจโอกาสมาถึงแล้วอย่าปล่อยให้หลุดลอยไปนะลูก ”

“ มัจสนใจนะค่ะป้า แต่ว่าถ้ามัจไปแล้วใครจะช่วยเบิ้มกับเข้มขายก๋วยเตี๋ยวล่ะสองคนนั้นคงลำบากถ้าไม่มีมัจ  ”

“ แต่ป้าอยากให้มัจไปทำงานกับเพื่อนป้านิลูก  งานนี้มันเป็นโอกาสของมัจเลยนะลูก ลองคิดดูใหม่อีกทีดีมั้ยลูก พรุ่งนี้ค่อยมาให้คำตอบป้า  ” มัจฉาลังเลใจแต่สุปราณีย์ต้องการให้มัจฉาได้งานนี้ตัดสินใจโทรไปหาเสมอใจอีกครั้งหนึ่งให้รับเบิ้มและเข้มเข้าทำงานด้วย

“ สุว่าไง เรื่องเด็กที่จะมาช่วยงานฉันได้หรือเปล่า ฉันรอเด็กของเธออยู่นะ   ”

“ ได้  มีเด็กอยู่คนหนึ่งรับรองเธอต้องชอบแน่แต่เธอรับเพิ่มอีกสองคนได้มั้ย ”

“ ทำไมล่ะ ”

“ เด็กที่ฉันแนะนำเป็นหลานของเพื่อนสนิทของฉันเองแต่ติดตรงที่มัจทิ้งเพื่อนอีกสองคนมาทำงานกับเธอไม่ได้ เพราะว่าตอนเย็นมัจต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อน  ถ้าขาดไปสักคนคงแย่เลย ”

“ เธอจะให้ฉันรับเด็กทั้งสามคนมาเป็นผู้ช่วยของฉัน ”

“ แบบนี้แล้วกันฉันให้เธอไปดูผู้ช่วยของเธอที่ร้านสามเกลอ เธอจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น  ”

หลังเลิกงานเสมอใจแวะไปหามัจฉาที่ร้าน ช่วงเวลาที่เสมอใจเข้าไปมัจฉาขายเกือบหมดแล้ว เสมอใจเป็นลูกค้าคนสุดท้ายของร้านในวันนี้

“ เชิญนั่งก่อนนะครับ  รับอะไรดีครับ ”

“ เส้นเล็กต้มยำจ๊ะ ” 

“ ไอ้มัจโต๊ะสี่เส้นเล็กต้มยำ ”

“ รับทราบครับผม ”  มัจฉาลวกเส้นปรุงรสก๋วยเตี๋ยวให้กับเสมอใจอย่างคล่องแคล่ว เข้มเอาก๋วยเตี๋ยวไปเสริฟให้กับเสมอใจ ในระหว่างนั้นมัจฉานำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เหลืออย่างละนิดละหน่อยมาลวกรวมกันแบ่งเป็นสามถ้วยปรุงรสชาติที่แต่ละคนชอบพร้อมยกมาวางบนโต๊ะ

“ ก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้วมากินได้เลย ฉันวางไว้บนโต๊ะ ”

“ แกจะไปไหน ทำไมไม่มากินพร้อมกันละ ”

 “ ฉันไม่ได้ไปไหนแค่ไปหยิบหนังสือมาอ่าน พรุ่งนี้มีเรียนผ่าปลา ฉันยังไม่ได้อ่านเลย ”

“ ไม่เป็นไร พวกฉันสองคนรอกินพร้อมกับแก ”  มัจฉาเดินไปหยิบกระเป๋าที่แขวนไว้หน้ารถมอเตอร์ไซด์ เข้มกับเบิ้มช่วยกันจัดแจงอาหารบนโต๊ะ นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีตำป่า ส้มตำ  ไก่ย่าง ข้าวเหนียวจากร้านของเจ๊นุช  เข้มคีบก้อนน้ำแข็งใส่แก้ว ส่วนเบิ้มช่วยเตรียมจานสำหรับใส่อาหารทั้งหมดที่วางอยู่าบนโต๊ะ มัจฉาวางหนังสือลงบนโต๊ะทั้งสามคนนั่งคุยสารทุกสุขดิบที่ได้เจอมาในวันนี้

“ ป้าสุแนะนำให้ฉันไปทำงานกับอาจารย์เสมอใจเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของป้าสุแต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว  ”

“ งานอะไร ทำไมแกปฏิเสธ ”

“ ผู้ช่วยนักวิจัย ถ้าฉันไปทำงานกับอาจารย์เสมอใจแล้วร้านก๋วยเตี๋ยวของพวกเราละไม่มีฉันใครจำทำก๋วยเตี๋ยว ฉันทิ้งพวกแกสองคนไปมีความสุขคนเดียวไม่ได้หรอกนะ งานหาวันไหนก็ได้แต่เพื่อนที่ดีมันได้หากันง่าย ๆ นะโว้ย ”

“ แต่นี้มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแกเลยนะ แกไม่ต้องห่วงพวกฉันเพื่ออนาคตของแก แกไปทำงานกับอาจารย์เสมอใจ ส่วนทางนี้พวกฉันดูแลกันได้  ”

“ บนถนนชีวิตของฉัน ฉันต้องการให้พวกนายสองคนเดินร่วมทางไปกับฉันด้วย ฉันจะทิ้งพวกแกไปได้ไง พวกเราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากมาย พวกแกสองคนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ”

“ นี่ถ้ามีตำแหน่งว่างสักสามตำแหน่งจะดีมากเลยให้พวกฉันสองคนไปเป็นเด็กล้างบ่อปลาก็ได้ ส่วนแกไปช่วยทำงานวิจัย  ”

“ เด็กล้างบ่อแกจะได้ขโมยปลากลับบ้านใช่ไหม  ”  ฮ่า ฮ่า ฮ่าทั้งสามคนหัวเราะ

“ นี่ถ้าฉันไปทำงานกับอาจารย์เสมอใจ ป้าศรีต้องดีใจมากที่ได้เจอฉันทุกวัน ”

“ ไม่ใช่แค่ดีใจคงไปเฝ้าแกทั้งวัน สายตาที่ป้าศรีมองแกเหมือนกับคนเป็นแม่มองดูลูกเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ”

“ ใช่ ฉันเห็นด้วย ถ้าวันนั้นแกไปขอเงินป้าศรี เชื่อฉันสิ ป้าศรีให้แก่แน่นอน ”

“ ไม่เอาฉันไม่อยากรบกวนแล้วอีกอย่างหนึ่งฉันไม่อยากให้คุณนายรู้ คุณนายกับป้าศรีเป็นเพื่อนสนิทกัน ป้าศรีต้องไปสงสัยแล้วไปถามคุณนายอยู่แล้ว ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณนายอีกแล้ว ฉันเหนื่อย ”  พรศรีเดินเข้ามาได้ยินพอดี เข้มกับเบิ้มตกใจที่เห็นพรศรีมาที่ร้าน

“ มันน่าน้อยใจจริง ๆ เลย ทำไมมัจคิดกับป้าแบบนั้น ”

“ ป้าศรีมาได้ไง ”

“ หายตัวมามั้ง ป้าเป็นห่วงเลยแวะมาหา เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่บอกป้า มัจมีปัญหาอะไรบอกป้าได้ทุกเรื่อง ป้ายินดีแบ่งเบาความทุกข์ของมัจ ”  พรศรีลูบหัวมัจฉาเบา ๆ 

“ อันที่จริงมัจไม่ต้องมาลำบากขายก๋วยเตี๋ยวแบบนี้ก็ได้นะ เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว เรื่องเรียนและเรื่องต่าง ๆ ที่มัจต้องการ ป้าช่วยมัจได้ทุกเรื่อง มัจอยากได้อยากได้อะไรบอกป้าได้นะ ป้ารักมัจมากเคยรู้บ้างไหม ”   

“ ทำไมป้าศรีกลับบ้านดึกจัง ”

“ กลับบ้านเร็วก็ไม่เจอมัจสิลูก  ”  พรศรียิ้ม เสมอใจได้ยินเรื่องราวทั้งหมดตัดสินใจรับทั้งเข้มและเบิ้มเข้าทำงานด้วยมีข้อแม้ว่ามัจต้องไปทำงานกับตนเอง สุปราณีย์ดีใจมากที่มัจฉาได้ไปทำงานกับเสมอใจ  เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านทุกวันอยากคุยกับมัจฉาเหมือนเมื่อก่อนแต่มัจฉาไม่ยอมคุยด้วย ความเงียบที่มัจฉามีให้ทำให้เพ็ญจันทร์เศร้าใจ คำพูดของสุปราณีย์เมื่อวันก่อนสะท้อนความเป็นจริงในตอนนี้ได้ดีที่สุด   เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเตรียมอาหารแต่เช้าให้ทันเวลามัจฉาไปเรียน  พิมพ์ภาและคนอื่น ๆ ช่วยกันจัดแจงอาหารบนโต๊ะจนเสร็จ เพ็ญจันทร์รอมัจฉากินข้าว 

“ คุณหนูอาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ  วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบของคุณหนูด้วยนะคะ ”

“ ไม่กินได้ไหม มัจไม่อยากกินข้าวกับคุณนายสองคน ”

“ ไม่ได้ค่ะ คุณผู้หญิงรอคุณหนูที่โต๊ะกินข้าวนานแล้วค่ะ ”

“ ก็ได้ค่ะ วันหลังมัจฝากให้ป้าบอกคุณนายด้วยนะว่า ไม่ต้องรอมัจกินข้าว ”   มัจฉาไม่ค่อยเต็มใจลงไปกินข้าวกับเพ็ญจันทร์ ตลอดหลายวันที่ผ่านมามัจฉาพยายามหลบหน้าเพ็ญจันทร์ไม่อยากโดนเพ็ญจันทร์ดุหรือมีปัญหาที่ต้องทะเลาะกันอีกแล้วผิดกับเพ็ญจันทร์ที่ในวันนี้ดีใจมากที่ได้เจอกับมัจฉา

“ หวัดดีครับคุณนาย  ”  เพ็ญจันทร์ยิ้ม

“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบของมัจด้วย ลองชิมดูว่าอร่อยถูกใจไหม  ”

“ ค่ะ ”  มัจฉานั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ  ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์อึดอัดเพราะเมื่อก่อนมัจฉาไม่ได้เป็นอย่างนี้ มัจฉาไม่กล้าคุยพูดหยอกล้อกับเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อน  บรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยมีให้กัน เพ็ญจันทร์พยายามชวนมัจฉาคุยแต่มัจฉากลับเงียบ ถ้าเพ็ญจันทร์ไม่ถามมัจฉาก็เงียบ

“ มัจขอตัวก่อนนะคะ ” มัจฉาไม่เข้าไปสวมกอดเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อน การกระทำของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งเศร้าใจ ด้วยใจจริงมัจฉาอยากเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์แต่ไม่อยากฟังเสียงบ่นของเพ็ญจันทร์ ทุกครั้งที่มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์มัจฉามักถูกเพ็ญจันทร์ดุอยู่เป็นประจำ มัจฉาไม่อยากกลับไปมีความรู้สึกแบบเดิม ๆ อีกแล้ว เมื่อหัวใจมันเป็นแผลยากที่จะกลับมาเหมือนเดิม วันเวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น      ร้านสามเกลอในช่วงเวลาค่ำเป็นช่วงเวลาที่ดูวุ่นวายที่สุดเป็นช่วงเวลาเลิกงานทำให้ในช่วงเวลานี้มีลูกค้าแวะเข้ามาอุดหนุนจำนวนมากจนไม่มีเวลานั่งพัก มัจฉาลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวจนมือระวิง เข้มกับเบิ้มช่วยกันดูแลลูกค้าภายในร้าน  

 “ โอ้ยเมื่อยจังเลย วันนี้ลูกค้าเยอะกว่าทุกวันยังมาถึงเที่ยงคืนขายก๋วยเตี๋ยวหมดแล้ว ”

“  พวกแกสองคนฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ”

“ แกมีเรื่องอะไร ”

“ อาจารย์เสมอใจรับพวกแกสองคนเข้าทำงาน พวกแกว่าไง ”

“ แกอยากไปทำงานนี้ใช่ไหมละ ”

“ ไม่ต้องตอบ พวกฉันสองคนรู้คำตอบอยู่แล้ว  ฉันตกลง แกว่าไงไอ้เบิ้ม ”

“ ฉันตกลงเพื่อคุณหนูมัจฉา ฉันยินดี ”

“ ขอบใจพวกแกสองคนมากเลยนะ น่ารักที่สุดเลย  ” 

“ ว่างเมื่อไหร่พวกเราค่อยมาเปิดร้านขายใหม่ก็ได้แต่โอกาสดี ๆ แบบนี้มันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นเมื่อโอกาสมาเราต้องรีบคว้า ” มัจฉายิ้มอย่างมีความสุขทั้งสามคนสวมกอดกัน  พุทธชาดพาศิวามาให้เพ็ญจันทร์รู้จักในฐานะเพื่อนสนิทไม่กล้าบอกเพ็ญจันทร์ตรง ๆ ว่าศิวาเป็นของแฟนของตนเอง มัจฉากลับมาบ้านพอดี พุทธชาดแนะนำศิวาให้รู้จักกับมัจฉาทั้งสองคนกล่าวทักทายกันพอเป็นพิธี ศิวาขอตัวกลับไปก่อน  

 

เนื้อหาโดย: ต้นรัก
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Tonruk's profile


โพสท์โดย: Tonruk
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ตำรวจรวบทนายตั้มแล้ว หลังพบว่ากำลังมุ่งหน้า จ.สระแก้วจับด่วน! ทนายตั้มและภรรยาถูกจับกลางทางที่ฉะเชิงเทรา ก่อนถึงชายแดนสระแก้วชัยชนะของทรัมป์ ทำราคาทองตลาดโลกดิ่งลงเหวเผยภาพ พอร์ชสีน้ำตาล ทนายตั้ม ขับออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่สระแก้ววิจารณ์ยับ! สาวดึงทิชชูห้องน้ำสาธารณะหมดม้วน กลับบ้านโรคคลั่งกินคลีน (orthorexia) คนรักสุขภาพต้องระวังสาวมาเลย์กระดูกขาหัก 2 ท่อง ขณะเล่นสไลเดอร์ที่สนามบินชางงี ทำพลาดเที่ยวบินกลับบ้าน 😔ชูวิทย์ หอบพวงมาลัยขอขมา สนธิ อภัยทุกเรื่องอาหารเช้าแสนง่าย อิ่มทนชายอินเดียเสียชีวิตทันที หลังนั่งทับประทัดแล้วจุดทางกัมพูชา ได้ทดลอง นำเรือ "สุพรรณหงส์" และ "เรือนาค" ที่ทำเอง ลงไปลอยน้ำแล้ว เบื้องต้นเรือลอยน้ำได้อยู่ แต่ยังไม่ได้ใส่ฝีพายลงไปดีเจชาวลาวเคลม "ลาวดวงเดือน"ไม่ใช่เพลงไทย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชายอินเดียเสียชีวิตทันที หลังนั่งทับประทัดแล้วจุดชัยชนะของทรัมป์ ทำราคาทองตลาดโลกดิ่งลงเหววิจารณ์ยับ! สาวดึงทิชชูห้องน้ำสาธารณะหมดม้วน กลับบ้านอาหารเช้าแสนง่าย อิ่มทน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
“โกเบคลี เทเป” (Gobekli Tepe) วิหารแห่งแรกของโลกปราสาทจามปา โปกลองการาย (Po Klong Garai Temple)รีวิวHarry Potter!!🌲ประตูสู่โลกที่ไม่เคยมีใครรู้จัก✨ตอนที่ 4
ตั้งกระทู้ใหม่