หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2

เนื้อหาโดย Tonruk

บทที่  2  ร้านสามเกลอ

        บ้านสวนของชลธี ชลธีกำลังยืนรดน้ำผัก ในบริเวณนั้นมีแปลงผักจำนวนมากมีผักหลากหลายชนิดทั้งที่เป็นผักกินใบ ผักกาด  คะน้า  กวางตุ้ง  หรือแม้กระทั่งผักสวนครัวระยะยาว เช่น พริก มะเขือ  มัจฉาเดินเข้าไปในแปลงผักช่วยชลธีรดน้ำแปลงผักที่อยู่ตรงหน้า

 

“  ไอ้มัจ ! วันนี้แกเป็นไงบ้าง เปิดเรียนไม่กี่วันถูกเชิญผู้ปกครอง แกมันนี่จริง ๆ เลยนะ  ”

“ คุณนายไปที่วิทยาลัยและวันนี้ป้าสุก็รู้แล้วว่าฉันเป็นหลานของคุณนาย ”

“ จริงดิ  ฉันอยากจะหัวเราะต่อไปแกคงกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ต้องอยู่ในกฏระเบียบเพราะถ้าแกทำผิดเมื่อไหร่ ป้าเพ็ญจะรู้ทันที ”

“ ไม่ต้องมาย้ำ ฉันรู้แล้ว ”

 “ แกอย่าเพิ่งกลับอยู่กินข้าวกันก่อน ” 

  “ ได้สิ ! พ่อกับแม่ไปไหนตั้งแต่ฉันมายังไม่เห็นเลย ” 

   “  พ่อกับแม่ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด วันพรุ่งนี้ถึงจะกลับ แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวฉันทำให้กิน ”  

        “ ฉันอยากกินคะน้าหมูกรอบ ”

 

“  เดี๋ยววันนี้ฉันทำให้กินรับรองแกจะติดใจฝีมือของฉัน ”  มัจฉาเห็นชลธีเดินเข้ามาใกล้ตนเองแกล้งเดินสะดุดก้อนหินหกล้มให้ชลธีเข้ามาช่วยพยุง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ชลธีเห็นมัจฉากำลังล้มรีบวิ่งมาจับตัวมัจฉาในทันที มัจฉาแกล้งเจ็บขาลุกขึ้นเดินไม่ไหว ชลธีอุ้มมัจฉากลับบ้าน  มัจฉายิ้มด้วยความพอใจ  ชลธีขอตัวไปทำกับข้าว มัจฉานั่งทบทวนคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่เกิดขึ้นคำพูดของเพ็ญจันทร์ทำให้มัจฉาไม่อยากกลับบ้าน 

 

“ ไอ้มัจแกอยู่ไหน  ”  

 

 “  ฉันอยู่นี้ ”   ชลธีกับมัจฉานั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าระเบียงหน้าบ้าน บรรยากาศช่วงกลางคืนในบ้านสวนเงียบสงบ หิ่งห้อยบินไปมาอยู่ภายในสวน เมื่อมองออกไปเหมือนกับดวงไฟสีเหลืองขนาดเล็กทั้งสองคนนั่งคุยกันตามประสาเพื่อน ชลธีคิดกับมัจฉาแค่เพียงเพื่อนแต่ความรู้สึกของมัจฉาที่มีให้ชลธีมันมากเกินกว่าความเป็นเพื่อน มัจฉาขับรถกลับบ้าน ชลธีตามมาส่งแต่ถูกมัจฉาปฏิเสธ   เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง

 

“ ดึกแล้วทำไมยังไม่กลับบ้านอีก มัวไปทำอะไร รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง ”  มัจฉากลับมาถึงบ้านไม่ได้เข้าไปหาเพ็ญจันทร์ที่ห้อง  มัจฉาไม่พร้อมที่จะเจอหน้าและคุยในตอนนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉาโน้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อย เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉานานนับชั่วโมงแต่ไม่เห็นมัจฉามาที่ห้องสักที หลังจากทำงานเสร็จแวะเข้าไปหามัจฉาที่ห้อง 

 

“ หลับเสียแล้วปล่อยให้ป้ารอตั้งนาน ”   เพ็ญจันทร์ลูบหัวมัจฉาเบา ๆ  พร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวมัจฉาเอาไว้   บรรยากาศยามเช้าในชุมชมแออัดแน่นขนัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี้ บ้านของเข้มและเบิ้มตั้งอยู่ท้ายชุมชนเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ยกพื้นสูงอยู่ติดกับลำคลอง เข้มและเบิ้มอาศัยอยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิด บ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน มัจฉาขับรถมาหาทั้งสองคนที่บ้าน ในขณะที่เพ็ญจันทร์กำลังนั่งคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นคนเดียวเงียบ ๆ  ในห้องทำงาน 

 

“ นี่ก็เปิดเทอมมาหลายวันแล้วเงินที่เก็บของฉันเริ่มหมดแล้ว ”

“ ของฉันก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องหางานทำหลังเลิกเรียนแล้วแบบนี้ ”

“ ฉันว่าเรามาเปิดร้านขายของเล็ก ๆ กันดีไหมหลังจากเลิกเรียนจะได้ไม่กระทบกับการเรียน ฉันว่าดีกว่าไปรับจ้างทำงาน พวกแกสองคนว่าไง ”    เข้มเสนอ

“ ฉันเห็นด้วยกับเข้ม แกว่าไงไอ้เบิ้ม ”

“ ตกลงตามนี้แล้วพวกเราจะขายอะไรกันดีในช่วงเย็น ๆ ค่ำ ”

“ ก๋วยเตี๋ยวดีไหม ในช่วงเย็นเป็นเวลาเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านแล้วเราจะไปขายตรงไหนกันดี ”

“ หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้านตรงนั้นมีที่ว่างและยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิด ”

 

“ ถ้างั้นตกลงตามนี้ เราสามคนจะเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกัน ตั้งชื่อว่าร้านสามเกลอ ” นับตั้งแต่วันนั้นหลังเลิกเรียนมัจฉา เข้มและช่วยกันเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ ริมทางขวัญใจคนใช้แรงงาน มัจฉาทำหน้าที่เป็นคนปรุง เข้มและเบิ้มเป็นพนักงานเสริฟ    มัจฉาไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เพ็ญจันทร์รู้มีเพียงพุทธชาดเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้  หลังจากเลิกเรียนมัจฉา เข้มและเบิ้มจะไปช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวเป็นประจำทุกวันจนดึกทำให้ในแต่ละวันมัจฉาไม่มีเวลาที่จะไปคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเช่นกับเมื่อก่อน เพ็ญจันทร์สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่มัจฉามีต่อตัวเอง  พิมพ์ภาแวะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านของมัจฉาให้กับเพ็ญจันทร์ หลังจากที่ในช่วงนี้เจ้านายของตัวเองบ่นอยากกินก๋วยเตี๋ยวอยู่นานหลายวัน

 

“ ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านไหนมา อร่อยมากเลย ”

“ ก๋วยเตี๋ยวร้านคุณหนูค่ะคุณผู้หญิง ”  เปรี้ยวตอบเพ็ญจันทร์ คำตอบของเปรี้ยวทำให้เพ็ญจันทร์ชะงักไปทันที

“  ว่าไงนะ ก๋วยเตี๋ยวที่ฉันเป็นฝีมือของยัยมัจหรอ นี่ฉันมัวแต่ทำงานจนลืมดูแลหลานของตัวเองไปแล้วหรอเนี่ย ”  เพ็ญจันทร์ทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับถอนหายใจ เพ็ญจันทร์ไปหาพุทธชาดที่ห้องสอบถามเรื่องของมัจฉาในทันที 

“ พุดนอนหรือยังลูก ป้ามีเรื่องมาถามพุดให้หายข้องใจ ”

“ ป้ามีเรื่องอะไรคะ ”

“ น้องไปขายก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่เมื่อไหร่ ป้าเพิ่งรู้วันนี้เอง  ทำไมต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวให้เหนื่อยด้วย ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน ”

“ นี่ป้าคงทำงานหนักจนลืมไปแล้วว่า ถ้าหากน้องไม่ยอมเรียนมัธยมปลายตาม ป้าจะไม่ยอมจ่ายค่าเล่าเรียนให้  น้องต้องหาเงินเรียนเองและยังกำชับอีกว่าห้ามไม่ให้พุดเอาเงินให้น้อง   ”   เพ็ญจันทร์ถอนหายครุ่นคิดนึกถึงคำพูดของตัวเองเดินออกจากห้องไป

 

ร้านสามเกลอเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ มีโต๊ะไม้ไว้บริการลูกค้าไม่ถึงสิบโต๊ะ ในแต่ละวันมีลูกค้าขาจรและขาประจำแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนเป็นประจำทุกวัน ด้วยความสงสัยและอยากรู้เพ็ญจันทร์ปลอมตัวไปเป็นลูกค้าของมัจฉา

 

“ ก๋วยเตี๋ยวของยายได้แล้วครับ  ” 

“  มัจ !  ของพี่วันนี้เหมือนเดิม ”

“ หมดแล้วจ๊ะพี่เหลือแต่น้ำชุปกับลูกชิ้นนิดหน่อย พี่ซื้อเอามาม่าแทนไหมเดี๋ยวฉันลวกให้ ”

“ ได้เหมือนกัน ”  ลูกค้ารายสุดท้ายของวันนี้เดินออกไปเหลือแต่เพ็ญจันทร์ที่กำลังนั่งกินอยู่คนเดียวในร้าน 

“ ฉันลืมถาม แกก็ไม่ยอมให้ฟัง ตกลงป้าเพ็ญว่าไงบ้างวะ ”

“ ถ้าให้เดาคงเหมือนเดิม ”

“ อือ !  คุณนายโกรธและโมโหฉันมากเอาไม้ฟาดฉันเหมือนอย่างเช่นทุกเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา  ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันโตจนจะหาผัวได้แล้ว คุณนายยังไม่เลิกตีฉันอีก ”

“ นึกอยู่แล้วเชียว ป้าเพ็ญคงไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ โดยไม่ทำอะไรแน่ ”

“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน พวกเรามากินข้าวกันดีกว่า  ไอ้มัจนี่คะน้าหมูกรอบของแก ส่วนนี้ไอ้หลงกะเพราไก่ไข่ดาว ส่วนของฉัน ราดหน้าหมู   ”

“ ต้นเดือนหน้ามีแข่งวาดภาพ  ฉันจะลองไปสมัครลงแข่ง ”

“ ไอ้มัจแกหาเรื่องเจ็บตัวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าป้าเพ็ญสั่งห้ามแกวาดรูป ถ้าป้าเพ็ญรู้เข้าแกจะทำยังไง ”

“  คุณนายไม่มีวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณนาย บอกตามตรงฉันเหนื่อย ”

“ ฉันแหละสงสัยจริง ๆเลยตกลงแกเป็นหลานของป้าเพ็ญหรือเป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ทำไมป้าเพ็ญไม่เคยสนใจที่จะดูแลหรือว่าเข้าใจแกเหมือนกับพี่พุทธเลย ”  มัจฉาถอนหายใจ

 

“  ฉันเข้าใจคุณนายนะว่าทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฉันทำให้น้องของคุณนายต้องตาย  ในวันที่ฉันเกิดเป็นวันที่คุณนายต้องสูญเสียน้องสาว ถ้าฉันเลือกได้ ฉันยอมตายดีกว่าเกิดมาในสภาพนี้เป็นแค่กาฝากส่วนเกินของชีวิตที่คุณนายไม่ต้องการ ”   คำพูดของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์วางเงินไว้บนโต๊ะรีบเดินออกจากร้าน คำพูดของมัจฉาก้องอยู่ในหูทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกับนอนไม่หลับเดินออกมารับลมข้างนอก  มัจฉากลับมาพอดีเพ็ญจันทร์ทำตัวเป็นปกติ

 

“  คุณนายดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรอหรือว่ากำลังคิดถึงใครอยู่  ”  เพ็ญจันทร์เงียบเดินเข้าไปสวมกอดมัจฉา  อ้อมกอดที่รอมานานแสนนานท่าทีของเพ็ญจันทร์ที่ดูอ่อนลงผิดจากวันอื่น

 

“ วันนี้เหนื่อยมามากแล้วไปพักเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า ”

“ คุณนายลืมกินยาเขย่าขวดหรือเปล่า วันนี้มาแปลก  ”  มัจฉาพึมพำกับตัวเอง  เพ็ญจันทร์รู้สึกไม่สบายใจหลังจากได้ยินคำพูดของมัจฉา   มาริษามาหามัจฉาที่บ้านพร้อมกับผลการทดลอง มัจฉาออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา เพ็ญจันทร์นั่งคุยกับมาริษาระหว่างรอมัจฉากลับบ้าน

 

“  มัจออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วลูกเที่ยง ๆ คงกลับ ษามีเรื่องอะช่ไรเร่งด่วนหรือเปล่า ป้าจะได้โทรให้มัจกลับบ้าน  ”

“ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรค่ะ ษารอได้ ถ้าให้ษาเดาคงไปบ้านของเข้มและเบิ้ม ”

“ ใครว่ามัจไม่ได้หาเข้มกับเบิ้ม ตรวจรายงานเสร็จแล้วหรอ ” 

“ ยื่นมือมานี่เลย ”  มาริษาใช้มือของตัวเองตีมือของมัจฉาเบา ๆ 

“ อธิบายให้พี่ฟังสิหมายความว่ายังไง ทำไมรายงานแต่ละเล่มถึงได้เขียนเหมือนกันหมดเลย มัจให้เพื่อนลอกรายงานอีกแล้วใช่ไหม  ”   มาริษาทำเสียงดุ มัจฉาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ เอาไปทำใหม่เลยนะ ฝากบอกเพื่อน ๆ  ด้วยแล้วกัน ”  มัจฉาถอนหายใจโน้มตัวลงนอนบนตักของมาริษา พุทธชาดกลับมาจากมหาวิทยาลัยวางสัมภาระลงบนโต๊ะตรงหน้าของเพ็ญ

“ ว่าไงจ๊ะว่าที่คุณหมอ   ” 

“ สอบเสร็จสักที ”     มัจฉาลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปเปิดร้าน พุทธชาดห้ามไม่ให้มัจฉาออกจากบ้านต้องการให้มัจฉาอยู่กินข้าวเย็นพร้อมกับตนเองแต่โดนมัจฉาปฏิเสธ  

“  ไว้วันหลังแล้วกันนะพี่ วันนี้มัจไม่ว่าง ”

“ ไม่เคยว่างสักที ค่ำ ๆ มืดชอบออกไปจากบ้านไม่เคยอยู่ติดบ้านสักวัน ”

“ มัจมีงานต้องทำ พี่พุดต้องเข้าใจมัจด้วย ”  เพ็ญจันทร์ไม่ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวส่วนมัจฉาเองก็พอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขตามและสนุกกับการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่คิดที่จะกลับไปพึงเพ็ญจันทร์อีกแล้ว   กิจการร้านก๋วยเตี๋ยวไปได้ด้วยดีเริ่มเป็นที่รู้จักทำให่แต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน  มัจฉาใช้เวลาวาดภาพหลังจากเก็บจากจากเก็บร้านเสร็จ

 

โรงเพาะฟักสัตว์น้ำกร่อยมัจฉาและเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันล้างบ่อปูนเพื่อเตรียมอนุบาลลูกปลา  มัจฉาแกล้งสาดน้ำใส่น้ำหวานจนเปียกไปทั้งตัว ทุกคนหัวเราะ น้ำหวานสาดน้ำกลับแต่มัจฉาหลบได้ทันจนตัวเองลื่นล้มไปนอนกองกับพื้น น้ำหวานพยามลุกขึ้นเดินแต่ขาแผลงเดินไม่ไหว มัจฉาช่วยพยุงตัวน้ำหวานให้น้ำหวานขี่หลังไปห้องพยาบาล

“ เป็นไงบ้าง ฉันขอโทษ  ” 

“ อือ !   ไม่เป็นไร   ” 

“  เดินไหวไหมเนี่ยให้ฉันช่วยพยุงไหม   ”

“  ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ”  มัจฉาถอนหายใจ

“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักที่ห้อง ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บ ”

“ ทำดีกับฉันแบบนี้กลัวฉันไปฟ้องครูสุใช่ไหม ”

“  ป่าว  ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ”  พรศรีแวะมาหาสุปราณีย์ที่วิทยาลัย นานหลายปีแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน สุปราณีย์ดีใจที่ได้เจอกับพรศรีทั้งคู่นั่งคุยอย่างถูกคอ พรศรีไม่ลืมที่จะถามถึงมัจฉา สุปราณีย์ยิ้ม

“ เธอได้เจอมัจบ้างไหมตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้ว พรุ่งนี้วันหยุดฉันจะชวนเธอไปหาเพ็ญจันทร์ที่บ้านด้วยและอีกอย่างหนึ่งฉันอยากเจอหลานด้วย หลายปีแล้วที่ฉันไม่ไปหาหลานตอนนี้คงจำฉันไม่ได้แล้ว ”

“ เธอไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก วันนี้เธอก็เจอหลานได้ไม่ถึงห้านาที มัจฉาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอตรงนี้ ”

“ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม ”  สุปราณีย์พูดไม่ทันขาดคำ มัจฉาเดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับตะโกนเรียก  มัจฉาได้ยินเสียงของสุปราณีย์รีบเดินไปหาในทันที

“  ครูเรียกมัจมีอะไรเปล่า ”

“ โอ้ย !  เมื่อไหร่จะเลิกเรียกป้าสักทีละ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะลูก ป้าไม่ชินเลย ” 

“ ได้ค่ะแต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยมัจขอเรียกป้าว่าครูเหมือนเดิมนะคะ ”

“ จ๊ะลูก ”   พรศรียิ้มด้วยความดีใจ 

“ เผลอแปบเดียวโตเป็นสาวแล้ว ”  

“ สวัสดีค่ะป้าศรี ”

“ หวัดดีจ๊ะ ”

“ ป้าคิดถึงหนูมากเลย วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว  ” พรศรีสวมกอดมัจฉา มัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่พรศรีมีให้กับตัวเอง  

“ ถ้าอย่างนั้นป้าขอเบอร์โทร ไลน์และก็เฟสบุคของหลานด้วย เอาไว้คุยกัน ”

“ ค่ะป้า ”

“ ยังไม่เลิกเห่อหลานอีก ”

“ มัจขอตัวไปก่อนนะคะออกมานานแล้ว เพื่อนรอแย่แล้ว ”  พรศรีสวมกอดมัจฉาอีกครั้ง 

หลังจากเลิกเรียนมัจฉาไปหาชลธีที่โรงเรียน ก้องภพไม่พอใจที่เห็นมัจฉาสนิทกับชลธีแต่พยายามเก็บอาการต่อหน้าชลธีไม่ให้เขารู้  มัจฉาเองก็เช่นกันเกลียดหน้าก้องภพสุด ๆ ต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งทำคุยกันดีแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนหมาไม่มีใครยอมใคร 

“ ไอ้ชล คิดถึงฉันหรอถึงโทรให้ฉันมาหา  ”  ชลธียิ้ม

“ ฉันจะให้แกมาช่วยวาดภาพส่งครูให้หน่อย ฉันวาดไม่สวยเลย ”

“ เรื่องแค่นี้เองให้ฉันวาดให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากให้มัจมาเลย ”

“ ไม่ลำบากเลยก้อง ฉันเต็มใจ สำหรับไอ้ชลฉันว่างเสมอ ว่างทุกเวลา อย่าว่าแต่วาดภาพเลยทำอย่างอื่นฉันก็เต็มใจทำให้  ” มัจฉาส่งสายยั่วยวนมองไปที่ชลธี ก้องภพเข้าใจความหมายคำพูดของมัจฉา

“ อย่างอื่นที่ว่า ฉันทำให้ชลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นคงได้แค่มอง ”

“ ใครจะไม่รู้ละเผื่อวันข้างหน้า เพื่อนของฉันคนนี้อาจกลับใจมาลิ้มรสชาติชะนีอย่างฉันก็เป็นไปได้ ”

“ พวกแกสองคนพูดอะไรกัน ฉันไม่เห็นเข้าใจ ”

“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับก้องแค่พูดหยอกกันเล่น แก้เซ็ง ”  มัจฉารีบตัดบท ก้องภพพยายามยั่วโมโหมัจฉาแต่ก็ไม่เป็นผล  มัจฉาขอแยกตัวกลับไปก่อนเมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน  กิจการร้านขายก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาเป็นไปด้วยดี เพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว  

ร้านสามเกลอในช่วงค่ำเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่พากันมาเข้ามาอุดหนุน  มัจฉาปรุงก๋วยเตี๋ยวจนมือระวิง เข้มมีหน้าที่ดูแลลูกค้า  เบิ้มมีหน้าที่เสริฟร์ก๋วยเตี๋ยว จำนวนที่โต๊ะเพิ่มขึ้นทำให้มีลูกค้ามานั่งกินเพิ่มขึ้นไปด้วย  แต่ละวันทั้งสามคนกว่าทั้งสามคนจะเก็บร้านเสร็จใช่เวลานานนับชั่วโมงเพราะเหตุนี้เองทำให้มัจฉากลับบ้านดึกทุกวัน  เพ็ญจันทร์ก็เช่นกันนั่งรอมัจฉากลับบ้านทุกคืน

“ ดึกแล้วทำไมคุณผู้หญิงยังไม่นอนอีกค่ะ ”

“ ฉันรอยัยมัจกลับบ้าน ทำไมวันนี้ยังไม่กลับมา  ”

“ สักพักคุณหนูคงกลับค่ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณหนูอยู่ใกล้นิดเดียวตรงหน้าปากซอยนี่เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว  ”

“  ฉันจะให้ยัยมัจเลิกขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด  ฉันไม่น่ายื่นข้อเสนอบ้า ๆ นี่เลย ”

“ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากไปนะคะ  คุณหนูชินแล้วที่คุณผู้หญิงเป็นแบบนี้  สักพักคุณหนูคงกลับมา คุณผู้หญิงไปนอนเถอะค่ะ นอกดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ  ” 

“ ยัยมัจยังไม่กลับจะให้ฉันข่มตานอนได้ยังไงละ รอให้ยัยมัจกลับมาก่อนฉันค่อยไปนอนแล้วกัน ”

มัจฉาลงประกวดวาดภาพใช้เวลาฝึกซ้อมวาดรูปหลังจากปิดร้านยิ่งใกล้วันแข่งยิ่งทำให้มัจฉากลับบ้านดึก ความลับขั้นสุดยอดที่เพ็ญจันทร์รู้ไม่ได้  ส่วนเพ็ญจันทร์ยังคงรอมัจฉากลับบ้านทุกวันต่อหน้าทำไม่สนใจแต่ในใจรักหมดหัวใจ การแสดงออกของความรักที่ดูผิดเพี๊ยนแปลกประหลาด การกระทำกับการแสดงออกที่แตกต่างกันทำให้มัจฉาเข้าใจผิดคิดว่าเพ็ญจันทร์ไม่เคยมีความรัก ความห่วงใยมอบให้เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นกาฝากของบ้าน   มัจฉากลับบ้านช้ากว่าปกติเลยใช้ทางหลังบ้านกลับเข้าบ้านทำให้เพ็ญจันทร์ไม่เห็นมัจฉากลับเข้ามาในบ้านนั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องโถงจนเช้า

 “ นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่  ”   เพ็ญจันทร์เข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาเพิ่งกลับบ้านทำท่าไม่ค่อยใจเมื่อเห็นมัจฉากลับมา

“ ทำไมเพิ่งกลับบ้านมัวไปทำอะไรอยู่ เมื่อคืนไปนอนที่ไหน ”

“ นอนที่บ้าน คุณนายให้มัจไปนอนที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่บ้านหรือคุณนายจะให้มัจไปนอนวัด ”

“ คุณหนูกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ  ”

“ ทำไมฉันไม่เห็น ”

“ คุณผู้หญิงจะเห็นได้ยังไงค่ะในเมื่อคุณหนูกลับมาทางหลังบ้าน ”

“ มัจไปหาป้าที่ห้องทำงานด้วยละ วันนี้ป้ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย ”

“ รับทราบค่ะคุณนาย ”   เพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาไม่เข้าใจ  พิมพ์ภาช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้มัจฉาเข้าใจ 

“ เมื่อคืนคุณผู้หญิงมานั่งรอคุณหนูจนเช้า  ”  

“ มัจไม่อยากจะเชื่อ คุณนายนั้นหรอจะมานั่งรอมัจกลับบ้าน  มัจไม่อยากจะเชื่อ ”

“ คุณผู้หญิงรักคุณหนูมาก  คุณหนูรู้ไหม ”

“  อีกคนแล้วพูดเหมือนพี่พุดเลย ”

“ สักวันหนึ่งคุณหนูจะเข้าใจแต่ว่าตอนนี้คุณหนูรีบไปหาคุณผู้หญิง   ”  มัจฉาถอนหายใจ

เพ็ญจันทร์ยืนกอดอกรับลมอยู่ตรงระเบียงห้อง มัจฉาเดินเข้ามาในห้อง เพ็ญจันทร์เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน  มัจฉานั่งลง

“  นี่มัจทำอะไรผิดอีกละเรียกมัจมาหาตั้งแต่เช้าเลย ”  เพ็ญจันทร์เงียบพร้อมกับยื่นบัตรกดเงินให้มัจฉา

“ ป้าให้มัจ นับตั้งแต่นี้มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะ ป้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของมัจทุกอย่าง ”

“ ไม่เป็นไร  คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้พี่พุด มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องรบกวนเงินของคุณนาย ”

“  ทำไมละ ป้าเต็มใจให้ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ”

“  กราบขอบพระคุณในความหวังดีแต่มัจไม่ขอรับไว้ในเมื่อคุณนายบอกมัจเองว่า ถ้าหากมัจไม่ได้เรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายสั่ง มัจจะต้องหาเงินเรียนด้วยตนเองแล้วทำไมตอนนี้คุณนายเปลี่ยนใจให้เงินมัจ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนกันว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ มัจไม่กล้าเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองมารับความช่วยเหลือจากคุณนายหรอกนะ ” 

“ อวดดีนึกว่าตัวเองเก่งมากหรือไงถึงกล้าพูดแบบนี้ ”

“ มัจไม่ต้องการมีอะไรติดค้างกับคุณนายอีกแล้ว หนี้ด้วยเงินมันชดใช้ได้ทั้งหมดแต่หนี้บุญคุณชดใช้ทั้งชีวิตมันก็ไม่มีวันหมด  คุณนายมีเรื่องที่จะคุยกับมัจแค่นี้ใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัจขอตัว  ”  คำพูดของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ปวดใจรู้สึกแย่ที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้มัจฉาเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปรียบเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้  มัจฉายังคงไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม  เพ็ญจันทร์คิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว     ภายในหอประชุมนักศึกษาชายหญิงจากวิทยาลัยต่าง ๆ ทยอยกันเดินเข้ามาในหอประชุม มัจฉาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันของวันนี้  เข้ม เบิ้ม และชลธีโดดเรียนมาให้กำลังใจมัจฉาอย่างพร้อมเพรียงกัน 

“ ไอ้ชล เด็กเรียนอย่างแกหนีเรียนเป็นด้วยหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อ ”

“ วันนี้เป็นวันสำคัญของแก ฉันต้องมาให้กำลังใจอยู่ใกล้ชิดติดขอบเวทีอยู่แล้ว  ในช่วงชีวิตของแกต้องมีฉันอยู่ด้วยเสมอ ”

น่ารักที่สุดเลย ”  มัจฉาเอียงแก้มไปหาชลธี  ชลธีหอมแก้มมัจฉาเบา ๆ  เข้มกับเบิ้มแกล้งแซวทั้งคู่

“  พวกแกสองคนเหมือนคู่รักกันเลย นี่ถ้าหากพวกฉันสองคนเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่าแกสองคนเป็นแฟนกัน ”

“ เป็นได้ก็ดีสิ  ผู้ชายนิสัยดี อบอุ่นอย่างชลธีใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟนกันทั้งนั้น   ”

“ มัวแต่พูดอยู่นั้นแหละใกล้ถึงเวลาแข่งแล้ว ”   มัจฉาไปยังจุดนัดหมาย  เสียงพิธีกรกล่าวเปิดงานพร้อมทั้งอธิบายกติกาการแข่งขันให้ทุกคนฟัง สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก้มหน้าวาดภาพของตัวเองด้วยความประณีต  ชลธี เข้ม และเบิ้มยืนให้กำลังใจมัจฉาอยู่ด้านนอกหอประชุม เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ  จนกระทั่งหมดเวลา ทุกคนเงยหน้าขึ้นพากันออกมานอกห้องประชุม มัจฉาเดินออกจากหอประชุมไปเพื่อนทั้งสามคน  กรรมการตัดสินกำลังให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน

“ .ใกล้ถึงเวลาประกาศผลแล้ว ฉันตื่นเต้นจังเลย ”  ชลธีกุมมือของมัจฉาเอามาแนบอก

“ ได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นกระทบมือของแกไหม  ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าแกเสีย ”  มัจฉายิ้ม

“ เมื่อไหร่พวกแกสองคนจะเลิกจีบกันสักที ถ้ารักกันชอบกันคบเป็นแฟนกันเสียเลย ไม่ต้องคบกันให้เสียเวลา ” 

“ ไอ้เข้มแกก็พูดเกินไปฉันกับมัจฉาเป็นเพื่อนไม่มีวันที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก  นอกจากคำว่าเพื่อน ” 

“ ถ้าใครจะมาจีบคุณหนูมัจฉาต้องผ่านด่านฉันก่อน ฉันรักและหวงเพื่อนนี้คนนี้มาก ฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเด็ดขาดทั้งทางกายและทางใจ ”

“ วันนี้พวกแกสองคนถ้าจะเพี๊ยนเป็นอะไรมากไปไหม หลังเลิกงานเราไปหาอะไรอร่อยกระแทกปากกันดีกว่าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว  ”

“ เป็นความคิดที่ดีมาก พักบ้างก็ดีนะ  ”  เสียงเรียกของพิธีกรให้ทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อรอฟังผลประกาศรางวัล มัจฉาและเพื่อนกลับเข้าไปในหอประชุมแต่ พรศรีเป็นประธานมอบรางวัล  พิธีกรประกาศผลรางวัลตั้งแต่รางวัลชมเชยจวบจนกระทั่งรางวัลชนะเลิศ

“ รางวัลชนะเลิศในการประกวดภาพวาดในครั้งนี้ได้แก่ผลงานของ นางสาวมัจฉา  รักษ์ดี ” 

“ ไอ้มัจแกได้รางวัลชนะเลิศ  ”  เข้มและเบิ้มจับมือแสดงความยินดี ชลธีสวมกอดมัจฉาด้วยความดีใจ  มัจฉาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที พรศรีดีใจมากที่เจอมัจฉาที่นี้  หลังจากรับรางวัลเสร็จพรศรีมาแสดงความยินดีกับมัจฉาพร้อมทั้งชวนมัจฉาไปกินข้าวที่บ้าน

“ เก่งมากเลยลูก ป้าขอแสดงความยินดีด้วย ”

“ ขอบคุณค่ะ  ป้าศรีอย่าบอกเรื่องนี้กับป้านะคะ ”

“ จ๊ะลูก  ป้าเข้าใจ สุเล่าเรื่องของมัจให้ป้าฟังหมดแล้ว มัจไม่ต้องกังวลใจไปนะ ป้าสัญญาเรื่องของมัจทุกอย่างจะเป็นความลับ คุณนายของมัจจะไม่มีวันรู้  เย็นนี้ว่างไหมไปกินข้าวกับป้าที่บ้าน  ป้าชวนทุกคนเลยนะ ”  มัจฉามองหน้าทุกคนแต่ละคนพยักหน้าเป็นการตอบรับ 

บ้านของพรศรีเป็นบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงานร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ พรศรีดีใจมากทีมัจฉามาที่บ้านสั่งให้แม่บ้านทำอาหารพร้อมทั้งโทรไปบอกเพ็ญจันทร์ว่ามัจฉาอยู่กับตนเอง ทรงพลทำกับข้าวอยู่ในครัว

“ พล !  ดูสิแม่พาใครมาวางตะหลิวแล้วออกมาคุยกับแม่ก่อนสิลูก   ” 

“ ครับแม่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ”  ทรงพลวางตะหลิวถอดผ้ากันเปื้อนให้แม่บ้านทำกับข้าวต่อเดินออกไปหาพรศรี ทรงพลเป็นผู้ชายที่รักในการทำอาหารทำงานรับราชการทหาร

“ ใครกันที่แม่อยากให้ผมรู้จัก อย่าบอกนะแม่พาผู้หญิงมาให้ผมดูตัว ผมยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวนะครับแม่ ”

“ นี่ไงลูกคนที่แม่อยากให้พลรู้จัก  มัจฉาไงลูก  จำน้องได้ไหม ”  ทรงพลยิ้มกว้างวิ่งถลาเข้าไปกอดมัจฉาด้วยความดีใจ มัจฉางงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เข้าใจว่าทำไมคนบ้านนี้ว่าทำไมต้องดีใจมากขนาดนี้เมื่อเจอกับตนเอง

“ มัจ ! หลายปีแล้วที่พี่ไม่ได้เจอกับน้อง ตั้งแต่ที่พี่ไปเรียนต่อเมืองนอก นี่คงจำพี่ไม่ได้แล้วสิท่ายืนตัวแข็งทื่อแบบนี้ ”

“ สวัสดีค่ะ นี่เพื่อนของมัจเองค่ะ ”  ทรงพลและพรศรีดูเป็นกันเองกับมัจฉามากมัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งสองคนมีให้กับตน ทรงพลขอตัวไปทำกับข้าว พรศรีนั่งคุยกับมัจฉาอยู่ในห้องรับแขก  มัจฉาแนะนำเพื่อน ๆ ให้พรศรีรู้จัก เข้ม เบิ้ม และ ชลธีกล่าวทักทายพรศรี

“ นี่ว่าที่ลูกศิษย์ของป้าศรี หลังเรียนจบมัธยมปลาย ชลจะสอบเข้าเรียนแพทย์ ฝากป้าศรีช่วยดูแลด้วนะคะ อย่าให้ชะนี เก้ง กวางที่ไหนคาบเอาไปกินเสียก่อน ”

“ ได้สิ แล้วมัจละเรียบจบจะเข้าเรียนที่ไหน ”

“ มัจยังไม่คิดเลยคะ ขอเก็บเงินก่อนแล้วกันค่ะ ”

“ ทำไมต้องเก็บเงิน เพ็ญไม่ได้ให้เงินหนูเรียนหรอลูก  มัจมีปัญหาอะไรหรือเปล่าบอกป้าได้นะลูก  ป้ายินดีช่วยทุกเรื่อง  ”  มัจฉาอึกอักไม่กล้าตอบเพราะยังไม่ไว้ใจพรศรี

“ ครับป้าศรี ป้าเพ็ญไม่พอใจที่มัจเลือกเรียนในระดับ ปวช.สาขาประมง ไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลายตามที่ป้าเพ็ญสั่ง มัจเลยต้องหาเงินเรียนเอง  ผม เข้มและมัจเราสามคนเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกเรียนอยู่ตรงหน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ว่าง ๆ ป้าศรีไปชิมได้นะครับ ”  พรศรีลูบหัวมัจฉาเบา ๆ

“ ไม่เป็นไรนะลูกเรื่องเรียนของมัจเดี๋ยวป้าจัดการเอง ”

“ ไม่เป็นไรค่ะมัจเกรงใจ  ”

“ นี่ป้าคงห่างกับมัจไปหลายปีเลยไม่รู้ว่าป้าเราสนิทกันมากแค่ไหนค่อย ๆ ปรับตัวไปนะลูก แบบนี้แล้วกันป้าจะให้เงินมัจเรียนเอง ส่วนเรื่องขายก๋วยเตี๋ยวมัจก็ไปขายตามปกติ เพ็ญจันทร์จะไม่ได้สงสัย  ”

“ เมื่อก่อนน้องมัจเรียกแม่ของพี่ว่า  แม่ทุกคำเลยนะ  ตอนนั้นมันยังเด็กเกินไปคงจำไม่ได้  มัจเป็นลูกสาวของแม่พี่ รู้ไหมและเป็นน้องสาวของพี่ด้วย  หน้าที่ของคนเป็นแม่นอกจากนอกจากให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูก  หน้าที่ส่งเสียให้ลูกเล่าเรียนก็เป็นหน้าที่ของแม่ด้วยนะ   ”

“ เรื่องมันยาวนะลูกเดี๋ยววันหลังป้าเล่าให้ฟัง ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า เรื่องอื่นไว้ที่หลัง ”   มัจฉาไม่เข้าใจที่พรศรีกับทรงพูดแต่รับรู้ได้ถึงความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กับตนเอง วันแรกของการกินข้าวที่ตนเองรู้ผ่อนคลายเป็นส่วนหนึ่งของคนร่วมโต๊ะผิดกับที่บ้านที่คนร่วมโต๊ะไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรเลย

“  คะน้าหมูกรอบที่น้องมัจชอบ พี่ตักให้ค่ะ ”

“ กินเยอะ ๆ นะลูก ป้าว่าหนูผอมไปไหม  ” 

“ หุ่นกำลังดีค่ะ ”

“ ว่าง ๆ ป้าไปหาที่บ้านนะลูกตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ไปเยี่ยมเพ็ญเลย ”

“ ถ้าวันไหนป้าไปหามัจโทรบอกนัดล่วงหน้าก่อนนะคะ มัจไม่ค่อยอยู่บ้าน ”

“ ได้จ๊ะลูก  ”   มัจฉามีความสุขกับการกินข้าวในวันนี้มาก หลังจากวันนั้นมัจฉาเปิดใจยอมรับและปรับตัวเข้าหาพรศรีมากกว่าเดิมทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  ชลธีกลับบ้านช้ากว่าปกติแถมทางโรงเรียนโทรมาบอกกับพงศ์ศักดิ์ว่าวันนี้ชลธีไม่ได้ไปโรงเรียนยิ่งทำให้พงศักดิ์โกรธเข้าไปอีก  พงศ์ศักดิ์ยืนถือไม้เรียวรอชลธีอยู่หน้าบ้าน  ชลธียังไม่ทันได้จอดรถก็ได้ยินเสียงพงศ์ศักดิ์ดังมาแต่ไกล เขารีบเดินไปหาพงศักดิ์ในทันที

“ ไอ้ชลวันนี้แกไปไหนมา ทำไมไม่ไปโรงเรียน ”  ชลธีอึกอักไม่กล้าตอบ  พงศ์ศักดิ์ยิ่งโมโห

“ ถ้าแกยังไม่ตอบพ่อมา วันนี้แกได้กินไม้เรียวแทนข้าวแน่  ตอบพ่อมาเดี๋ยวนี้ว่าไปไหนมา ”

“ ผมไปดูมัจประกวดวาดภาพมาครับพ่อ ”

“ จริงหรอแล้วเป็นไงบ้าง หนูมัจได้รางวัลหรือเปล่า ”

“ มัจได้รางวัลที่หนึ่ง ”

“ เก่งจังเลย  ”  น้ำเสียงของพงศ์ศักดิ์อ่อนลงเพราะลึก ๆ  แล้วพงศักดิ์แอบลุ้นให้ชลธีกับมัจฉามีใจให้กันแต่พงศักดิ์ไม่เคยรู้ว่าชลธีเป็นเกย์ พงศักดิ์เกลียดเพศที่สามมากและไม่ต้องการให้ลูกของตนเองเป็นอย่างนั้น ความลับขั้นสุดยอดที่ชลธีไม่สามารถบอกให้พงศ์ศักดิ์รู้

“ ต่อไปถ้าลูกจะเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแม่ของลูก พ่อขอแนะนำผู้หญิงแบบหนูมัจนะลูก  นิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว ติดดิน ใช้ชีวิตเรียบง่ายทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีฐานะดี  ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยากนะลูก พ่อเชียร์ให้ลูกจีบหนูมัจ  ”

“ ผมกับมัจเป็นเพื่อนกันครับ พ่อจะให้ผมจีบมัจนี่นะ ผมไม่อยากเสียเพื่อนและอีกอย่างหนึ่งผมยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนในตอนนี้ด้วย ”   

 “ พ่อแค่บอกเฉย ๆ  จริงจังไปได้ลูกคนนี้ เรื่องคู่ครองแล้วแต่ลูกจะเลือกพ่อไม่ได้บังคับแต่ถ้าเป็นหนูมัจดีมากเลย ”   พงศ์ศักดิ์พูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป

เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของเพ็ญจันทร์ทำให้มัจฉารีบเอาถ้วยรางวัลซ่อน มัจฉาถอนหายใจ ช่วงเวลาของความสุขกำลังหมดลง มัจฉาไม่อยากพบหน้าเพ็ญจันทร์ในตอนนี้

“  ทำไมไม่เรียน วันนี้ไปไหนมา ” มัจฉาเงียบ

“ ป้าถามทำไมไม่ตอบ  วันนี้ไปไหนทำไมไม่ไปเรียน  ”

“ ป้าสุบอกคุณนายหรอว่ามัจไปเรียน  ”

“ ตอบไม่ตรงคำถาม  ถามอีกอย่างตอบอีกอย่าง ไม่มีใครบอกป้าทั้งนั้น เมื่อเช้าป้าเห็นมัจขับรถออกไปที่อื่นไม่ได้เลี้ยวเข้าไปวิทยาลัย พอป้าโทรไปมัจก็ไม่ยอมรับสายป้า  ”  มัจฉาเงียบ

“ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักทีดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำตัวเหลวไหล ขยันเรียนผลการเรียนดีมากทุกเทอม กิจกรรมดีเยี่ยมตลอด ไม่เคยทำให้ป้าต้องกลุ้มใจแล้วนี่มันอะไรกันสร้างแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน มัจทำตัวแบบนี้เพราะต้องการประชดป้าใช่ไหม ”

“ ใครจะเก่งเหมือนกับหลายรักของคุณนายละ พี่พุดเกิดมาในวันที่ทุกคนต้องการ วันเกิดของมัจเป็นวันตายของแม่ คุณนายถึงไม่ต้องการ มัจทำอะไรก็ผิดไปหมดทุกอย่างแม้แต่หายใจมัจยังผิดเลย ถ้ามัจเลือกได้มัจขอตายดีกว่าเกิดมาแล้วไม่มีใครต้องการเป็นส่วนเกินของชีวิตคุณนาย ”  มัจฉาลุกขึ้นเดินอออกจากห้อง เพ็ญจันทร์เดินตามไป

“ มัจจะไปไหนอีก นี่มันก็ดึกมากแล้ว ”

“  ไปลงนรก คุณนายจะได้ดีใจที่ไม่มีมัจอยู่บ้านหลังนี้ ”  มัจฉาขับรถออกจากบ้าน  เพ็ญจันทร์พยายามโทรหามัจฉาแต่มัจฉาไม่ยอมรับสายไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่ศาลาริมทาง น้ำหวานขับรถผ่านมาพอดี

“ ไอ้มัจทำไมแกมานั่งอยู่ที่นี้คนเดียว นี่คงทะเลาะกับป้ามาอีกแล้วใช่ไหม ” 

“ นิดนึง ”

“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักผ่อนรับรองแกจะติดใจ ”

“ ไปไหน  ”

“ ขับรถตามมาแล้วแกจะรู้เอง ฉันไม่ได้พาแกไปหายตัวหรอกนะ แกเห็นฉันคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

บริเวณหน้าผับ นักเที่ยวชายหญิงต่างทยอยเดินเข้าไปในผับอย่างไม่ขาดสาย  พนักงานต้อนรับประจำร้านเดินเข้ามาทักทายน้ำหวานอย่างเป็นกันเองจนมัจฉาแปลกใจ 

“ พนักงานที่นี้ดูสนิทกับแกมากเลยนะ  ”

“ ผับแห่งนี้เป็นของพ่อฉันเอง พนักงานที่นี้รู้จักฉันดี เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันให้พนักงานจัดโต๊ะวีไอพีไว้ให้แล้ว ”   น้ำหวานจูงมือมัจฉาเดินเข้าไปในผับ  ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟหลากสีส่งแสงสลับกันไปมาทั่วทั้งห้อง นักเที่ยวแต่ละคนนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง  

“ แกมาเที่ยวทุกคืนหรอ ”

“ บางวัน ”  น้ำหวานยกแก้วดื่มเหล้าอย่างไม่สะทกสะท้าน  แอลกอฮอล์เป็นเช่นนำเปล่า  น้ำหวานส่งแก้วไปให้มัจฉา มัจฉาลังเลแต่รับเอาไว้

“  ชนแก้ว ” สิ้นเสียงของน้ำหวาน มัจฉากระดกเหล้าเข้าคอในหมดเกลี้ยง แก้วที่หนึ่งผ่านไป แก้วที่สองตามมา แก้วที่สามกำลังตามมา น้ำหวานนั่งดื่มเหล้ากับมัจฉาจนผับเลิก 

“ ชีวิตของฉันก็เป็นแบบนี้แหละมีพ่อแม่เหมือนไม่มี ชีวิตอ้างว้างอยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ฉันมีเหล้าเป็นเพื่อนคลายเหงาแล้วแกละมีใครอยู่กับแกบ้างในวันที่เหงา ” 

“ แก้วสุดท้ายของคืนนี้ ” 

“ ฉันขอตัวไปล้างหน้าให้สดชื่นก่อนกลับบ้าน  ฝากโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินด้วย  ” มัจฉาเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ของมัจฉาดังขึ้น  เสียงเรียกเข้าจากเพ็ญจันทร์ทำให้น้ำหวานไม่กล้ารับสายแต่เมื่อเพ็ญจันทร์ไม่ยังไม่ยอมหยุดโทรหามัจฉา

“ เอาไงละที่นี้ ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมา ป้าเพ็ญโทรมาไม่หยุดเลย ฉันจะทำยังไงดี  ไอ้มัจก็ยังไม่ออกมาสักที  ”  เพ็ญจันทร์ยังไม่หยุดโทรหามัจฉา น้ำหวานกดรับสายเพ็ญจันทร์

“ สวัสดีค่ะป้าเพ็ญ  หนูชื่อน้ำหวานเป็นเพื่อนของมัจค่ะ  ”

“ มัจไปไหนละลูก ป้าโทรหาตั้งหลายรอบแต่ไม่ยอมรับสาย ”

“ มัจหลับไปนานแล้วค่ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มัจตื่นเมื่อไหร่เดี๋ยวจะให้มัจรีบโทรหาป้าเลยนะคะ ”  เพ็ญจันทร์วางสาย มัจฉากลับมาพอดี น้ำหวานบอกให้มัจฉารีบโทรไปหาเพ็ญจันทร์

“ มัจเมื่อกี้ป้าของแกโทรมาฉันบอกไปว่าแกหลับแล้ว ”

“ ฉลาดนิหว่าที่ตอบไปแบบนั้น ดีนะที่แกไม่บอกไปว่าฉันมาเที่ยวผับ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับบ้านไปโดนคุณนายตีจนไม้เรียวหักคามือ ”

“ ป้าของแกโหดขนาดนั้นเลยหรอ ตั้งแต่ฉันโตมาพ่อกับแม่ไม่เคยตีฉันเลย ”

“ โหดกับฉันแต่ใจกับพี่สาวของฉัน ฉันหิวข้าว เราไปกินโจ๊กโต้รุ่งก่อนกลับบ้านกันดีกว่า ”

“ ดีเลย ฉันกำลังหิว ”  เพ็ญจันทร์รอมัจฉากลับบ้านด้วยความเป็นห่วง มัจฉายังไม่อยากกกลับบ้านในตอนนี้ บ้านเปรียบเหมือนนรกในตอนนี้        เพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนพยายมราชเมื่อเข้าไปใกล้มีแต่เปลวไฟคอยแผดเผาร่างกายให้ได้รับแต่ความเจ็บปวด 

“  นั่งเหม่อคิดถึงใครอยู่ โจ๊กเย็นหมดแล้ว  ”         

 “ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย   ”       

   “ กลับบ้านไป ถ้าป้าแกถามแกจะตอบว่าไง หายออกจากบ้างมาตั้งนาน ”

    “ ไม่รู้สิแล้วแกละถ้าพ่อกับแกของแกถาม แกจะตอบว่ายังไง  ”

     “ พ่อกับแม่ของฉัน เขาทั้งสองคนไม่เคยถามหรอกว่าฉันไปไหน ทำอะไรอยู่ที่ไหน มีแต่เงินให้อย่างเดียว เขาทำแต่งานไม่มีเวลามาคุยกับฉันหรอก ฉันอิจฉาแกนะดูสิขนาดหายออกจากบ้านมาไม่กี่ชั่วโมง  ป้าของแกโทรหาแกเป็นร้อยสาย เขารักแกแต่ไม่แสดงออกคงกลัวเสียฟอร์ม   ”

     “ ถ้าเขาไม่รักแกแล้วเขาจะเลี้ยงแกมาทำไม   ”  

     “ คุณนายเลี้ยงฉันเพราะหน้าที่ไม่ใช่ความรัก ถ้าแกเห็นพฤติกรรมของคุณนายแกจะเข้าใจที่ฉันพูด  คนที่คุณนายรักคือพี่พุดไม่ใช่ฉัน   ”

     “ ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกอย่างตามหลักบทบัญญัติทางเศรษฐศาสตร์  กฎข้อที่หนึ่งที่ว่าแต่ละคนต้องเผชิญภาวะ ได้อย่างเสียอย่างเสมอ ”

“ ขนาดนั้นเชียว ”

“ ทน ๆ ไปก่อนเรียนจบเรียนต่อมหาวิทยาลัยแกก็ไปอยู่หอพักไม่ต้องกลับบ้าน ถ้าหากป้าของแกโทรมาถาม แกก็บอกว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะไม่มีเวลากลับบ้านแค่นี้ก็จบแล้ว ”

“ คิดไปไกลถึงดาวอังคารแล้ว  ตอนนี้เรียนให้จบก่อนดีไหม ” 

“ การบ้านของครูสุฉันยังไม่ได้ทำเลยส่งวันจันทร์นี่แล้ว ”

“ กลับไปค่อยทำ ”  มัจฉากับน้ำหวานนั่งคุยกันเกือบสว่างทั้งสองคนพากันไปตักบาตรก่อนกลับบ้าน เพ็ญจันทร์เป็นห่วงมัจฉามากนั่งรอมัจฉากลับบ้านจนกระทั่งเช้า  เสียงรถของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์หายกังวลใจ มัจฉาโน้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องโถง เพ็ญจันทร์เดินลงมาหามัจฉา

“ กลับมาบ้านได้สักที รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วง กลิ่นเหล้าฟุ้งมาแต่ไกลเลย เด็กคนนี้มันจริง ๆ เลยนะ อายุแค่นี้หัดกินเหล้า ”

“ คุณนายเกลียดมัจ คุณนายไม่เคยรักมัจเลย มัจทำให้แม่ต้องตาย คุณนายรักพี่พุดคนเดียว  ”  มัจฉาละเมอโดยไม่รู้ตัว เพ็ญจันทร์ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคำพูดของมัจฉา หัวใจเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหม ใจสลายเมื่อได้รู้ว่าคนที่รักสุดชีวิตเข้าใจผิด 

“ ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อป้าเป็นแม่ผู้กำเนิดของมัจ  แม่รักหนูสุดหัวใจแต่แม่ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าหนูเป็นลูกของแม่ ”  พุทธชาดกลับมาจากซื้อของเดินเข้ามาหาเพ็ญจันทร์เห็นมัจฉานอนอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยใจ

“ เมื่อคืนแอบหนีไปเที่ยวที่ไหนมากลับมาสภาพดูไม่ได้เลย ไอ้น้องคนนี้ขยันหาเรื่องจริง ๆ  ไม่รู้สนใจการเรียนบ้างไหม การบ้านทำบ้างหรือยัง  ”

“ เมื่อคืนทะเลาะกับป้า น้องคงโกรธป้ามากขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืน นี่พึงกลับมาถึงบ้าน ”

“ อีกนานกว่าจะตื่น ถ้าเดาไม่ผิดตื่นมาตาลีตาเลือกทำการบ้านหามรุ่งหามค่ำอีกตามเคย ”    มัจฉาลุกขึ้นรีบเดินกลับเข้าห้อง หลังจากอาบน้ำเสร็จมัจฉานั่งทำการบ้านจนเสร็จ ภาพวาดกระดูกของปลาแต่ละชนิดถูกบรรจงวาดอย่างประณีตลงในแผ่นกระดาษ  รายงานผลปฏิบัติการวิชาชีวิทยาปลาที่จะต้องส่งในวันจันทร์ เพ็ญจันทร์เดินเข้ามาเห็นพอดีเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาแอบวาดภาพ 

“ ป้าบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้วาดรูปแล้วนี่มันอะไร ”

“ คุณนายฟังมัจอธิบายก่อนนะมันไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด ”  เพ็ญจันทร์ไม่ยอมฟังเหตุผลคำอธิบายหยิบรายงานของมัจฉาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มัจฉาเสียใจมากหยิบเศษกระดาษทั้งหมดที่หล่นกองรวมไว้บนโต๊ะ  วันรุ่งขึ้นในชั่วโมงเรียนปฏิบัติการหลักชีวิทยาปลา  สุปราณีย์บอกให้ทุกคนนำรายงานมาส่ง ทุกคนนำรายงานไปส่งยกเว้นมัจฉา  หลังหมดคาบเรียนสุปราณีย์เรียกพบมัจฉาเป็นการส่วนตัว

“ มัจทำไมไม่มีรายงานมาส่งละ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า  บอกป้ามาสิ ” มัจฉาหยิบเศษกระดาษทั้งหมดให้สุปราณีย์ดู  

“ มัจทำเสร็จแล้วแต่เพื่อนของป้านะสิเข้าใจผิดคิดว่ามัจวาดรูปเล่นฉีกรายงานของมัจทิ้งหมดเลย ”

“ ไม่เป็นไรนะลูก ว่างแล้วค่อยทำมาส่งป้าใหม่แล้วกัน ”

“ ขอบคุณค่ะป้า ”   เพ็ญจันทร์กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง สุปราณีย์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับโยนเศษกระดาษตรงหน้าของเพ็ญจันทร์ด้วยความโมโห เพ็ญจันทร์งงเงยหน้าขึ้นไม่เข้าใจพฤติกรรมที่แสดงออกของสุปราณีย์

“ นี่มันอะไรกัน เธอเอาเศษกระดาษจากที่ไหนมาโยนใส่หน้าของฉัน ”

“ ฉันต้องถามเธอมากกว่าว่าเธอไปฉีกรายงานของหลานทำไม  นี่มันรายงานที่มัจต้องส่งฉันวันนี้ เพ็ญเธอเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมไม่ฟังหลานบ้างเอาแต่อารมณ์ตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เธอคอยดูวันหนึ่งมัจฉาจะทิ้งเธอไปแล้วจะไม่กลับมาหาเธออีกเลย ”

“ ภาพวาดนั้นเป็นรายงานผลปฏิบัติการชีวิทยาปลาเป็นรายงานที่นักศึกษาทุกคนต้องส่ง  ”

“ ใช่ ฉันหวังว่าคราวหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ”  เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด เมื่อย้อนกลับไปดูเหตุการณ์เมื่อวาน มัจฉาพยายามอธิบายแต่ตัวเองกลับไม่ยอมฟัง เพ็ญจันทร์รู้สึกผิดกับมัจฉา 

 “ นี่เราทำอะไรลงไป  ป้าขอโทษนะลูก  ”   มัจฉารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเองที่ต้องมีปัญหากับเพ็ญจันทร์ไม่เว้นแต่ละวัน เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉากลับบ้านต้องการปรับความเข้าใจและอยากขอโทษมัจฉา

มัจฉาไม่ต้องการมีปัญหาเพ็ญจันทร์อีกต่อไป หลังจากขายก๋วยเตี๋ยวเสร็จมัจฉาจะกลับเข้าบ้านทางหลังบ้านทำให้ไม่ต้องเจอกับเพ็ญจันทร์แต่ในวันนี้เพ็ญจันทร์รู้ทันมานั่งรอมัจฉาอยู่ตรงศาลาริมน้ำหลังบ้าน

มัจฉาตกใจที่เจอเพ็ญจันทร์

“ มัจ  ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย ”

“ คุณนายจะด่าอะไรมัจอีกละถึงมาดักรอมัจอยู่ที่นี้คงเป็นเรื่องสำคัญมากละสิ  มัจทำอะไรผิดอีกละ ”  มัจฉาหยิบกิ่งไม้ใส่ในมือของเพ็ญจันทร์พร้อมทั้งยืนกอดอกหันหลังให้เพ็ญจันทร์ การกระทำของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ถึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวหันหลังกลับไปพร้อมกับโยนกิ่งไม้ทิ้ง

“ มัจประชดป้าหรอถึงได้ทำแบบนี้ทำเหมือนป้าเป็นใจร้าย  ” มัจฉาเงียบ 

“ มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของมัจทุกอย่าง ป้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ”

“ ไม่เป็นไร คุณนายเก็บเงินเอาไว้พี่พุดเรียนดีกว่า มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องไปรบกวนเงินของคุณนายเก็บเงินไว้ให้พี่พุด ” 

“ ทำไมมัจพูดกับป้าแบบนี้ มัจเป็นหลานแท้ ๆ ของป้าเหมือนกับพุทธชาดไม่ใช่คนอื่นสักหน่อยแล้วทำไมป้าจะให้เงินมัจไม่ได้ละ  ”  

“ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณนายเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนมาใช้ส่วนตัวละ มัจไม่อยากเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองหรอกนะเพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคนที่ลำบากคือมัจไม่ใช่คุณนาย  หวังว่าคุณนายคงเข้าใจ ”  มัจฉาเดินออกไป เพ็ญจันทร์เงียบพูดไม่ออกไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในคำตอบของมัจฉาเพราะสิ่งที่มัจฉาพูดมาล้วนเป็นความจริง  เพ็ญจันทร์เสียใจที่มัจฉาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากตนคิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยวยอมรับความช่วยเหลือจากตนเอง  กิจการร้านสามเกลอไปได้ด้วยดี มัจฉาพอใจในการในการใช้ชีวิตแบบนี้  เพ็ญจันทร์จ้างคนไปพังร้านสามเกลอจนไม่เหลือซาก  มัจฉา เข้มและเบิ้มตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ นี่พวกเราเดินไปเดินเหยียบหางใครเข้าหรือเปล่า  ร้านพังหมดเลย  ”

“ นั่นนะสิ พวกเราไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครแล้วทำไมคนพวกนั้นต้องมาพังร้านของเราด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย ”

“ คิดเสียว่าเป็นบทเรียนของชีวิตแล้วกัน  ในเมื่อร้านพังเราทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นิ ”

“ แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนซื้อของใช้จำเป็นทำร้านใหม่ละ  ”

“ นั่นนะสิ ทำไงละที่นี้ ทุกอย่างกำลังไปได้ดีเลย ”

“ ฉันมีวิธี เงินด่วนทันใจของเจ๊เล้งคนแถวนี้รู้จักกันดี ใครเดือดร้อนเรื่องเงินให้นึกถึงเจ๊เล้ง       ” 

“ ถึงกับต้องไปกู้เงินนอกระบบเลยหรอเนี่ย ”

“ มันมีทางเลือกที่ดีกว่าดีไหม ”

“ ตราบใดที่มีลมหายใจก็ต้องสู้กันต่อไป ”  เจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเป็นเจ้าแม่เงินกู้ ทุกคนในละแวกนั้นรู้จักกันเป็นอย่างดีใครร้อนเงินนึกถึงเจ๊เล้งเป็นคนแรก  เงินด่วนทันใจ  เข้ม เบิ้มและมัจฉาไปหาเจ๊เล้งที่สำนักงานท้ายตลาด หลังจากทำสัญญาเงินกู้เป็นที่เรียบร้อยทั้งสามคนนำเงินที่ได้มาลงทุนเปิดร้านใหม่อีกครั้ง   เพ็ญจันทร์เข้าใจว่ามัจฉาจะยอมรับความช่วยเหลือจากตนเองหลังจากที่รู้ข่าวจากลูกน้องแต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มัจฉายังไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม  มัจฉา เข้มและเบิ้มนำเงินที่กู้ไปคืนเจ๊เล้งแต่เจ๊เล้งคิดไม่ซื่อคิดโกงเงินพวกของมัจฉา

“ พวกฉันเอาเงินมาคืนเจ๊ทั้งต้นทั้งดอก ” 

“ นี่มันได้แค่ดอกเบี้ย ”

“ ฉันกู้เงินเจ๊ไปห้าพันบาท ฉันให้เงินเจ๊ไปหกพันไม่ถูกหรือไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ไปแค่วันเดียวเอง ”

“ เงินต้นห้าหมื่นดอกห้าพัน พวกเธอคืนเงินให้ฉันแค่หกพันมันได้แค่ดอกเบี้ยเท่านั้นเอง ”

“ หมายความว่ายังไง พวกฉันกู้เงินเจ๊ห้าพันไม่ใช่ห้าหมื่น เมื่อวานเจ๊ให้เงินพวกฉันมาแค่ห้าพันแต่มาวันนี้เจ๊มาบอกกับว่าพวกเรากู้เงินเจ๊ห้าหมื่น ” ลูกน้องของเจ๊เล้งหยิบสัญญาเงินกู้มาให้มัจฉา เข้มและเบิ้มดูทั้งสามคนตกใจมากเมื่อเห็นตัวเลข เจ๊เล้งแอบเพิ่มจำนวนเลขศูนย์ลงหนึ่งตัวในสัญญาเงินกู้ทำให้เงินห้าพันบาทกลายเป็นห้าหมื่นบาท

“ นี่มันอะไรกัน  ”

“ ชัดเจนพอไหม  ” มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ๊เล้งทั้งสามคนถึงกับเครียดช่วยกันคิดหาวิธีหาเงินมาคืนเจ๊เล้งให้เร็วที่สุดเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เจ๊เล้งไม่ต้องการเงินแม้แต่นิดเดียวแต่กลับคิดชั่วต้องการตัวของมัจฉามาขัดดอกเพื่อที่จะตัวเองได้โกยโกยผลประโยชน์จากความสาวของมัจฉา  ภายนอกที่ทุกคนเห็นเจ๊เล้งเป็นเจ้าของตลาดและเจ้าแม่เงินกู้แต่ลับหลังเจ๊เล้งทำธุรกิจสีเทา คนในวงการรู้จักกันเป็นอย่างดีคอยจัดหาเด็กสาว ๆ ไปสังเวยกามให้กับนักการเมือง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือแม้กระทั่งนักธุรกิจ  เจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องให้ไปพังร้านของมัจฉาจนไม่เหลือซากทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ากินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนับตั้งแต่วันนั้น 

“ พังหมดแล้ว พังไม่เหลือนี่มันอะไรกันนักหนา ”

“ เห้อ ! เวรกรรมอะไรของพวกเราเนี่ย  ฉันแหละอยากรู้จริง ๆว่าพวกมันเป็นพวกของใคร เมื่อไหร่จะเลิกจองเวรกับพวกเราสักที ”

“ เดาได้ไม่ยาก ไอ้พวกเวรนี่ต้องเป็นคนที่เจ๊เล้งส่งมา ฉันสังเกตเห็นพวกมันมองฉันแปลก ๆ เหมือนกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ”

“ ฉันต้องขอโทษพวกแกสองคนด้วยที่ทำให้เดือดร้อนเป็นเพราะฉันคนเดียวเลย ถ้าวันนั้นฉันไม่พาพวกแกไปกู้เงินกับเจ๊เล้ง ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา ”

“ มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย ทุกปัญหามีทางแก้  ”

  “ วันพรุ่งนี้เราจะเอาเงินที่ไหนให้เจ๊เล้ง ”

  “ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน  วันนี้เรามาเช็ดล้างทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ปิดร้านไม่มีกำหนด ”  วันรุ่งขึ้นเจ๊เล้งสั่งให้ลูกน้องไปเก็บเงินกับมัจฉา เข้มและเบิ้มแต่ในวันนี้ทั้งสามคนไม่มีเงินจ่ายทำให้ต้องหลบลูกน้องของเจ๊เล้ง 

“ พวกมันมาโน้นแล้ว พวกเราหลบตรงนี้กันก่อน ”  มุมมืดตรงแผงขายผักเป็นที่หลบภัยได้เป็นอย่างดี ลูกน้องของเจ๊เล้งเริ่มโมโหที่พวกของมัจฉายังไม่ออกมาจากที่ซ่อน

“ รู้นะว่าหลบอยู่แถวนี้ ถ้ายังไม่อยากตายออกมาได้แล้ว ”  พวกของมัจฉาไม่ยอมออกมาจากที่ซ่อน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง ลูกน้องของเจ๊เล้งทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้า

“ นับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่ออกมา อย่าหาว่าพวกฉันใจร้ายแล้วกัน  นับหนึ่ง นับสอง ”  มัจฉา เข้ม และเบิ้มออกมาจากที่ซ่อนตัว

“ ไหนละดอกเบี้ยของวันนี้จ่ายมาซะดี ๆ ”

“ ขอผลัดไปก่อนได้ไหม วันนี้ฉันยังไม่มี ”

“ ได้แต่ส่งเพื่อนผู้หญิงมาขัดดอกให้เจ๊ก่อนแล้วกัน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยมาไถ่ตัวคืนไป ”

“ ข้ามศพฉันไปก่อนแล้วกัน ฉันไม่ยอมให้พวกแกสองคนทำอะไรเพื่อนของฉันเด็ดขาด ไอ้มัจรีบหนีไปเร็ว ”

“ ไม่หนี ฉันจะอยู่ตรงนี้เอาศพของฉันไปให้อีเจ๊หน้าเลือดแล้วกัน ”

“ แกหนีไปก่อน ทางนี้พวกฉันสองคนจัดการเอง ”

“ ไอ้เพื่อนบ้า ฉันจะทิ้งพวกแกไปได้ไง ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันตรงนี้แหละ ”  ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามจับตัวมัจฉา เข้มกับเบิ้มช่วยกันสกัดไม่ให้พวกมันจับตัวมัจฉาได้จนถูกพวกมันกระทืบจมกองเลือดนอนกองกับพื้น มัจฉาพยุงทั้งสองคน ลูกน้องของเจ๊เล้งพยายามเข้ามาจับตัวมัจฉาให้ได้ มัจฉาใช้วิชามวยที่เรียนมาต่อสู้กับลูกน้องของเจ๊เล้งจนพวกมันนอนกองกับพื้น  มัจฉา เข้ม กับเบิ้มช่วยกันพยุงกำลังเดินออกไปสภาพของแต่ละคนสะบักสะบอมร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ

เนื้อหาโดย: ต้นรัก
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Tonruk's profile


โพสท์โดย: Tonruk
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: หนามดอกงิ้ว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
บ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%"แพท ณปภา" สะดุด! นั่งฟัง "พี ชานนท์"คุยกับเพื่อน แต่เพื่อนหล่อเกินต้านยานสำรวจนาซา พบใยแมงมุมบนดาวอังคารวิจารณ์สนั่น! เวที Miss Planet "แคมโบเดีย" โชว์เปิดการประกวด ด้วยรำไทย โดนจวกด้านมาก!รวมเลขเด็ด! หวยแม่จำเนียร งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567ยูทูปเบอร์เสียชีวิต ในพายุหิมะประหลาดชอบถ่ายรูปแต่ไม่มีเทคนิค? มาดูกลเม็ดถ่ายยังไงให้ยอดไลก์พุ่งปรี๊ด!จับตัวได้แล้วคนร้ายยิง 3 ศพ จ.หนองบัวลำภู หลังขอมอบตัวไขข้อสงสัย ทะเลาะวิวาท จ่ายแค่ 500 แล้วเรื่องจบ จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่?ออยศรีเคลื่อนไหว หลังศาลตัดสินคดีความกับทนายตั้ม‘หนุ่ม กรรชัย’ โดนถามจริงไหมคนในวงการเริ่มกลัว เจ้าตัวให้ ‘แอฟ-กลัฟ’ยันไม่จริงเลย!ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ 210 บาทไม่ยั้ง ชาวเน็ตห่วงร้านขาดทุน เจ้าของเผยคำตอบพลิกความคาดหมาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ขยี้ตาแรง! "นิวเคลียร์" หน้าใหม่เป๊ะเวอร์ ผ่านไป 3 เดือนจำแทบไม่ได้บ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%หวยเจ้าพายุเพจดัง โพสต์ ขอช่วยด่วนที่สุด คนงานกว่าร้อยคน ติดอยู่บริษัทยางไทยปักษ์ใต้ ยะลา น้ำท่วมถึงคอไขข้อสงสัย ทะเลาะวิวาท จ่ายแค่ 500 แล้วเรื่องจบ จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เรื่องหลอน "ดงผีสุเหร่า"อาถรรพ์ "บ้านไม้ริมน้ำ"สุดเฮี้ยนผีหัวขาดอาถรรพ์สยอง "รถบัสผี"
ตั้งกระทู้ใหม่