Chapter 5.2 : KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิต
KILL เมื่อฉันต้องฆ่าสามีจอมอำมหิต
นามปากกา : Neptheduck
Chapter 5.2
ย้อนวันวาน
ณ อีกฟากของบานประตู
ตึกตึก ตึกตึก!
ฝีเท้าภายใต้รองเท้าหนังคู่ใหญ่ ก้าวไปตามทางเดินภายในคฤหาสน์ด้วยความรีบร้อน เมื่อคิมูระเกิดลืมทิ้งของสำคัญไว้ในที่ประชุม จึงต้องรีบกลับมาที่นี่กับมิวะอีกครั้ง
"อีก 20 นาทีกว่าจะถึงเวลานัดสำคัญนะครับลูกพี่ ไม่ต้องรีบร้อน..."
"แต่ถ้านายไม่เลินเล่อเราก็คงไม่ต้องตีรถกลับมาที่นี่ใช่ไหม"
คำพูดตำหนิจากปากของคิมูระ ทำให้มิวะถึงกับหน้าเจื่อน ทำได้เพียงสงบปากและก้มหน้าเดินตามลูกพี่ต่อไป
"อ้าว!?"
จู่ๆ ร่างสูงของคิมูระก็หยุดชะงักลง ทำให้มิวะต้องหยุดฝีเท้าก่อนที่จะชนกับแผ่นหลังกว้าง
ตึกตึก ตึกตึก!
ก่อนจะเห็นร่างสูงบางคุ้นตาของริวจิ มือขวาของโยจิโร่ที่เดินสวนมาท่าทางดูหงุดหงิดแบบสุดๆ จนมิวะยังไม่กล้าเอ่ยปากทักทายตามมารยาท
"มองอะไรไอ้พวกสวะ!"
ไม่ใช่เพียงประโยคแรกที่ริวจิพ่นออกมา แต่ตามด้วยวาจาถากถางทั้งสองคนอย่างไร้มารยาท
"ที่พวกมึงมายืนเสนอหน้าใส่สูทเดินร่อนไปทั่วสมาคมนี้ได้ เพราะแอบเลียแข้งนายท่านโยจิโร่ท่าไหนกันมาล่ะ!?"
"วะ...ว่าไงนะ"
"หรือว่าท่าหมา"
"นี่ คุณริวจิกรุณาระวังคำพูดของคุณ..."
แต่เสียงของมิวะก็ขาดห้วงลง เพราะคิมูระยกมือขึ้นปรามด้วยท่าทีสงบนิ่ง และได้แต่หลีกทางให้อีกฝ่ายผ่านทางไปแต่โดยดี
"แต่ไม่นานหรอกเดี๋ยวท่านโยจิโร่จะต้องเบื่อ และเขี่ยพวกมึงกับนังแพศยานั่นทิ้งเหมือนขยะ!!!"
"..."
"และกูจะจัดการกับศพของพวกมึงให้ไม่เหลือแม้แต่เศษเล็บ!!"
เสียงที่เปล่งออกมาด้วยแรงโทสะจนเส้นเลือดขมับปูดโปน จ้องเขม็งใบหน้าของคิมูระอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ริวจิจึงล่าถอยไป โดยทิ้งไฟกองใหญ่ให้แผดเผาภายในอกของมิวะจนแทบเป็นจุณ
ท่าทีโอหังของริวจิสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับมิวะเป็นอย่างยิ่ง แต่คิมูระกลับทำเพียงแค่มองตามแผ่นหลังกว้าง ของชายโรคจิตผู้นั้นด้วยแววตาเรียบเฉย
"..."
ก่อนจะหันหน้าไปยังต้นเสียงที่ครางแว่วอยู่ไม่ไกล ก็ทำได้เพียงแต่ทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ
'ถ้าวันนั้นฉันยังอยู่ที่นั่นต่ออีกสักหน่อย'
'มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเธอ ให้แตกต่างไปจากนี้ได้หรือเปล่านะ?'
.
.
'นายูกิ'
งานเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ เมื่อครึ่งปีก่อน
ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับเสียงเพลง อาหาร สาวงาม และเครื่องดื่มรสเลิศ คิมูระก็กำลังนั่งคุยกับหัวหน้าช่างเทคนิค ถึงการปรับแต่งเครื่องยนต์รถรุ่นเก่า ที่ได้มาจากการประมูลกว่า 20 คัน เพื่อใช้สำหรับสับเปลี่ยนในการฝึกซ้อมบนสนามจริง และสามารถปล่อยให้พังได้โดยไม่ต้องเสียดาย
"ผมขอให้นายูกิสัก 2 คัน เพราะแข่งทางขึ้นเขาผ้าเบรกชอบไหม้ เราจะได้มีเปลี่ยนคันใหม่ซ้อมได้ทันที"
"เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ"
"แล้วที่ไปดูการขนส่งที่ท่าเรือใหม่เป็นไงบ้าง?"
"ก็ดี ราบรื่นไม่มีปัญหา"
"ฉันก็คุยกับชิโร่ซังอยู่ว่าถ้าขนส่งด้วยท่าเรือใหม่มันจะสะดวกกว่า แต่ก็ต้องระวังพวกคนจีนด้วยไอ้พวกสีเทามันหน้าเนื้อใจเสือ.."
~♫♪ ~♫♪
แต่การสนทนาของทั้งสองก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเสียงโทรศัพท์ของคิมูระดังขึ้น ซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากยูคิโนะน้องชายฝาแฝดของเขานั่นเอง
"ว่าไง...จริงด้วยสิฉันลืมไปซะสนิทเลย"
.
.
"ตอนนี้เลยเหรอ?"
คิมูระรีบปลีกตัวออกมาจากห้องมืดสลัว ที่อื้ออึงไปด้วยเสียงเพลง และเสียงหัวเราะพูดคุยของกลุ่มคนนับร้อย
"ได้ๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ"
ติ๊ด!
คิมูระกดวางสายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อยังคุยธุระสำคัญเรื่องการแข่งไม่เสร็จสิ้น แต่ต้องไปช่วยน้องชายขนของออกมาจากหอพักชาย เพื่อกลับไปที่บ้านนอกเมืองโตเกียว
"รุ่น...พี่...คิมูระ~"
เสียงหวานที่อ้อแอ้ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินกลับเข้าไปในงาน
"จา...กลับแล้ว...เหรอค้า? ~"
"ใช่ มีธุระด่วน"
"แล้วเธอล่ะ เมาขนาดนี้จะกลับบ้านไหวหรือเปล่า?"
"ช้าน...นอน...นี่อยู่แล้ว~"
"งั้นก็รีบกลับเข้าไปได้แล้ว ถ้าไม่ไหวก็รีบกลับขึ้นห้องไปนอนซะ และพยายามเกาะกลุ่มกับพวกผู้หญิงไว้ ห้ามออกมาเดินคนเดียวแบบนี้อีกเข้าใจไหม?"
"รุ่นพี่..."
"ฉันถามว่าเข้าใจไหม?"
"ค่า...ค่า เข้า...จายแล้ว...ค่า~"
"ไป ฉันจะเข้าไปส่ง"
คิมูระดึงสายตาออกมาจากประตูเลื่อนบานใหญ่ด้วยแววตาเวทนา เมื่อภาพความทรงจำในหัวหลายเดือนก่อน มันกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขาเป็นฉากๆ ถ้าหากเขาไม่รีบกลับไปหายูคิโนะ และรอส่งเธอกลับห้องด้วยตัวเองเสียก่อน
เรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนนั้น มันอาจจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็นแบบนี้ก็ได้
แฮ่ก แฮ่ก…
"พอ...ได้แล้ว"
ความอ่อนล้าสิ้นไร้เรี่ยวแรง ทำให้นายูกิเพ้อออกมาเสียงแผ่วเบา ทั้งที่ดวงตาบอบช้ำกำลังจะปิดแน่น ในคืนนี้ตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายผู้นั้นอีกครั้ง และอีกครั้งจนผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา ที่ไหลรินออกมาด้วยความคับแค้นใจ
'ไม่เอาอีกแล้ว...'
.
.
'ใครก็ได้...'
'ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที'
วูมมมม~
เสียงภาวนาที่ดังก้องสะท้อนอยู่ภายในเบื้องลึกของจิตใจ กำลังพาดวงจิตของเธอให้แหวกว่าย ลงไปในห้วงมหาสมุทรที่ลึกจนเกินหยั่งถึง ราวกับเป็นเงือกน้อยที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสัตว์ทะเลแปลกตา และวาฬตัวใหญ่ที่เคลื่อนไหวผ่านผิวกายไป
ก่อนที่มันจะอ้าปากกว้าง ดูดกลืนทุกสรรพสิ่งรอบกายให้หายเข้าไปในอุโมงค์ที่ดำมืด
ครื้นนนนน~
จนเกิดเป็นมวลน้ำมหาศาลที่หอบเอาร่างของเธอ ให้เข้าไปภายในตัวของมัน รวมไปถึงแสงสว่างจากแสงแดดที่ทอประกายบนผิวน้ำให้พลันมืดดับสนิท
'มะ...มืดเหลือเกิน...'
.
.
'แล้วนั่นใครกัน?'
'คนที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแบบนั้น'
และเป็นอีกครั้งที่ 'ผู้หญิงปริศนาผู้นั้น' ได้ผุดขึ้นมาในเสี้ยวหนึ่งของความฝันอันยุ่งเหยิงของนายูกิ
...หญิงสาวผู้มีชีวิตอันงดงาม และเป็นอิสระ ผู้เปรียบเสมือนแสงสว่างเพียงน้อยนิด ที่ทำให้จิตใจอันสับสนและเศร้าหมองของนายูกิได้โลดแล่น และหลุดพ้นจากความทุกข์ที่มี แม้เพียงแค่หลับตาฝันไม่กี่ชั่วยาม เพื่อแลกกับการได้ดำดิ่งลงไปหาหญิงสาวผู้นั้น
'แม่นางเฟิง หลิวหยาง'
โปรดติดตามตอนต่อไป...
หากชื่นชอบโปรดคอมเม้น กดแชร์ให้เพื่อนๆ มาอ่านเรื่องนี้กันเยอะๆ นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
___________________________
E-BOOK มาแล้วค่า
สื่งที่ได้รับใน E-BOOK
- เนื้อหาที่ผ่านการรีไรท์แล้ว
- เนื้อหาตอนปกติ +1 ตอน และตอนพิเศษบทสรุปความรัก +7 ตอน จบบริบูรณ์ค่ะ
|