อำพรางรัก ตอนที่ 1 คดีฆาตรกรรมศยามล
คดีฆาตรกรรมศยามล
เมื่อปีพ.ศ.2536 หากกล่าวถึงคดีฆาตรกรรมศยามลหลายคนคงจำได้ว่าคดีนี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก จุดเริ่มต้นของโศกนาถกรรมของความรักที่ไม่สมหวังของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้กับผู้ชายอันเป็นที่รักสุดท้ายเธอต้องจบชีวิตลงจากน้ำมือของผู้ชายที่เธอรักในวันที่เขาหมดรักไม่ต้องการเธอแล้ว ความเชื่อใจ ไว้ใจที่มีให้กับผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอต้องพบกับจุดจบอันแสนเศร้า
เช้าวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2536 ในขณะที่พระภิกษุกำลังเดินออกมาบิณฑบาตได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากรถเก๋งนิสสันสีขาว ทะเบียน ก 2344 จอดทิ้งไว้ริมถนนทางเข้าหมู่บ้านหนองปลาไหล หมู่ที่ 2 ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด จังหวัด เพชรบุรี ภายในรถพบศพหญิงสาวเสียชีวิตอยู่บนเบาะด้านข้างคนขับเบาะถูกปรับพนักพิงในท่าเอนราบไปทางด้านหลัง ศีรษะของหญิงสาวห้อยตกไปทางด้านหลัง บริเวณลำคอมีรอยถูกรัดกางเกงและกางเกงในรูดมาอยู่ที่เข่า
พบที่เขี่ยบุหรี่ตกอยู่บริเวณพื้นรถตอนหลังทางด้านซ้าย พบผ้าเช็ดรถและปลอกมีดวางอยู่บนเบาะหลังและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ก้านไม้พันสำลีซับน้ำในช่องคลอกส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจหาอสุจิและเก็บลายนิ้วมือและลายฝ่ามือแฝงในรถยนต์ผู้ตายนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับลายนิ้วมือเดี่ยวที่เก็บไว้ ผู้ตายชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ชม. ร่างกายเปอระเปื้อนไปด้วยเลือด บนร่างของผู้เสียชีวิตมีเด็กหญิงวัยสองขวบใช้กระดาษทิชชูเช็ดรอยคราบเลือดบนร่างกายของหญิงสาวบริเวณช่วงลำตัว
คำพูดของตำรวจคนหนึ่งในวันเกิดเหตุ
“ ผมได้รับแจ้งเหตุจากทางวิทยุว่าเกิดเหตุฆาตรกรรม ผมจึงรับเดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่อทำข่าวเมื่อไปถึงผมพบภาพอันน่าสลดใจคือ พบศพหญิงสาวโดยมีเด็กน้อยนั่งอยู่บนตักของศพ ไม่ยอมห่างไปไหน แม้เจ้าหน้าที่พยายามอุ้มแยกเด็กออกมา หากเด็กไม่ยอมและมีท่าทีขัดขืนไม่ยอมห่างออกจากผู้หญิงคนนั้น ”
ผู้ตายคือใคร
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายคือ นางสาว ศยามล ลาภก่อเกียรติ อายุ 30 ปี อดีตภรรยาของนายแพทย์บัณฑิตย์ โฆษิตชัยวัฒน์ มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ น้องอิงอิง
ฆาตรกรเป็นใคร ฆ่าแม่แต่ไว้ชีวิตลูก
คดีนี้เป็นคดีฆาตรกรรมสะเทือนขวัญเป็นคดีที่ถูกจับตามองของคนในประเทศทำให้การทำงานของตำรวจเป็นไปอย่างรวดและรอบคอบที่สุด ตำรวจได้เบาะแสปมสังหารจากการสอบปากคำแม่ของศยามลจากการพูดคุยกับน้องอิงอิง
เบาะแสจากปากของน้องอิงอิง วันเกิดเหตุศยามลขึ้นรถไปกับใคร
น้องอิงอิงตอบกับยายว่า แม่ไปกับต๋า ซึ่งคำว่าต๋านี่อาจหมายถึงคำว่า ป๋า เพราะปกติแล้ว น้องอิงอิงจะเรียก หมอบัณฑิตว่า ป๋าและบันทึกของศยามล
จุดเริ่มต้นความรักของศยามลกับหมอบัณฑิต
ศยามลพบรักกับหมอบัณฑิตในขณะที่เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการโรงพยาบาลกุยบุรีรักใคร่ชอบคอฉันชู้สาวกับหมอบัณฑิตซึ่งเป็นแพทย์อยู่โรงพยาบาลเดียวกันในระยะแรกศยามลพยายามบ่ายเบี่ยงไม่สนใจหมอบัณฑิตเพราะในเวลาหมอบัณฑิตกำลังตามจีบนักศึกแพทย์แต่หมอบัณฑิตพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ศยามลยอมรับรักตนเขาพยายามทำความรู้จักครอบครัวของศยามลถึงขนาดให้ศยามลพาไปจุดธูปสบถสาบานต่อหน้าหลุมศพพ่อของเธอว่าขนาดให้ศยามลพาไปจุดธูปสบถสาบานต่อหน้าหลุมศพของพ่อศยามลว่า
“ รักศยามลและจะขอแต่งงาน ”
จนในที่สุดศยามลใจอ่อนรับรักหมอบัณฑิต ศยามลขอใบทะเบียนสมรสเป็นหลักประกัน หมอบัณฑิตยอมทำตามคำขอของเธอ ศยามลกับหมอบัณฑิตจดทะเบียนสมรสกันปลายปีพ.ศ. 2531ทั้งสองคนไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พ่อแม่และญาติรับรู้เพราะกลัวว่าหากพวกเขาเหล่านั้นรับรู้จะกีดกันไม่ให้ทั้งสองรักกัน
ครอบครัวของศยามลเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีชาติตระกูลเป็นที่รู้จักของคนในท้องถิ่น ส่วนครอบครัวของหมอบัณฑิตก็เช่นกันเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีและเป็นที่นับหน้าถือตาในหัวหินทั้งสองคนมีพื้นฐานฐานะทางครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจึงเป็นไปอย่างลับ ๆ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ศยามลต้องการแต่งงานหมอบัณฑิตแต่เขาบอกให้ศยามลรอไปก่อนเพราะฐานะของตนเองยังไม่มั่นคง หมอบัณฑิตให้ศยามลลาออกจากงานไปเรียนตัดเสื้อที่กรุงเทพมหานคร หมอบัณฑิตย้ายไปเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลหัวหิน ต่อมากลางปี 2533 ศยามลตั้งครรภ์ หมอบัณฑิตบอกกับศยามลว่าตนเองไม่พร้อมที่จะทีลูกเพราะจะต้องจัดพิธีแต่งงานเสียก่อนตามประเพณีของคนจีน
เมื่อศยามลท้องได้สี่เดือนหมอบัณฑิตบอกให้เธอไปทำแท้งแต่เธอไม่ยอมทำ หมอบัณฑิตไม่เคยดูแลศยามลจนกระทั่งคลอดลูก เธอขอบัตรประชาชนของเขามาแจ้งเกิดลูกแต่หมอบัณฑิตไม่ยอมให้ เธอจึงใช้ทะเบียนสมรสแทน
คำกล่าวที่ว่า ความรักของผู้หญิงเริ่มต้นจากศูนย์เพิ่มขึ้นไปหาร้อย ความรักของผู้ชายเริ่มจากร้อยลดลงไปเรื่อย ๆ ในวันที่เขาเปลี่ยนไป หัวใจของศยามลบอบช้ำยิ่งนัก
ศยามลได้เขียนเรื่องราวความรักของตัวเองลงในนิตยาสารคู่สร้างคู่สม ในนามปากกา สารนิรนาม บอกเล่าความรักของเธออันแสนเจ็บปวดของเธอกับหมอบัณฑิตผ่านตัวหนังสือ
“ รู้จักกับหมอคนหนึ่งในโรงพยาบาลเดียวกัน เขาพยายามยัดเยียดบทบาทความเป็นเจ้าของทั้งที่รู้ว่าเขาหมายปอง นศ.คนหนึ่ง ฉันรู้อยู่เต็มอก.....แต่พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะเห็นใจลูกหญิง ”
“ เขาลงทุนพาฉันไปสาบาน รักศยามลจะขอแต่งง่านด้วนต่อหน้าหลุมศพพ่อในที่สุดฉันที่ใจเอนเอียงจึงตอบรับรักแต่ขอหลักประกันด้วยทะเบียนสมรส ”
“ เขาลืมคำพูดของเขาทุกคำแม้แต่คำว่าเขารักฉันเพราะเขาไม่ต้องการเกียรติยศและศักดิ์ศรีจากหน้ามือเป็นหลังมือไม่เหมือนกับที่ฉันยังไม่ได้เป็นของเขา ”
“ หลังจากตั้งท้อง สามีกลับไม่ดีใจ เขาลืมแม้คำว่า รักฉัน ไม่เหมือนตอนที่ฉันยังไม่เป็นของเขา ไม่เคยดูแลแม้ยามใกล้คลอดจะขอบัตรประชาชนเพื่อแจ้งเป็นพ่อของลูกก็ยังไม่ยอม ฉันต้องใช้ทะเบียนสมรส
บันทึกนี้เขียนไว้เพื่อลูกว่าแม่ต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง
จบความสัมพันธ์
ลูกของศยามลกับหมอบัณฑิตมีชื่อว่า ด.ญ. บารมี โฆษิตชัยวัตน์ มีชื่อเล่นว่าน้องอิงอิง ศยามลพาน้องอิงอิงอายุหนึ่งเดือนไปพบพ่อแม่และอาของหมอบัณฑิตที่บ้าน
แม่ของหมอบัณฑิตไม่ยอมรับศยามลเป็นลูกสะใภ้ หมอบัณฑิตบอกกับศยามลว่าไม่สามารถรับเป็นลูกเมียได้เพราะอนาคตจะสั้นเนื่องจากเธอไม่มีความรู้หากรับเป็นเมียจะอายคนอื่น ตนเองจะมีเมียเป็นแพทย์ อาของหมอบัณฑิตใช้ไม้กวาดไล่ศยามลหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งเดือนศยามลก็ได้หย่ากับหมอบัณฑิต ครอบครัวของหมอบัณฑิตให้เงินศยามลจำนวนสองล้านบาทเป็นค่าเลี้ยงดูน้องอิง
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจบลงตั้งแต่วันนั้น ศยามลพาน้องอิงอิงไปอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพ ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2535 ศยามลมาเปิดร้านขายเสื้อผ้าตั้งชื่อร้านว่า บารมี อยู่ที่ศูนย์การค้าหัวหินคอมเพล็กซ์ ศยามลได้ติดภาพถ่ายขน้าดใหญ่ของน้องอิงอิงเอาไว้ภายในร้านเพื่อประจานหมอบัณฑิตเพราะน้องอิงอิงหน้าเหมือนพ่อมาก เมื่อมีคนมาซื้อของที่ร้านศยามลจะชี้ให้ดูภาพถ่านพร้อมทั้งบอกให้บุคคลนั้นได้รับรู้ว่าน้องอิงอิงเป็นลูกของหมอบัณฑิต
ฟางเส้นสุดท้าย
ต้นปีพ.ศ. 2536 หมอบัณฑิตให้คนถือมาให้ศยามลนัดพบันที่สวนสน ศยามลไปพบหมอบัณฑิตทั้งสองมีปากเสียงกันทะเลาะกันรุนแรง หมอบัณฑิตพยายามจะขับรถชนศยามลพร้อมทั้งพูดขู่ไม่ให้เธออยู่ที่อำเภอหัวหิน มิฉะนั้นเขาจะไม่ไว้ชีวิต ก่อนเกิดเหตุเก้าวันศยามลไปบอกกับนางสาวปาริชาติว่าว่าหมอบัณฑิตจะแต่งงานใหม่ หมอบัณฑิตบอกให้ศยามลออกไปจากอำเภอหัวหิน มิฉะนั้นจะไม่รับผิดชอบและไม่ไว้ชีวิต แต่ตนเองตอบกลับไปว่า หากหมอบัณฑิตแต่งงานใหม่ศยามลจะแต่งชุดดำพาน้องอิงอิงไปงานแต่งงานด้วย
ในกลางเดือนสิงหาคม 2536 นายบรรจบ นิลห้อยได้นำบัตรเชิญงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่มาให้หมอบัณฑิตที่คลีนิคจี้อันตึ้ง หมอบัณฑิตได้เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตนเองกับศยามลให้นาย บรรจบ ฟังและขอให้นายบรรจบช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ด้วย นายบรรจบบอกกับหมอบัณฑิตว่าให้เสร็จงานขึ้นบ้านใหม่แล้วค่อยมาคุยกัน ก่อนวันขึ้นบ้านใหม่สองวัน นายสาทิตย์ หรือ เอ๊ มีเย็นและนาย สมหมาย หรือ ลายเนียมศรีได้มาช่วยขนของที่บ้านของนาย บรรจบ นายบรรจบจึงชวน นาย สาทิตย์ หรือ เอ๊ะ มีเย็น ฆ่าศยามล
หลังจากเสร็จงานขึ้นบ้านใหม่ นายบรรจบนัดพบกับหมอบัณฑิตที่ลานจอดรถ วัดเขาบันไดอิฐ ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เวลาเที่ยงวัน หมอบัณฑิตบอกนายบรรจบข้อมูลของศยามลเกี่ยวกับเวลาไปทำงาน กลับบ้าน รถที่ใช้และนำรูปถ่ายให้ของศยามลให้นาย บรรจบดูพร้อมทั้งบอกกับนายบรรจบว่าทำวิธีใดก็ได้ที่ทำให้ศยามลพ้นจากอำเภอหัวหินและได้เสนอแนะไปว่าให้ฆ่าศยามลโดยการข่มขืน ชิงทรัพย์แล้วฆ่า นายบรรจบบอกกับหมอบัณฑิตว่าการทำเช่นนี้ต้องใช้คนมากและต้องซื้อรถยนต์หนึ่งต้องใช้เงินประมาณสี่หมื่นบาท \
หมอบัณฑิตให้เงินนายบรรจบหนึ่งหมื่นบาทส่วนที่เหลือนัดมาเอาที่เดิม หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์หมอบัณฑิตนัดนาย บรรจบมาเอาเงินอีกสามหมื่นบาทพร้อมทั้งบอกให้นายบรรจบ ให้นายบรรจบนำน้ำอสุจิใส่ขวดราดตัวพร้อมทั้งใส่น้ำอสุจิลงไปช่องคลอดของศยามลและให้เตรียมถุงมือไปด้วยเพื่อจะได้ไม่มีร่องรอย หมอบัณฑิตบอกกับนายบรรจบให้ลงมือฆ่าศยามลในวันที่ตนเองลาไปพักผ่อนระหว่างวันที่26 กันยายนจนถุงวันที่ 1 ตุลาคม
หลังจากนั้นไม่กี่วันนายบรรจบได้นัดพบกับนายสาทิตหรือ เอ๊ มีเย็นเพื่อคุยรายละเอียดทั้งหมดในการจัดการศยามลโดยตกลงกันว่าจะใช้รถกะบะเป็นยานพาหนะในการลงมือฆ่าศยามล นายสาทิตย์ หรือ เอ๊ มีเย็นได้ชักชวนนายสมหมาย สังเคลือบและ นายสมหมาย หรือ ลายเนียมศรีมาร่วมด้วย ต่อมาในวันที่ 28 กันยายน นายสมหมาย สังเคลือบ นายสาทิตย์ หรือ เอ๊ มีเย็น สมหมาย หรือ ลาย เนียมศรี และนายบรรจบ ชักชวนกันไปดูลาดเลาที่ศูนย์การค้าหัวหินคอมเพล็กซ์
อ่านต่อได้ที่นี่ https://board.postjung.com/1506573
อ้างอิงจาก: https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/540511
http://chaisanookdea.blogspot.com/2015/06/blog-post_65.html