ตำนาน เรื่องเล่าสืบทอดต่อกันมา เกี่ยวกับเสาร์หลักเมือง
เสาร์หลักเมืองนั้นเริ่มก่อตั้งครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ 2523 เดือนเมษายน วันที่ 21 เป็นครั้งแรกของการ
ก่อตั้งเสาร์หลักเมืองของกรุงเทพมหานคร
เสาร์หลักเมืองถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรงในกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นราชธานีตามธรรมเนียม ของ พราหมณ์ ในสมัยนั้น
ก่อนจะสร้างจะต้องทำพิธี ยกเสาร์หลักเมืองก่อน เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง
ในครั้งวัยที่ยังเป็นเด็กเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับการตั้งเสาร์หลักเมืองมาว่า เมื่อจะสร้างเสาร์หลักเมืองหรือประตู
เมือง เจ้าเมืองจะให้เสนากลุ่มหนึ่งออกไปเดินตามหมูบ้านในเวลากลางคืน แล้วร้องตะโกนเรียก อิน จัน มั่ง คง
ถ้าหากว่ามีคนขานรับทั้ง สี่คน แล้วจะนำคนเหล่านั้นมาเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมัน
จนเมืองถึงกฤษ์ลงเสาร์ก็จะผลักคนทั้ง สี่คน นี้ลงไปในหลุมแล้วปล่อยเสาร์ให้ลงมาทับกลบดินลงหลุม
เป็นการฝั่งอาถรรพ์ให้คนทั้ง สี่ เป็นผีเฝ้ารักษาเมือง ถ้าหากมีข้าศึกมาบอกเะืื่อเตรียมตัวรับทัน
ไม่ใช่เร่องเล่าในยุครัตนโกสินทร์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา นายเยเรเมียส ฟาน ฟลีต ที่คนไทยจะเรียกกันว่า
นาย วันวลิต นายห้างฮอลันดาซึงเข้ามาอู่ในประเทศไทยนานถึง 15 ปี อยู่ที่กรุงศรีอยุธยา และยังเขียนหนังสือ
เกี่ยวกับ เมืองไทยไว้ถึง 5 เล่ม
ได้เลาถึงการสร้างประตูเมืองของกรุงศรีไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบันทรงได้เปลี่ยนประตูทั้งหมด
และประตูเหล่านี้ถือว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศสยาม พระเจ้าแผ่นดินทรงสั่งให้โยนหญิงมีครรภ์สองคนลงไป
ใต้เสาร์ของแต่ละเสาร์และจำเป็นต้องใช้หญิงมีครรภ์ถึงสิบแปดคน
สำหรับประตู สิบเจ็บ ประตูนี้
วันวลิตยังเล่าต่อไปอีกว่า ไม่เพียงแต่ประตูวังเทานั้นการสร้าที่ประทับในพระบรมราชวังก็ได้มีการทำพิธีเช่นนี้
เหมือนกันถ้าผู้หยิงที่ตายในเวลาใกล้คลอดนั้นยิ่งจะดี เพราะมีความเชื่อวาผู้หญิงเหล่านี้จะกลายเป็นปีศาจ
ที่ดุร้าย ไม่เพียงแค่ค่อยปกป้องเสาร์ที่ตนนั้นถูกโยนลงไป แต่ยังจะช่วยให้บ้านเมืองพ้นภัยร้ายด้วย
ตำรามีมาแต่โบราณกาลหลายฉบับ แต่ไม่มีฉบับใดกล่าวถึงว่าใช้ตนชื่อ อิน จัน มั่น คง
และหญิงตั้งครรภ์มาฝั่งในหลุมกลบดินอย่างโหดร้ายแบบนี้
ในตำรานั้นกล่าวไว้ว่าให้เอาดินจากทั้ง สี่ ทิศ มาปั่นเท่าผลมะตูม สมมุติว่าเป้นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ให้คนถือกันคนละก้อนและยืนอยู่ที่ปากหลุมคนละทิศ เมื่อพราหมณ์ผู้ทำพิธีถามว่าดินแต่ละก้อน
มีคุณระการใด คนที่ถือธาตุดินก้ตอบว่าคุณของดินในมือตนนั้น พระนครจะมีอายุยืนยาว
เป็นที่ประชุมของระชาชนชั่วกัลปวสาน ส่วนคนที่ถือก้อน ธาตุน้ำ บอก พระกษัตริย์และเสนา
อำนาจจะเจริญอายุวรรณะประสบสิริสวัสดิ์มงคลทั้งป่วง คนถือก้อนธาตุลมว่า การกสิกรรมและพานิชกรรม
จะเจริญรุ่งเรื่องสมบรูณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร ส่วนคนถือก้อนไฟกล่าวว่า เหล่าทหารแก้วกล้า มีเดชชาเหนือข้าศึก
เมื่อทำการกว่าจบแต่ละคนก็จะโยนก้อนดินในมือนั้นลงไปในหลุม ตามด้วย แผ่นสิลายันต์
แล้วจึงอัญเชิญเสาร์หลักเมืองลงตั้ง
ลงบนแผ่นศิลาอัญเชิญเทวดาเข้าประจำการรักษาพระนคร
ไม่มีการเอา อิน จัน มั่น คง หรือหญิงสี่หูสี่ตาลงไปฝั่ง ซึ่งเป็นการสะเทือนใจชาวพุธเกินกว่าจะรับได้
และยังจะไม่เป็นมงคลแกพระนครเลยถ้าหากทำแบบนั้น
เรื่องที่เอาคนทั้งเป็นลงไปฝั่งกับเสาร์หลักเมืองนี้ ซึ่งน่าจะเป็นการนำมาเล่าเป็นนิทานมากกว่า
เล่ากันไปเล่ากันมาฟังแล้วสนุก ลิเกก็เล่นไว้มาก เลยพากันนึกวาเป็นเรื่องจริง
บสงท่านก็มีการวิเคราะห์กันว่าในสมัยก่อนจะเชื่อกันว่า ในเวลากลางคืนจะเป็นเวลาที่น่ากลัว
ทั้งมีผีและปีศาจคนร้ายก็ยังมาออกอาละวาดอีกทั้งพวกที่เลยมนต์ดำก็จะมีการปล่อยของลองวิชากัน
คนโบราณในสมัยนั้นจึงพากันห้ามลูกหลานไ้ว่า ถ้าหากในยามกลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียกห้ามส่งเสียงขานรับ
ไปในเวลากลางคืนซึ่งเป็นอีกอุบายหนึ่ง ด้วยความห่วงใยลูกหลานในเรื่องนี้ก้น่าจะเป็นได้
เรื่องที่จะนำมาเล่าในวันนี้ก็มีเท่านี้ละค่ะ
จบแล้วค่ะเรื่องที่นำมาสรุปใจความเพียงสั้นๆและเล่าใน ณ ที่นี้