จุดแข็งกับจุดอ่อนของตัวเรา
การรู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเรา
คำถามแรกนี้ คือสิ่งที่เราต้องตอบตัวเองได้ก่อน นั่นคือจุดแข็งกับจุดอ่อนของเรา คนเรามักจะทำสิ่งที่ตัวเองถนัดสำเร็จ หรือก็คือทุกคนจะแสดงด้านที่เป็นจุดแข็งของเราออกมาใช้มากกว่าการใช้จุดอ่อน และโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เราสามารถค้นพบตัวเองได้
ข้อแนะนำจากหนังสือ Managing Oneself คือลองให้เราตั้งเป้าหมายในสิ่งที่เราชอบและถนัด มั่นใจว่าเราสามารถทำมันสำเร็จได้ หรือเราอาจจะพิสูจน์สิ่งที่เราตัดสินใจทำ หรือทบทวนทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆ และเราจะมองเห็นว่าสิ่งที่เราทำนั้น เป็นสิ่งที่เรียกว่าจุดแข็งหรือจุดอ่อนของเรากันแน่
อย่างเช่น คนที่มีความฝันอยากเปิดร้านขนมหรือคาเฟ่ เราต้องเรียนรู้อย่างเต็มที่และลงมือทำสัก 5-6 เดือน แต่สุดท้ายก็พบว่า นี่ไมใช่ทางที่ใช่ แต่คุณกับพบว่าตัวเองดันชอบเล่นดนตรี R&B ในคาเฟ่แทนซะอย่างนั้น
พวกเรานั้นมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง และทุกคนนั้นชอบฝืนที่จะพัฒนาจุดอ่อนตัวเองมากกว่าจุดแข็งที่คุณทำได้ดีและมีความสุขกับมัน
ข้อแนะนำในการพัฒนาตัวเอง หลังจากที่เราค้นพบแล้วว่า จุดแข็ง-จุดอ่อนของเรานั้นคืออะไร ให้นำจุดแข็งนั้นมาพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนจุดอ่อนเราก็พัฒนาตามไปด้วย แต่ไม่ควรฝืนทุ่มเทเวลากับมันมากจนทำให้การพัฒนาจุดแข็งของเราช้าเกินไป
และให้จำไว้เสมอว่า หากพัฒนาจุดแข็งอยางตั้งใจแล้ว ก็จงอย่าเห็นแก่ตัวในการนำจุดแข็งมาใช้กับตัวเองมากจนเกินไป สุดท้ายจุดแข็งนั้นก็จะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาแทน และให้เราหมั่นฝึกฝนดึงจุดแข็งที่มีออกมาใช้ให้บ่อย ๆ แล้วเราจะสามารถใช้จุดแข็งนั้นได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไป
ลองยกตัวอย่าง เหล่าเด็ก ๆ ที่มีพ่อแม่มาบ่นกับพวกเขาว่า ทำไมลูกจึงทำวิชาอังกฤษได้ดี แต่วิชาคณิตกลับทำได้แย่มาก และย้ำเขารวมถึงเอาไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น ซึ่งการทำแบบนี้รังแต่จะทำให้การพัฒนาจุดแข็งของเด็กขาดความมั่นใจ จนพวกเขาจะห่างไกลจากความสำเร็จของพวกเขา ไม่กล้าที่จะตัดสินใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีแล้วรึยัง จนไม่ได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้เป็นจุดแข็งที่เป็นข้อดีกับตัวของเขาได้
เพราะชีวิตของเราอาจจะมีโอกาสที่จะพัฒนาทักษะภาษาของเขาให้เฉียบแหลมขึ้น และเส้นทางความสำเร็จของพวกเขาก็จะได้เปิดออกกว้างขึ้นในสังคมอนาคตของเขาต่อไป เพราะชีวิตของพวกเขาจะพบการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
รวมไปถึงเหล่าผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นมา ชีวิตของคุณอาจจะเจอการตำหนิติเตียนมากมายผ่านจุดอ่อน แต่ขอให้ขอบคุณเพราะคุณสามารถเข้าใจจุดอ่อนของคุณได้ และพัฒนามันได้ดีกว่าเหล่าเด็ก ๆ ที่ได้แต่กลัวและไม่เข้าใจนั่นเอง
ส่วนหลายคนก็ได้มีโอกาสที่จะทำจุดแข็งหรือสิ่งที่เราทำได้ดี แต่เราก็กลับเบื่อหน่ายกับสิ่งพวกนี้ไปแทนเสียอย่างนั้น ในหนังสือจึงมีการยกตัวอย่าง
ระหว่างคนที่ชอบฟัง กับคนที่ชอบอ่าน คนที่ชอบฟังจะชอบการเข้าไปทำงานในสังคม คุยเก่ง นักสัมนาชั้นยอด ประสบความสำเร็จจากการลุยงาน แต่พวกเขานั้นกลับไม่ชอบการมานั่งวิเคราะห์อะไรเท่าไหร่นัก และเบื่อกับการทำงานได้ง่าย แตกต่างจากคนที่ชอบอ่าน พวกเขาจะไม่ชอบพูดคุย แต่พวกเขากลับเป็นนักเก็บข้อมูล ชอบวิเคราะห์และนำมาสรุป ผ่านการแสดงออกจากผลงานนั่งโต๊ะแทนและมีโอกาสประสบความสำเร็จด้วยความรอบคอบของเขา
โลกใบนี้มีสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากสังคมอินเทอร์เน็ต นั่นจึงเป็นข้อได้เปรียบที่เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากยิ่งขึ้น และพวกเราต่างก็แตกต่างกัน เติบโตมาไม่เหมือนกัน เพราะแบบนั้น เราจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้น เมื่อความเข้าใจตัวเองสูงขึ้น เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันอย่างมากขึ้นแน่นอน
******************************************************************
จบสรุปหัวข้อจุดอ่อน-จุดแข็ง แล้วมาเจอกันใหม่นะ