แสงปริศนายามวิกาล
สวัสดีครับผมชื่อก็อบลิน
วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องแสงปริศนาในยามวิกาล
วันที่ ๑๖ กันยายน เป็นวันที่โรงเรียนของผมนั้นปิดเทอม ผมเลยมีแผนว่าผมจะไปอยู่กับย่า ชีวิตในเมืองหันซ้ายแลขวาก็เจอรถก็เจอแต่ตึก
ผมเลยเก็บของเอาเสื้อเอากางเกงใส่ไว้ในกระเป๋ากะว่าจะไปอยู่บ้านย่าสัก ๑ เดือนแล้วค่อยกลับมาครับ
แต่โชคดีของผมที่บ้าน ย่า ผมเขาจัดงานวัดกันผมเลยกะว่าจะไปถึงแล้วจะไปเที่ยวงานวัดซะเลย
จะได้ไปเจอ ไอ้แม็ค ไอ้อาร์ม เพื่อนเก่าสมัยเด็กของผม รู้จักกันตั้งแต่ ป.๑ พอผมขึ้นมัธยมผมก็ไปเรียนในเมืองหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอพวกมันอีกเลย น่าจะประมาณ ๘ ปีครับ เพราะผมถึงที่บ้านย่าผมเก็บข้าวเก็บของอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปเที่ยวงานวัด
พอผมไปงานวัดใช่ครับผมก็เจอ ไอ้แม็ค ไอ้อาร์ม พวกเรา ๓ คนนั้นสนิทกันมากผม ผม ไอ้แม็คไอ้อาร์ม ก็เดินเล่นอยู่ในงานวัด
จนปู่เดินเข้ามาทักผมว่าจะกลับกับปู่หรือเปล่าหรือว่าจะเดินกลับซึ่งความจริงบ้านผมนั้นก็ไม่ได้ไกลจากตัววัดเลยเดินไม่กี่กิโลเมตรก็ถึงแล้วครับ
ผมเลยบอกผมว่าเดี๋ยวผมเดินกลับเองปู่กลับไปก่อนเลย แล้วปู่ก็พยักหน้าตอบรับ แล้วพวกผม ๓ คนเดินเล่นในงานวัดจนมันเริ่ม วายแล้ว
พวกผม ๓ คนก็เลยตกลงว่าจะกลับกันแล้ว
แน่นอนครับว่าซอยชนบทมันไม่เหมือนซอย กรุงเทพ หรือจังหวัดอื่นมันมืดเสาไฟก็ไม่ค่อยมีแอบน่ากลัวนิดๆนะครับ
สิ่งที่ผมเห็นตามภาพนะครับแต่ให้คิดว่าเป็นตอนกลางคืน
แล้วพวกผม ๓ คนก็ได้เดินผ่านสวนอ้อยแต่ว่าหางตาของผมได้เห็นแสงบางอย่างที่ลอยผ่านสวนอ้อยไปแว๊บเดียวครับ
ผม:ไอ้แม็คไอ้อาร์ม อะไรลอยไปทางนั้นวะเนี่ย ไอ้แม็ค:!!เออใช่ตะกี้กูก็เห็น ไอ้อาร์ม:เห็นอะไรของพวกมึงวะกูไม่เห็นเห*้ยอะไรเลย
ผม: ไอ้อาร์มตะกี้มึงไม่เห็นจริงหรอวะ ไอ้อาร์ม:เห็นอะไรของมึงวะ ไอ้แม็ค:เฮ้ยเดี๋ยวพวกมึง ๒ คนอะหยุดก่อนกูว่าตามไปดูไหม
ไอ้อาร์ม: เดี๋ยวก่อนตามอะไรกูยังไม่เห็นอะไรเลย ไอ้แม็ค:เออมึงหยุดพูดแล้วมึงก็ตามกูมา ไอ้อาร์ม:เออเออ อะไรของมึงกันวะ
แล้วหลังจากนั้นพวกผมก็วิ่งตาม แสงประหลาด ผมว่าไม่ได้เชิงวิ่งแต่เป็นแอบมากกว่าค่อยๆสะกดรอยตามแสงประหลาดนั่นซึ่ง เเต่ ว่าเหมือนมันจะรู้ตัวว่าพวกผมตามมันอยู่
แสงไฟนั่นก็ได้ โฉบ ขึ้นไปบนต้นไม้ผมที่อยู่ห่างจากมันประมาณครึ่งกิโลจากย่องผมก็มาเปลี่ยนเป็นวิ่ง ผมอยากรู้จริงๆว่ามันคืออะไรกันแน่
ผม: ไอ้แม็คไอ้อาร์ม มึงวิ่งตามกูมา ไอ้แม็คไอ้อาร์มไอ้อาร์มไอ้แม็ค ชิบหายแล้วกูวิ่งมาคนเดียว
ครับไอ้แม็คไอ้อาร์มมันหนีผมไปตั้งแต่ 5 นาทีแรกที่ย่องตาม ดีจริงๆเพื่อนกู หันหลังสับตีนแตกเลยครับทีนี้
เช้าวันต่อมา
ผม ไอ้แม็ค ไอ้อาร์ม ก็ได้มาคุยในเรื่องเมื่อคืน เรื่องทำไมมันหนีไปแล้วแล้วไม่ยอมบอกผม
ผม: ทำไมพวกมึงสองคนไปกันแล้วไม่ยอมบอกกูวะอย่างน้อยก็สะกิดบอกกูหน่อยก็ได้ว่าไปกันเถอะกลับดีกว่าไม่ต้องตามแล้วทีนี้ก็ได้ไม่ใช่อยู่ดีๆหายไปเลยไอ้ชิบหายกูก็กลัวเป็นนะเว้ย
แต่พอผมมองหน้าเพราะมัน 2 คนหน้าของมันดูกลัวอะไรสักอย่างนึงเหมือนกับมันรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังตามอยู่คืออะไร
ไอ้อาร์ม: มึงไม่รู้จริงๆเหรอที่มึงตามอยู่เขาเรียกว่า กระสือ ผม:ฮะ อะไรนะ กระสือ มันมีจริงหรอวะ
ไอ้แม็ค: แล้วเมื่อคืนที่มึงเห็นน่ะคิดว่าเป็นรถไอติมวอลล์หรือไง
ผม: ไอ้ติเล่นกูซะแล้ว แล้วใครจะไปรู้วะว่ามันคือ กระสือ กูคิดว่ามันไม่มีจริงด้วยซ้ำ
ไอ้แม็ค: ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อเหมือนมึงนั่นแหละก่อนหน้าที่มึงจะมา กระสือ มันเข้ามาแดกไก่บ้านกูตายยกเล้า
ตอนที่กูเห็น ไก่ ตายกูนึกว่าสัตว์อื่นมากินแต่พอตกกลางคืนกูเห็นมันลอยเข้ามากินไก่กินซากที่ เหลืออยู่ กู ได้เชื่อว่า กระสือ มาแดกไก่บ้านกู
ผม: แล้วทำไมมึงไม่ไล่มันไปวะแล้วมึงเคยเห็นหน้าไหม
ไอ้แม็ค: !!!ให้กู !!ให้กู ไ..ไป ไล่กระสือมึงพูดเหมือนให้กูไปไล่หมาข้างบ้านอะ ผม: ก็กูนึกว่ามึงไม่กลัวไง แล้วพวกมึงไม่คิดจะหาทางกำจัดมันหน่อยหรอวะ
ไอ้แม็ค: พวกเรา ๓ คนมันจะไปทำอะไรได้วะ
ผม: มึงก็ไปตามชาวบ้านมาช่วยกันดิวะ
๒ วันต่อมา
กระสือ ก็ได้ออกอาละวาดอย่างหนักจนกระทั่งไปกินวัวของ ผู้ใหญ่ หลังจากนั้นผู้ใหญ่ก็เรียกประชุมลูกบ้านทุกคนแล้วก็ได้บอกกับลูกบ้านทุกคนว่าเราจะทำการจับกระสือด้วยกันคืนนี้
เวลา ๒๓:oo น
ผมผู้ใหญ่บ้านชาวบ้านก็ได้การออกตามหาแต่หาแล้วหาอีกก็ยังหาไม่เจอดักรอถึงขั้นต้องเอาไก่มาวางไว้ตรงหน้าถนนหรือไม่ก็เอาเครื่องในสดๆไปวางไว้ข้างถนนหรือไม่ก็ตรงจุดที่คิดว่า กระสือ จะมาแต่ว่าก็ไม่เห็นวี่แววเลย สักนิดเดียว
ชาวบ้าน: ผู้ใหญ่ครับจะเอายังไงต่อ ตอนนี้ พวกเราก็ไม่เห็นมันเลย ตอนนี้ ก็ใกล้จะสว่างแล้ว
ผู้ใหญ่: 2-3 วันแล้วมันไม่โผล่หัวออกมาเลย ไก่ เป็ด วัว มันกินเกือบจะหมดล่ะ
ผม: เอาแบบนี้ไหมครับผู้ใหญ่ ไปกันแค่ 3-4 คนก็พอ เอาเฉพาะคนที่ ยิงปืนได้ ผมว่ากระสือมันน่าจะรู้ตัวเพราะจำนวนคนที่มาล่ามัน
๑.ผม ๒.ไอ้แม็ค ๓.ไอ้อาร์ม ๔.ปู่ผม ๕.ผู้ใหญ่ ๖.ลุงทอง ผมว่าเท่านี้ก็น่าจะพอนะครับ คนที่สามารถยิงปืนได้
ผู้ใหญ่: ตกลงเอาแบบนี้แล้วกันแต่ตอนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะแล้วคืนนี้ค่อยมาบ้านข้า
เวลา ๒๑:oo น
แล้วหลังจากนั้นผู้ใหญ่ก็ได้อธิบายแผนพออธิบายแผนจบผู้ใหญ่ก็เดินไปหลังบ้านไปหยิบปืนมา ๕ กระบอกให้พวกผมเลือกเลยครับว่าจะเอากระบอกไหน
๑.ลูกซองยาว ใส่กระสุนได้ทีละ ๑ ขนาดกระสุน ๑๒
๒.ลูกโม่ตาม้าส่กระสุนได้ทีละ ๖ ขนาดกระสุน .๓๕
๓.ลูกซองยาว ใส่กระสุนได้ทีละ ๒ ขนาดกระสุน ๑๒
๔.ปืนพกสั้นM1911 ใส่กระสุนได้ทีละ ๙ ขนาดกระสุน .๔๕
หลังจากได้อาวุธครบมือก็เตรียมตัวออกล่า
เวลา oo:oo น ผมและคนอื่นก็ได้กระจาย ไปแอบไปซ่อน ตามที่ต่างๆ เพื่อจะได้ ดัก ยิง กระสือ ที่อาจจะออกมาหากิน
แล้วหลังจากนั้นไม่กี่นาทีหางตาของผมก็ได้เหลือบไปเห็นแสงไฟที่อยู่ตรงเถียงนา
ผมเห็นแล้วผมรู้ได้เลยว่าใช่แน่นอน กระสือ ผมเลยหันกระบอกปืนเข้าหามันโดยไม่ลังเล ถอนหายใจ แล้วลั่นไกล !!!ป้าง!!!
เสียงปืนได้ดังไปทั่วป่า แล้วก็มีเสียงปืนที่ตามกันมาหลายนัด ผมว่าทุกคนน่าจะรู้ตำแหน่งของ กระสือ แล้ว ท่านใดนั้นก็ได้ยินเสียงจากผู้ใหญ่บอกว่าให้วิ่งตามมันไปมันหนีไปแล้ว ทุกคนนั้นวิ่งไปไกลต่างจากผมที่กำลังลงจากต้นไม้เพราะขึ้นไปสูงมากผมเสียเวลากับต้นไม้มากแต่สุดท้ายก็ลงมาได้ และผมก็ได้วิ่งตามเพื่อนๆไป วิ่งไปใส่กระสุนไปยิงไปแต่ไม่รู้ยิงโดนหรือเปล่าขอแค่ยิงไว้ก่อน
ทุกคนนั้นวิ่งไปคนละทิศคนละทางดักยิงบ้างดักหน้าบ้างยิงตามตูดบ้าง
แล้วอยู่ดีๆหัวของผมไม่ได้คิดขึ้นมาได้ ว่าที่เรายิงไม่โดนเนี่ยเป็นเพราะว่าเราวิ่งแล้วเราถือปืนไม่ค่อยมั่นทำให้ยิงไม่โดนสักนัดทั้งๆที่ตัวเรานั้นก็อยู่ใกล้ ผมเลยตั้งใจวิ่งไปดักข้างหน้า เอากระสุนใส่รังเพลิงเสร็จแล้วก็ยกมือขึ้นพนม นะ โม พุท ธา ยะ !!!ป้าง!!!
นัดเดี่ยว กระสือ น่ะมันอยู่สูงก็เลยไม่รู้ว่ามันจะไปตกตรงไหน ผมตะโกนให้ทุกคนได้รู้ว่าผมนั้นยิงถูกกระสือ แล้วตอนนี้มันตกลงมาแล้ว
ทุกคนตะโกนตอบรับ แล้วผู้ใหญ่บ้านก็ได้ตะโกนให้ชาวบ้านที่หลบอยู่ซ่อนอยู่ดูอยู่ในบ้านให้ช่วยออกมาตามหา กระสือ
เวลา ๓:oo น
ชาวบ้านทุกๆคนก็ช่วยตามหาซาก กระสือ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอตอนนี้ก็ตี ๓ กว่าแล้วยังไม่เจอวี่แววของ กระสือ เลยเห็นแต่รอยคาวเลือด
ผมที่สังเกตการณ์อยู่ ก็ได้เห็นแสงวาบแค่วิเดียว แล้วก็พุ่งหายเข้าไปในป่า !!!!ผมตะโกนว่ากระสือมันยังไม่ตาย!!!
ชาวบ้านทุกๆคนวิ่งตามแสงนั่นแบบเอาเป็นเอาตาย
และแสงนั้นดูเหมือนว่ามันจะลอยเร็วมากๆมันจะไปสักที่ไหนสักที่หนึ่งเลี้ยวซ้ายบ้างขวาบ้างคนมีปืนก็ยิงบ้าง
หลังจากนั้นกระสือก็ได้ลอยเข้ากระท่อมเล็กๆหลังนึง
ผมคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นที่กบดานของมันอย่างแน่นอน หลังจากนั้นไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็ตะโกนออกมาว่าเผาบ้านมันเลยอย่าให้เหลือแม้แต่ซาก
๕ นาทีต่อมา ทุกคนนับถือคบเพลิงคบมือแล้วตั้งใจกันโยนไปที่กระท่อม เสียงกรีดร้องจากด้านในทุกคนนั้นได้ยินกันหมดเป็นเสียงกรีดร้องที่ทรมานทรหด แล้วหลังจากนั้นเสียงนั้นก็เงียบหายไป จบ
กระสือ เป็นชื่อผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้หญิงและชอบกินของโสโครก
ช่วงทิ้งท้าย
เรื่องนี้นะครับก็เป็นเรื่องในตระกูลนะครับของผมนะก็อันนี้ก็เป็นการเขียนแล้วก็เป็นการเอามาเล่าครั้งแรกนะครับของผมเองนะซึ่งถ้าผมเล่าหรือเขียนหรือทำอะไรให้ทุกคนเนี่ยรู้สึกแบบไม่อินหรือว่าไม่เข้าใจก็ต้องขออภัยด้วยนะพอดีเพิ่งเขียนครั้งแรกนะครับโอเคนะครับหลังจากนี้ก็อาจจะมีการเขียนหรือการแต่งหรือการเอาเรื่องจริงๆของผมเนี่ยมาเขียนแล้วก็มาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันนะครับโอเคงั้นผมไปก่อนนะไว้เจอกัน
(เรื่องที่ผมเล่าอาจจะมีที่ผมเสริมเติมแต่งเข้าไปเพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ๑oo%)