ลูกเกดดำ กับ เหลือง ต่าง กัน ยัง ไง
ลูกเกด เป็นผลไม้แห้งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีรสชาติหวาน กรอบ ทานง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโรคโลหิตจาง บำรุงสายตา เสริมภูมิคุ้มกัน และอื่นๆ อีกมากมาย
ลูกเกดมีหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่ใช้ทำ โดยลูกเกดดำและลูกเกดเหลืองเป็นที่นิยมมากที่สุด ทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันทั้งในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และประโยชน์ต่อร่างกาย
ลูกเกดดำ
ลูกเกดดำ ทำมาจากองุ่นสีดำ ซึ่งมักเป็นองุ่นพันธุ์บูลส์อาย (Bull's Eye) มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เมล็ดเล็ก เนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็ง กรอบ
ลูกเกดดำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
ลูกเกดเหลือง
ลูกเกดเหลือง ทำมาจากองุ่นเขียวหรือองุ่นขาว ซึ่งมักเป็นองุ่นพันธุ์ Thompson Seedless มีรสชาติหวาน เมล็ดเล็ก เนื้อสัมผัสค่อนข้างนุ่ม
ลูกเกดเหลืองมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และยังมีโพแทสเซียมสูง ช่วยควบคุมความดันโลหิต
ความแตกต่างระหว่างลูกเกดดำและลูกเกดเหลือง
ลักษณะ | ลูกเกดดำ | ลูกเกดเหลือง |
---|---|---|
รสชาติ | หวานอมเปรี้ยว | หวาน |
เนื้อสัมผัส | แข็ง กรอบ | นุ่ม |
เมล็ด | เล็ก | เล็ก |
สารต้านอนุมูลอิสระ | สูง | ปานกลาง |
ธาตุเหล็ก | สูง | ปานกลาง |
วิตามินซี | ปานกลาง | สูง |
โพแทสเซียม | ปานกลาง | สูง |
ประโยชน์ของลูกเกด
นอกจากความแตกต่างด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ลูกเกดทั้งสองชนิดยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
- ช่วยย่อยอาหาร
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
- บำรุงสายตา
- เสริมภูมิคุ้มกัน
- ชะลอความแก่
- ป้องกันโรคมะเร็ง
- ป้องกันโรคหัวใจ
วิธีเลือกซื้อลูกเกด
ในการเลือกซื้อลูกเกด ควรเลือกลูกเกดที่มีลักษณะดังนี้
- เม็ดโตเท่ากัน
- ไม่มีเม็ดแตก
- ไม่มีรอยช้ำ
- ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ
- บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดและเรียบร้อย
วิธีเก็บรักษาลูกเกด
ลูกเกดสามารถเก็บรักษาได้นานหลายสัปดาห์ โดยควรเก็บไว้ในถุงหรือภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อป้องกันความชื้นและอากาศ ลูกเกดควรเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น แต่ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะจะทำให้ลูกเกดแข็งเกินไป
ลูกเกดเป็นผลไม้แห้งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย สามารถเลือกรับประทานได้ตามชอบ ทั้งลูกเกดดำและลูกเกดเหลืองต่างก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป