3 ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดในประวัติศาสตร์
ฆาตกรต่อเนื่อง (อังกฤษ: serial killer) หมายถึง บุคคลที่ก่อคดีฆาตกรรมขึ้น โดยมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป หรือก่อเหตุมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง ในช่วงระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ ฆาตกรต่อเนื่องส่วนมาก จะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมที่ตัดขาดจากสังคมภายนอก (Antisocial Personality Disorder) และไม่ได้เป็นบ้า ดูจากภายนอกแล้วจะเหมือนกับคนปกติทั่วไป บางครั้งจะมีเสน่ห์กว่าคนปกติด้วยซ้ำ และนี้คือรายชื่อ 3 ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดในหน้าประวัติศาสตร์
1.ลุยส์ การาวิโต ฉายา “สัตว์ร้าย” (Luis Garavito)
ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1992 – 1997 พื้นที่ก่อเหตุ : โคลัมเบีย จำนวนเหยื่อ : อ้างว่าฆาตกรรมไปแล้ว 300 ราย ได้รับการยืนยัน 138 ราย ถูกจับกุมเมื่อ : 22 เมษายน 1999 ต้องโทษ : จำคุก 1,853 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือแค่ 22 ปี (ลดให้เยอะมากกกกก)
ลุยส์ การาวิโต (Luis Garavito) ได้อยู่ในอันดับที่ 1 ก็เพราะความโหด ความอันตรายที่สุดของเขานี่ล่ะ ถึงกับได้ฉายานามว่า “The Beast” ที่แปลว่า สัตว์ร้าย มีชื่อที่เพื่อน ๆ เรียกอีกว่า Tribilín เป็นชื่อเรียกของ”กูฟี่” ตัวการ์ตูนหมาของดิสนีย์ ในภาษาโคลัมเบียน , ลุยส์ เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1957 เป็นที่รู้จักกันในฐานะ ฆาตกรโหด และโจรหื่นที่ชอบข่มขืนเหยื่อ ลุยส์ถูกรวบตัวได้ในปี 1999 ด้วยข้อหา กักขัง หน่วงเหนี่ยว ทรมาน ก่อนที่จะสังหารเหยื่อจำนวน 138 ราย ทั้งหมดเป็นเด็กและเยาวชน อายุตั้งแต่ 6 – 16 ปี ด้วยวีรกรรมที่สุดโหด ทำให้ลุยส์ต้องโดนจองจำในเรือนจำพิเศษที่มีกระบวนการรักษาความปลอดภัยอย่างสูง ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลผู้คนในประเทศโคลัมเบีย แล้วลุยส์ก็ยังต้องถูกขังแยกต่างหากจากนักโทษรายอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุที่มีเจ้าทุกข์ และโจทก์ที่อาฆาตแค้นเขาจำนวนมาก ทำให้ลุยส์เลือกรับอาหารจากผู้คุมหรือบุคคลที่เขารู้จักเท่านั้น ระหว่างที่ถูกคุมขัง ผู้คุมบอกว่าลุยส์เป็นนักโทษที่ดูผ่อนคลาย มองโลกในแง่ดี และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ลุยส์จะพ้นโทษในปี 2021 นี้ ทำให้มีเสียงคัดค้านจำนวนมาก และอาจจะปรับแก้ไขกฏหมายเดิมของโคลัมเบีย ที่กำหนดไว้ว่าโทษจำคุกสูงสุดคือ 40 ปี ให้กลายเป็น 60 ปี เพื่อต่ออายุการจองจำของลุยส์ต่อไป
2.แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ (Jack The Ripper)
ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1888 – 1891 พิ้นที่ก่อเหตุ : ลอนดอน , อังกฤษ จำนวนเหยื่อ : 5 ราย
ความน่ากลัวของ แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ เริ่มแพร่สะพัดในละแวก ไวต์แชปเพล กรุงลอนดอน ในปี 1888 หลังจากเขาเริ่มก่อเหตุฆาตกรรม ไม่มีใครเคยเห็นตัวตนจริงของเขา ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ เป็นหญิงหรือชาย และ แจ็ก เดอะ ริปเปอร์ น่าจะจัดว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายแรก ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ เหตุเกิดเมื่อ 130 กว่าปีมาแล้ว ในยุคที่โลกยังไม่มีวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีใด ๆ เลย เรื่องราวของแจ็ก เดอะ ริปเปอร์ จึงจัดว่าเป็นตำนานที่มีการเล่าขานต่อกัน แน่นอนว่าย่อมต้องเสริมเติมแต่งลงไปตามกาลเวลา มีการเล่าว่าเหยื่อของแจ็กจะเป็นโสเภณีล้วน ๆ เขามักจะสังหารเหยื่อด้วยการปาดคอ หรือไม่ก็แทงมีดเข้าที่ท้องน้อย ในตำนานยังเสริมต่ออีกว่าแจ็กจะชอบตัดมดลูกของเหยื่อไปเป็นของสะสมอีกด้วย
ตำนานอย่างหนึ่งที่ยืนยันแน่ชัดได้คือ ฉายาของ แจ็ก เดอะริปเปอร์ ที่คนพื้นที่ละแวกนั้นเรียกเขาว่า “ฆาตกรแห่งไวต์แชปเพล” ตามชื่อเมืองที่แจ็กออกอาละวาด วีรกรรมโหดของแจ็กหยุดอยู่แค่โสเภณี 5 ราย แล้วก็หายสาบสูญไป ไร้เบาะแสและร่องรอย เหลือเป็นตำนานโหด ที่กลายเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญหลายต่อหลายเรื่อง ตามสมมติฐานต่าง ๆ ที่คาดเดากันไป
3.จาเว็ด อิกบาล (Javed Iqbal)
ช่วงปีที่ทำการฆาตกรรม : 1985 – 1990 พื้นที่ก่อเหตุ : ปากีสถาน จำนวนเหยื่อ : 100 ราย ถูกจับกุมเมื่อ : 30 ธันวาคม 1999 ต้องโทษ : ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่อิกบัลแขวนคอตัวเองตายในคุกเสียก่อน
เป็นคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศปากีสถาน เป็นฆาตกรต่อเนื่องรายแรกในประเทศปากีสถาน แล้วก่อเหตุได้อย่างน่าสะพรึงมาก เมื่ออิกบัลให้การยอมรับว่าเขาฆ่าเด็กชายไปถึง 100 ราย ที่น่าตกตะลึงก็คือ อิกบัล ไม่ได้ถูกจับ แต่เขาสารภาพผิดต่อคดีฆาตกรรมทั้งหมดของเขาผ่านจดหมายที่ส่งให้ตำรวจและหนังสือพิมพ์ ในจดหมายนั้นเขาได้บรรยายอย่างละเอียดถึงวิธีการที่เขาฆ่าเด็ก ๆ ทั้ง 100 รายด้วยการรัดคอ จากนั้นก็หั่นศพเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงอ่างอาบน้ำ ทำลายศพด้วยกรดรุนแรง อิกบัลยังเปิดเผยต่อว่าเด็กชายส่วนใหญ่ที่เขาฆ่านั้นล้วนเป็นเด็กกำพร้า เด็กที่หนีออกจากบ้านแล้วมาระเหเรร่อนตามข้างถนน อิกบัลยังอ้างความดีอีกว่า ที่เขาสารภาพผ่านจดหมายนี้ เพราะต้องการส่งสารถึงบรรดาพ่อแม่ที่ละเลยลูกหลานแล้วสุดท้ายก็กลายมาเป็นเหยื่อของเขา
อิกบัลลงเอยด้วยการเดินเข้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เป็นการมอบตัว เขาอ้างว่าเขากลัวตำรวจจะวิสามัญฆาตกรรมเขา เลยมอบตัวผ่านทางหนังสือพิมพ์แทน ศาลพิจารณาโทษให้ประหารชีวิตอิกบัลด้วยการแขวนคอ แล้วให้หั่นศพเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเอาไปทำลายอ่างด้วยกรดรุนแรงเช่นเดียวกับที่เขาทำกับเด็ก ๆ ทั้ง 100 ราย บทลงโทษ ๆ แปลก ๆ เช่นนี้เพราะเป็นประเทศตะวันออกกลางครับ
ความน่าตกตะลึงในคดีของอิกบัลยังไม่หมด ตอนที่ตำรวจเขาตรวจค้นห้องพัก 3 ห้องนอนของอิกบัลนั้น ยังเจอวัยรุ่นอีก 4 รายที่พักอยู่กับอิกบัล และทั้งหมดคือผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมกับอิกบัล หนึ่งรายกระโดดหนีออกหน้าต่างและบาดเจ็บจนเสียชีวิต ในคืนวันที่ 8 ตุลาคม 2001 อิกบัลตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอตายในคุก วัยรุ่นผู้ร่วมก่อเหตุอีกหนึ่งรายแขวนคอตายในคืนเดียวกัน ขณะนั้นอิกบัลอายุ 45 ปี
และนี้คือประวัติ 3 ฆาตกรต่อเนื่องที่โหดสุดเท่าที่เราจะจินตนาการได้ว่าจะมีมนุษย์สักกี่คนที่เข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองโดยไม่ได้รู้สึกผิดในสิงที่ทำลงไป ในความวิปลาสของฆาตรกรต่อเนื่องเหล่านี้แม้จะได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปแล้ว แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฆาตกรต่อเนื่องดังกล่าวมันมากกว่าหนึ่งชีวิตแลกกับอีกนับร้อยชีวิต.......
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย