วิธีทำ สังขยาฟักทอง ขนมอร่อยหอมหวานมีคุณค่าทางอาหาร แล้วยังอร่อยอีกด้วย ทำยังไงมาดูกันได้เลยจ้า
เอาล่ะครับเพื่อน ๆ นักปรุงทุกคน วันนี้เราจะมาเนรมิตฟักทองธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นขนมไทยรสเลิศ ที่ใครได้ชิมเป็นต้องหลงรักกันแน่นอนครับ เมนูที่เราจะลงมือทำกันก็คือ "สังขยาฟักทอง" ขนมหวานสีเหลืองทองอร่าม ที่มาพร้อมกับความหอม หวาน มัน กลมกล่อมอย่างลงตัว เตรียมใจให้พร้อม แล้วตามผมเข้าครัวมาสนุกกันเลย!
เริ่มต้นการผจญภัยในครัวของเราด้วยการเลือกฟักทองลูกสวย ๆ สักครึ่งลูก มองหาลูกที่เนื้อแน่น ๆ สีเหลืองสดใส จะเป็นฟักทองแก่เนื้อเหนียวหนึบ หรือฟักทองญี่ปุ่นเนื้อเนียนละเอียด ก็อร่อยได้ไม่แพ้กันครับ เมื่อได้ฟักทองที่ถูกใจแล้ว ก็จัดการล้างให้สะอาดหมดจด จากนั้นก็ลงมือปอกเปลือกสีเขียวออกให้เกลี้ยงเกลา คว้านเอาไส้และเมล็ดที่อยู่ข้างในทิ้งไปให้หมดจด แล้วก็หั่นฟักทองเป็นชิ้นพอดีคำ จะหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือจะโชว์ฝีมือแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามก็ตามแต่จินตนาการของเราเลยครับ
เมื่อจัดการกับฟักทองเรียบร้อยแล้ว ก็มาเตรียมในส่วนของสังขยากันต่อครับ ตอกไข่ไก่สด ๆ สักสามฟองลงในชามผสมใบโตหน่อย ตามด้วยน้ำตาลปี๊บหอม ๆ ประมาณหนึ่งถ้วยตวง ปริมาณความหวานก็ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบเลยนะครับ ใครชอบหวานน้อยก็ลดลง ใครชอบหวานฉ่ำก็เพิ่มได้ตามใจ จากนั้นก็ใช้ตะกร้อมือ หรือส้อม คนส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ จนน้ำตาลปี๊บละลายหมด ถ้าอยากได้เนื้อสังขยาที่เนียนนุ่มละมุนลิ้นแบบสุด ๆ ก็แนะนำให้กรองส่วนผสมนี้ผ่านผ้าขาวบางสักรอบ จะช่วยดักจับเศษไข่ขาวที่ไม่ละลายออกไปได้ครับ
เมื่อส่วนผสมไข่และน้ำตาลเข้ากันดีแล้ว ก็ถึงเวลาเติมความหอมมันด้วยกะทิเข้มข้นครับ ค่อย ๆ เทหัวกะทิล้วน ๆ ประมาณหนึ่งถ้วยตวงลงในชาม แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง เคล็ดลับความหอมแบบไทย ๆ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ใบเตยหอมครับ หยิบใบเตยมาสักสองสามใบ ขยี้เบา ๆ ให้พอมีกลิ่นหอม แล้วใส่ลงไปในส่วนผสมสังขยาของเรา
ตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนของการนำฟักทองที่เราหั่นไว้มาเรียงใส่ในลังถึง หรือหม้อสำหรับนึ่งครับ จัดเรียงให้สวยงาม ไม่ซ้อนทับกันจนเกินไป เตรียมน้ำในหม้อให้เดือดพล่าน แล้วค่อย ๆ เทส่วนผสมสังขยาที่เราเตรียมไว้ ราดลงบนชิ้นฟักทองให้ทั่ว ๆ พยายามอย่าให้ล้นออกมานะครับ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ยกลังถึง หรือหม้อขึ้นตั้งบนเตา ใช้ไฟกลางในการนึ่ง อดใจรอประมาณ 20-30 นาที หรือจนกระทั่งสังขยาของเราเซ็ตตัวดี สังเกตได้จากสีที่เข้มขึ้น และเนื้อสัมผัสที่ดูแน่นขึ้น ลองใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปเบา ๆ ถ้าไม่มีของเหลวติดออกมา ก็แสดงว่าสังขยาฟักทองของเราสุกได้ที่แล้วครับ
ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็นสนิทก่อนเสิร์ฟครับ การพักให้เย็นจะช่วยให้เนื้อสังขยาแน่นขึ้น และรสชาติอร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้เราก็จะได้สังขยาฟักทองหอม หวาน มัน อร่อยลงตัว พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนในครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ได้ลิ้มลองกันแล้วครับ ลองทำตามสูตรนี้ดูนะครับ รับรองว่าจะต้องติดใจในความอร่อยแบบไทย ๆ ของสังขยาฟักทองอย่างแน่นอน!
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
เซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
หลังหยุดยิงได้ไม่กี่ชั่วโมง พบเครื่องบินปริศนา บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
เปิดใจ "เหมย หมึกเป็นซาซิมิ" นาทีช็อกเห็นภาพบาดตาผ่านกล้องวงจรปิด บทเรียนของความไว้ใจ
ความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม
วัฒนธรรมของ สัตว์เลื้อยคลาน ที่มันคือกิ้งก่าขนาดใหญ่
นี่หน่ะหรือ ขนมที่ใช้ในพิธีขันหมาก
ศึกเดือดกลางเมืองชล! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะคารมกลุ่มแม่ยก "พี่เฮ้ง" ปมแก้รัฐธรรมนูญและตรวจสอบทุจริต
บราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ ส่วนผสมน้อย อร่อยสร้างภาพ
ความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม
'ซ่าหริ่ม' ขนมไทยโบราณที่ยังนิยมอยู่ในยุคปัจจุบัน



