เจอกระสือในคืนปักเบ็ด
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าและเป็นความเชื่อส่วนบุคคนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณอามที่เล่าให้ผมฟัง อามเป็นรุ่นน้องที่มาทำงานในกรุงเทพในบริษัทเดียวกันซึ่งอามเล่าว่า ขอย้อนเวลาไปเมื่อ 8 ก่อนสมัยที่อามยังเป็นเด็กอายุ 12 ขวบอามเป็นเด็กต่างจังหวัดในแถวภาคอีสาน ตอนนั้นด้วยความที่เป็นเด็กอามเล่าว่าพอเลิกเรียนไม่เล่นกับเพื่อนบางวันก็ไปทำงานช่วยพ่อแม่เท่าที่เด็กตัวเล็กๆทำได้ วันนั้นพอ 4 โมงเย็นอามได้เลิกเรียนพ่อของอามจึงได้ชวนอามไปปักเบ็ดที่ทุ่งนา อามเลยตอบรับคำชวนจากพ่อ อามและพ่อเลยมาเตรียมเบ็ดของตัวเองแล้วก็เยื่อไส้เดือนและเตรียมตัวไปยังทุ่งนา เมื่อประมาณ 4 โมงครึ่งอามและพ่อก็ได้เดินไปปักเบ็ดที่ทุ่งนาทั้งสองพ่อลูกก็เดินไปปักเบ็ดไป พ่อของอามได้ปักเบ็ดไปประมาณ 50 คันและอามได้ปักเบ็ดไปประมาณ 30 คันซึ่งเบ็ดที่ทั้งสองคนปักเป็นเบ็ดที่ทำขึ้นง่ายๆจากไม้ไผ่ที่นำมาผ่าเล็กๆแล้วเหล่าให้เป็นคันเบ็ดแล้วเวลาก็ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงทั้ง สองคนก็ปักเบ็ดเสร็จเรียบร้อยทั้งสองคนจึงได้ตกลงกันว่าประมาณ 1 ทุ่มครึ่งเราจะมาดูเบ็ดกัน เมื่อถึงเวลา 1 ทุ่มครึ่งทั้งสองคนพ่อลูกจึงเดินลงทุ่งนาเพื่อไปดูเบ็ดปรากฏว่าปลาติดเบ็ดมากเลยอามกับพ่อจึงเดินไปดูเบ็ดและปลดเอาปลาที่ติดเบ็ดใส่ตะข้องอามกับพ่อเลาะดูเบ็ดจนหมดทุกอันแล้วพากันไปนั่งพักที่กระท่อมกลางทุ่งนาแห่งนั้น พอนั่งพักกันได้สักครู่อามก็พูดกับพ่อ นี่พ่อวันนี้เราได้ปลาเยอะจังได้ตั้งครึ่งตะข้องแล้วขนาดเราเพิ่งมาดูเบ็ดแค่รอบแรกนะ พ่อเลยตอบอามว่า เออ..ก็ดีแล้วไงที่เราได้ปลาเยอะ นี่ก็เริ่มดึกแล้วถ้าเราเลาะดูเบ็ดรอบนี้หมดทุกคันแล้วเราไปนอนกันนะ ตอนเช้าเราค่อยมากู้เบ็ดแล้วพ่อมีงานไปรับจ้างถางหญ้าเขาต่อด้วย อามก็ตอบรับคำพ่อไปแล้วทั้งสองคนเลยนั่งพักกันครู่หนึ่งเมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วทั้งสองพ่อลูกก็ไปดูเบ็ดต่อรอบสอง เมื่อทั้งสองเดินๆกันไปสายตาทั้งสองคนก็สอดส่ายไปทั่ว ดูตรงนี้บ้างตรงนู้นบ้างดูคันเบ็ดบ้าง ทันใดนั้นระหว่างทั้งสองคนพ่อลูกระหว่างก้มๆเงยช่วยกันปลดปลาอยู่นั้น ทั้งสองคนพ่อลูกฉับพลันก็เห็นแสงสีเขียวประหลาดลอยวอมแวมมาจากชายป่าของนาอีกแปลงที่เป็นนาร้าง ซึ่งแสงนั้นลอยมาทางเสียงปลากระโจนน้ำที่ติดเบ็ดอยู่ใกล้กับทั้งสองคนพ่อลูกทั้งสองคนเลยหมอบหลบแสงนั้นอยู่ที่ข้างคันนา เมื่อแสงนั้นลอยลอยเข้ามามันได้ลอยไปตามเสียงของปลากระโจนน้ำที่ติดเบ็ดอยู่สักพักเสียงที่ติดเบ็ดนั้นก็เงียบไปอามและพ่อเลยเดินไปดูเบ็ดที่มีเสียงปลาติดเมื่อกี้ แต่เมื่อไปดูปรากฏว่าปลาที่ติดเบ็ดนั้นได้หายไปแล้วเหลือไว้หัวปลาที่ยังติดเบ็ดอยู่เหมือนมีตัวอะไรมากัดเอาแค่ตัวของปลาไป จากนั้นพ่อเลยพูดว่าเรากลับบ้านกันดีกว่าวันนี้ท่าจะไม่ดีแล้ว แต่ด้วยความเป็นเด็กอามจึงได้ถามพ่อ ท่าจะไม่ดีอะไรหรอพ่อ แต่พ่อของอามก็ไม่พูดอะไรต่อได้แต่ชวนอามบอกว่ากลับบ้านเถอะ เมื่อถึงบ้านพ่อได้ให้อามไปนอนกับแม่ข้างในห้องแล้วพ่อบอกให้อามปิดประตูและหน้าต่างให้ดีถ้ามีเสียงอะไรก็ไม่ต้องออกมาเด็ดขาดถึงเช้าแล้วค่อยออกมา ส่วนพ่อจะนอนข้างนอกเอง เมื่ออามนอนๆไปแล้วกลางดึกคืนนั้นประมาณตี 2 กว่าอามก็ได้ยินเสียง ป๊อก..ป๊อก จากหน้าต่างแล้วแม่ก็เอามือมาจับอามไว้และพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่านอนต่อเถอะไม่มีอะไรหรอกลูก พอรุ่งเช้าพ่อได้บอกอามว่าวันนี้อามไม่ต้องไปกู้เบ็ดหรอกเดี๋ยวพ่อกู้มาให้ๆอามกินข้าวและแต่งตัวไปโรงเรียนได้เลย เมื่ออามได้ยินดังนั้นอามจึงกินข้าวแล้วอาบน้ำไปโรงเรียนตอนที่อามเดินไปโรงเรียนอามได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าเมื่อคืนมีคนออกไปปักเบ็ดแล้วเขาเจอกระสือด้วยละมันเป็นแสงสีเขียวประหลาด พอเขาหลบและจ้องมองมันแล้วพอมันลอยเข้ามาใกล้ๆเขาจึงได้เห็นว่าแสงสีเขียวนั้นมันเป็นผู้หญิงที่มีแค่หัวกับไส้ปากยังเต็มไปด้วยเลือดแล้วสีเขียวที่เห็นก็ออกมาจากอวัยวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของมันแล้วชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นจึงถามต่อว่า เห็นหน้ากระสือตัวนั้นบ้างไหมว่าเป็นใครแล้วคนที่เล่านั้นจึงเล่าต่อว่า คนที่ไปหาปลาเขาบอกว่า หน้าของกระสือตัวนั้นมันเป็นหน้าของยายคนหนึ่งที่ปลูกกระท่อมข้างชายป่าที่บ้านเหนือ จากนั้นอามเลยคิดว่าแสงสีเขียวประหลาดที่อามกับพ่อเจอเมื่อคืนต้องเป็นกระสือแน่ๆ
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar