คนเก็บขวด
วรรณกรรมชีวิตที่สะท้อนสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง อีกมุมมองหนึ่งที่หลายคนมองข้าม
ดวงอาทิตย์เริ่มแผดแสงจ้าบ่งบอกเวลาเริ่มสายแล้ว อากาศเริ่มร้อนระอุขึ้นมาเรื่อย ๆ ประกอบกับเป็นช่วง ฤดูร้อนด้วยแล้ว จะซุกกายตรงใหนก็ให้ร้อนรุ่มไปหมด อากาศร้อนอบอ้าวเปลวแดดระยับ แต่มันไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหว ของชายสูงวัยที่ชาวบ้านหรือผู้คนที่คุ้นเคย พบเห็นแกจนชินตากลายเป็นเรื่องปกติ
เสียงรถเข็นคู่ใจที่จะพังมิพังแหล่ ที่ถูกแต่งแต้มพันธนาการไปด้วย เชือก ลวด ตามแต่จะหาได้เพื่อยึดให้มันแน่นหนาตามสภาพของมันดัง กึก ๆ กิ๋งๆ พร้อมเสียงขวดต่าง ๆ ที่แกเก็บมาไว้บนรถเข็นของแก กระทบกันดัง กิ๊ง ๆ ก๊อก ๆ อยู่ตลอดเวลาเป็น
กิจวัตรประจำวันของแก ในยามใกล้ฝั่งของชีวิต ถังขยะริมถนนคือวิถีทางเดินที่แกจะไปหาสินค้าของแก บางวันมันช่างไม่คุ้มค่าเหน็ดเหนื่อยที่ต้องกรำแดด กรำฝนเสียเลย แต่แกไม่เคยบ่นให้ใครได้ยิน ถึงบ่นออกมาก็คงมีแต่เสียงที่แหบพร่า คล้ายจะหมดแรงร่วงโรยไปเสียมากกว่า สู้เก็บแรงเอาไว้สานต่อชีวิตไม่ดีกว่าหรือ บางวันขวดที่เก็บไปขายแทบไม่พอค่าอาหารหนึ่งมื้อเสียด้วยซ้ำ
" สายแล้ว แกพึมพำเบา " ถึงเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับแกหรอก เพราะกิจวัตรแกเป็นอย่างนี้ทุกวัน นอกเสียจากแกจะลุกไม่ไหวจากการเจ็บป่วย ด้วยการนอนซมตาม ยถากรรม " ยา " แค่นึกมันก็ห่างไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว ด้วยสภาพชีวิตของแกในขณะนี้ สู้เก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินไม่ดีกว่าหรือ..? แดดเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แกหยุดเดินและใช้แขนที่ผอมเกร็งกระดำกระด่างเหมือนไม่เคยถูกน้ำและสบู่ มาเป็นแรมปี ปาดเหงื่อบนใบหน้าที่หมองคล้ำ กับแววตาที่หม่นหมองเต็มไปด้วยต้อเนื้อที่กัดกินไปค่อนลูกตาทั้งสองข้าง ท้องรู้สึกเริ่มหิวขึ้นมาแล้ว แกจำได้ว่าเมื่อวานแกกินข้าวแต่มื้อเดียว และวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กินข้างหรือเปล่า
ตอนนี้แกไม่มีแม้แต่เศษเงินที่ติดกระเป๋าเลย แต่แกก็ไม่เคยคิดที่จะไปขอใครกิน บางครั้งมีผู้ใจดีหยิบยื่นน้ำใจให้แก โดยโยนขวดเปล่าไปในรถเข็นของแก เปรียบเหมือนรถเข็นของแกเป็นที่ทิ้งขยะก็ไม่ปาน..แกมองด้วยสีหน้าเฉยเมย ไม่รู้ว่าแกดีใจ หรือรันทดเพิ่มขึ้นในชีวิตกันแน่ "วันนี้เริ่มสายมากแล้วขวดของแกยังพอมีอยู่บ้าง คงขายได้ข้าวเปล่าและแกงสักถุงเถอะ แกพึมพำเบา ๆ "
อาทิตย์เริ่มลับเหลี่ยมเขา ฝูงนกกาต่างพากันบินกลับรวงรัง ทุกสรรพชีวิตต่างพากันกลับมาพักผ่อนยังที่อยู่อาศัย ตามวิถีทางของใครของมัน เพื่อมาเติมพลังชีวิตสำหรับวันต่อไป..
คนเก็บขวดกลับมาแล้ว หนึ่งวันหมดไปกับการตรากตรำ พร้อมกับชีวิตที่กำลังร่วงโรยราลงทุกขณะ ด้วยสถานภาพที่ขัดสน มันทำให้สุขภาพอนามัยของแกถดถอยลงทุกวินาที.. เพิงพักที่ถูกสร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ กับวัสดุที่เก็บมาประติดประต่อ พอคุ้มแดดคุ้มฝนให้แก อย่างน้อยก็มีที่ซุกหัวนอน พอพักผ่อนได้บ้าง ยามป่วยไข้ขึ้นมาคราใด อย่าหวังว่าจะมีใครมาดูแล คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม ถึงอย่างไรแกก็ยังลุกขึ้นมาสู้ชีวิตได้อีก เพื่อนที่ดีในยามนี้เห็นมีแต่เพียง ไอ้ด่างสุนัขจรจัด ซึ่งเกือบจะเป็นขี้เรื้อน ครั้งหนึ่งแกเคยแบ่งเศษอาหาร ซึ่งแกก็ไม่ค่อยจะพอกินอยู่แล้วให้มันกิน หลังจากนั้นมันก็มาเป็นสมาชิกที่คอยห่วงใย และตามแกมาอยู่ด้วยอีกหนึ่งชีวิตเท่านั้นจริง ๆ
แกเริ่มหิวแล้วคงจะต้องกินข้าวเย็นเสียที หลังจากทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ซึ่งมันก็เป็นประจำสำหรับชีวิตแกอยู่แล้ว แกหยิบถุงพลาสติกข้างในมีข้าหนึ่งถุงและแกงอีกหนึ่งถุงหลังจากที่แกขายขวดได้ ซึ่งเพียงพอสำหรับอาหารมื้อนี้ หรือมื้อเดียวของแกพอดี ม้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากมายสำหรับแกในยามนี้ แกหยิบขวดพลาสติกที่เก็บได้ข้างทาง ข้างในมีน้ำประปาสาธารณะที่กรอกไว้จนเต็มมาดื่มดับกระหาย "แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วแกคิด " ก่อนทีจะจัดการกับอาหารมื้อเดียวของแก โดยที่แกไม่ลืมแบ่งปันให้ได้ด่างมีส่วยเอี่ยวด้วย..
สรรพสิ่งของชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตามสายทางของมันเอง แม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของมัน ความมืดเริ่มคืบคลานมามาทุก ๆ วินาที ยามค่ำคืนดึกสงัด หนึ่งชีวิตได้หลับไหลลงอย่างอ่อนล้า อีกหนึ่งชีวิตหลับ ๆ ตื่น ๆ คอยเฝ้าระวังภัยให้เจ้านายของมันอย่างซื่อสัตย์ ภายในเพิงพักซึ่งเกือบจะพังมิพังแหล่อยู่รอมร่อ เพื่อรอเวลาตื่นขึ้นมาสู้ชีวิตในวันใหม่ แม้บางวันไม่แน่ใจว่าแกจะตื่นขึ้นมาหรือเปล่า มันเป็นอย่างนี้ทุกวัน..
วันนี้อากาศยังดีอยู่ เพราะเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่แกตื่นเช้ากว่าทุกวัน แกไม่ต้องรีบร้อนอะไรในชีวิตอยู่แล้ว เมื่อคืนแกนอนหลับสนิท นับว่าเป็นความโชคดีของแกแล้ว ความสุขที่แท้จรองคือการได้ข่มตานอนให้หลับสนิท เพื่อพักผ่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกลไกของร่างกาย อย่างน้อยโลกนี้ยังมีความเมตตากับแกอยู่บ้าง ที่ทำให้เเกมีแรงตื่นขึ้นมาได้อีกวัน
แกเอื้อมมือหยิบขวดน้ำที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ค่อนท้ายขวด มากลั้วคออย่างลวก ๆ ใช้มือรองน้ำจากปากขวดมาลูบหน้าสองสามครั้ง ก็สะอาดแล้วแกคิดของแกเอง "น้ำไม่เห็นจำเป็นต้องอาบมันหรอก มีโอกาสเมื่อไรค่อยอาบก็ได้ วันนี้ยังพอมีเวลาอยู่ "
ผู้เฒ่านั่งนิ่งหลังพิสเสาที่โอนเอนในเพิงพักของแก ดวงตาเหม่อลอยไร้ทิศทาง..มโนภาพเก่า ๆ ผุดขึ้นมาในสมองของแกอีกแล้ว ยามที่แกคิดถึงอดีตอันปวดร้าวของแกทีไร..เธอ..! คนนั้นไง คนที่ขโมยหัวใจ ขโมยทุกอย่างไปจากแก จนไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึก ถึงเหตุการณ์มันจะผ่านมาเนิ่นนาน นานจนใคร ๆ หลายคนลับหายไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม แต่ชีวิตของแกยังอยู่กับความทรงจำที่ฝังใจไม่รู้ลืม จนเป็นปมที่แก้ไม่หลุด มันฝังอยู่ในความรู้สึก และฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของแกมาตลอดเวลา ถึงเวลาจะผ่านมาตั้ง สี่สิบกว่าปีแล้วก็ตาม เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง แกคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนยากที่จะสรุปปมของมันได้ เหมือนเป็นปริศนาที่ฝังอยู่ในใจโดยที่แกไม่คิดจะลืมมัน จนกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้ายของแกก็เป็นได้...?
ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งให้มันซับซ้อน เหมือนนวนิยายบางประเภท ที่มีครบทุกอรรถรสให้ชวนติดตาม เพื่อความอิ่มเอมในอารมณ์ ในความเป็นจริงชีวิตของแต่ละคน ก็คือละครบทหนึ่งที่ถูกสรรสร้างมาอย่างลงตัวของมันเอง แล้วแต่ใครจะรับบทบาทอะไรในชีวิตจริง
( จากใจผู้เขียน )