นิยาย ย้อนวันวาน เรื่องค่ายอาสา
สวัสดีครับ ผมมีชื่อว่าปอนะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ก่อนอื่นเลย ผมขอย้อนเวลาไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ผมยังเป็น นักศึกษาอยู่ ในตอนนั ้นผมได้เรียนอยู่ปีสุดท้ายพอดี ในตอนนั ้นผมได้มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง เพื่อนของผมคนนี ้มันมีชื่อ ว่าเอ๋ครับ เพื่อนของผมคนนี ้ มันเป็นคนทางภาคหนือ และได้ย้ายเข้ามาเรียนอยู่ในมหาวิทลัย อยู่ในตัวกรุงเทพเหมือนกัน ส่วนตัวผมเองนะครับ ผมนั ้นเป็นคนทางภาคอีสาน ที่ได้ย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพพร้อมกันกับเอ๋ ซึ่งเรา นั ้นได้รู้จักกันและสนิทกันเร็วมาก
อาจเป็นเพราะว่า เรานั ้นเป็นคนต่างจังหวัดเหมือนกันก็ได้ และอีกทั้งเรายังเรียนในคณะ เดียวกันและเรายังมีอายุเท่ากันด้วย ในตอนนั ้น ตอนที่ผมและเอ๋ได้เดินๆอยู่ในมหาวิทยาลัยนั ้นแหละครับ พวกเราทั้งคู่จึง ได้ยินเสียงแว่วมามาตามลมว่า ต้องการอาสาสมัคที่จะไปค่ายอาสาพัฒนาชมชุมด้วยกัน เมื่อเราทั้งคู่ได้ยินอย่างนั ้น ผม และเอ๋จึงพากันตัดสินใจว่า พวกเราทั้งคู่จะไปออกค่ายอาสากับเค้าด้วยกันในครั้งนี ้ เมื่อพวกเราได้ไปกรอกใบสมัคไปค่าย อาสากันเสร็จ ทั้งผมและเอ๋จึงพากันเดินกลับคณะอย่างคนอารมณ์ดี
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งผมและเอ๋ พวกเราทั้งสองคน จึง ได้เดินกลบั มาถึงคณะแล้วพวกเราทงั้คู่ เลยได้เอาเรื่องที่พวกเราจะไปออกค่ายอาสากับเค้าด้วยในครัง้นี้เมื่ ิ อพวกเราเล่า กันจบ ก็ได้มีเพื่อนๆของพวกเราที่คณะ ได้พูดขึ ้นว่า ก็ดีแล้วไง ที่พวกเอ็งทั้งของคน จะได้ไปท าประโยชน์ให้คนอื่นเขาบ้าง หรือคนอื่นๆ ก็พูดนั ้นพูดนี่กันไป ท านองว่า พวกเอ็งทั้งสองคนไปเลย ไปท าประโยชน์ให้คนอื่นเขา อยู่ที่นี่ พวดเราทั้งสองคน ก็ไม่ได้ท าอะไรอยู่แล้วนี่ เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักอาทิตย์กว่าจนมาถึงวันที่พวกพี่ๆที่คณะค่ายอาสาได้นัดกันไว้ว่า จะออกค่าย อาสากัน ตอนนั ้นทั้งผมและเอ๋ได้เก็บเสื ้อผ้าใส่ลงในกระเป๋ า แล้วพาหันเดินทางไปที่หน้าค่ายชมรมค่ายอาสา ตรงจุดที่พวด เราได้นัดกันเอาไว้ว่า จะขึ ้นรถกันที่นั่น เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งผมและเอ๋ได้พากันมาถึงที่หน้าชมรม ก็ได้มีผู้คนที่จะไปค่าย อาสาด้วยกันในครั้งนี ้เต๊มไปหมด ในเวลาอีกไม่นานก็มีหัวหน้าชมรมค่ายอาสาได้เรียกพวกเราพวกหมดมาเข้าแถว แล้ว เช็คว่าคนที่จะไปออกค่ายอาสาด้วยกันในครั้งนี ้มีทั้งหมดกี่คน
ตอนนั ้นผมขอยอมรับแบบตรงๆเลยว่า ในใจของผมนี่ตื่นเต้น มาก ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการออกค่ายอาสาในครั้งนี ้ และข้อส าคัญ ผมกับเอ๋ไม่ได้ตั้งใจไปค่ายอาสาเพื่อไปช่วยเพื่อคน อะไรหรอก แต่ผมกับเอ๋ตั้งใจไว้ว่า การไปออกค่ายไปกับคณะค่ายอาสาในครั้งนี ้ พวกเราคิดแค่ว่า พวกเราจะได้ไปเที่ยว แบบฟรีๆกัน แต่ว่าการไปค่ายอาสาของพวกเราทั้งสองคน หรือการที่เราคิดว่าจะไปแบบฟรีๆของพวกเรานั ้น ใครจะรู้ว่า นั่นคือจุดเกิดเหตุ ที่จะท าให้พวกเราได้เจอเหตุการณ์ที่ผมจะ ไม่มีวันลืมได้เลย
ตอนนั ้นเมื่อหัวหน้าค่ายอาสาเรียกพวกเราทั้งหมดเข้าแถว แล้วเช็คคนที่จะไปค่ายอาสาด้วยกันเสร็จ อีก ไม่นาน ก็มีรถบัสคันใหญ่ วิ่งมาจอดตรงที่หน้าชมรมค่ายอาสา ในตอนนั ้น รุ่นพี่เลยบอกว่า ให้พวกเราทุกคนขึ ้นรถได้เลย ผู้คนที่อยู่ตรงนั ้ นพวกเราก็ได้พากันรถและนั่งประจ าที่ที่ตัวเองชอบกัน เมื่อพวกเราทุกคนได้เลือกที่นั่งประจ าที่กันเสร็จ จากนั ้นรถบัสที่พวกเรานั่งอยู่ ก็ได้พาพวกเราเคลื่อนตัวออกจากหน้าชมรมอย่างช้าๆ มุ่งหน้าสู่จุดหมายตัวไป ได้มา คือ หมู่บ้านแห่งหนึ่งถิ่นทุรกันดาร พวกเราได้นั่งรถกันมาเรื่อยๆ ได้ผ่านสถานที่ต่าง เช่น ผ่านบ้านเรือนผู้คน ผ่านทุ่งนา ผ่านป่า เขา และผ่านอะไรอื่นๆอีกมากมาย
แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือ พวกเราทั้งชมรมค่ายอาสานั ้น ยังคงพากันร้องร าท าเพลงอยู่ แบบไม่มีใครเหน็ดเหนื่อยกันบ้างเลย แต่ส่วนผม ไม่ได้ไปร้องเพลงหรือเต้นร าอะไรกับเขาหรอก ผมขอแค่มอง แล้วเห็น เพื่อนๆมีความสุขก็พอแล้ว จนเวลาได้เลยผ่านไป จนมาถึงเวลาบ่ายคล้อยลงไปทุกที พระอาทิตย์ดวงกลมโต ที่เคยส่อง แสงสว่างไสวไปทั่วนั ้น ได้เริ่มลาลับขอบฟ้าลงไป ผมก็ได้เดินมาถามรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ที่ข้างคนขับรถนั ้นว่า พี่ครับ อีกนานไหมครับกว่าจะถึง รุ่นพี่คนนั ้นคนเลยตอบผมกลับมาว่า คนขับรถบอกพี่มานะว่า อีกราวๆซักประมาณ 11 กิโล กว่าๆเห็นจะได้ เมื่อผมได้ยินอย่างนั ้นแล้ว
ผมเลยเดินกลับมานั่งที่เบาะรถเหมือนเดิม ในเวลานั ้นก็เป็นเวลาที่มืดค ่าลงไป ทุกทีแล้ว ทั้งสองข้างทางเริ่มที่จะมีแสงไฟ วอมๆแวมๆ จากบ้านเรือนผู้คนในแถวนั ้นแล้ว และในเวลานั ้น ทั้งสายตาอีกสิบ กว่าก็ได้เหลี่ยวเห็นชายร่างด าคนหนึ่ง ที่ดูท่าทางจะเหมือนชาวบ้านแถวนั ้น มี่ออกมากยืนโบกรถพวกเรา แต่ทะว่าคนขับรถ เขาไม่ได้จอดรับเขาหรอกครับ หรือว่าคนขับรถอาจจะมองไม่เห็นผู้ชายคนนั ้นหรอ เมื่อรถได้ขับไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็มีเสียงจาก เพื่อนคนที่อยู่ข้างหน้าของผม ได้ตะโกนถามคนขับรถออกมาว่า อ้าวพี่คนขับครับ ท าไมพี่ไม่จอดรับผู้ชายคนเมื่อกี ้ล่ะครับ พี่คนขับรถจึงได้ตอบกลับเพื่อนคนที่ถามมาว่า เดี๋ยวเมื่อไปถึงจุดหมายแล้ว
ผมค่อยเล่าให้ฟัง เมื่อรถได้วิ่งมาเรื่อยๆอีกราวๆ สิบนาที พวกเราทุกคนจึงได้มาถึงจุดหมาย เป็นหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี ้เอ๋บอกกับผมว่า เท่าที่เอ๋ได้รับรู้มา จากรุ่นพี่ที่ชมรมมานะ หมู่บ้านแห่งนี ้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับป่าและ ที่หมู่บ้านแหางนี ้มีน ้าตกและที่สวยๆเยอะเลย ในขณะ ที่พวกเราทุกคนก าลังยืนและไปรอบๆบริเวณที่สนามโรงเรียนตรงที่รถจอดในหมู่บ้านแห่งนั ้นอยู่นั ้น อยู่ๆก็ได้มีผู้ใหญ่บ้าน และก็ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้เดินมาต้อนรับพวกเราและพาพวกเราไปดูที่พัก และที่พักของพวกเราคืออาคารเรียนปูน ที่เป็น อาคารเรียนชั้นเดียวของโรงเรียนแห่งนั ้น เมื่อพวกเราทุกคนได้ไปถึงที่พักและได้เอาของสัมภาระไปเก็บเรียบร้อย แล้ว ชาวบ้านคนหนึ่งในกลุ่มนั ้นจึงพาพวกเราไปกินข้าวกันต่อในขณะที่พวกเราทั้งหมดกินข้าวกันไปนั ้น
รุ่นพี่คนหนึ่งก็ได้ถาม คนขับรถว่า ในตอนนั่งรถกันมาแล้วลุงบอกว่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับ ตอนนี ้เราก็มาถึงที่หมายกันแล้ว ลุงพอจะเล่าให้พวก ผมฟังกันได้หรือยังครับ พอลุงคนขับรถได้ยินอย่างนั ้น ลุงคนขับรถแกเลยหันหน้ามาทางรุ่นพี่คนที่ถามแกไป พร้อมกับพูด ว่า ถ้าแกเล่าให้ฟังแล้วหวังว่าจะไม่กลัวกันนะ ได้เลยครับลุง พวกเราสัญญาว่าจะไม่กลัวครับ เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของพวก เราในกลุ่มนั ้นตอบ แล้วลุงคนขับรถแกเลยถอนหายใจแล้วลุงคนขับรถแกเลยเริ่มเล่าว่า ก่อนอื่นเลยลุงขอย้อนไปเมื่อหน้า ฝนที่ผ่านมานะ ได้มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนรู้จักของลุงแกนี่แหละ ได้ออกมาหาโบกรถในขณะที่ฝนก าลังตกอยู่ริมถนน เมื่อ เขาได้โบกรถอยู่นาน แต่ทะว่าไม่มีแท็กซี่หรือรถคันไหนจอดเลย เขาจึงได้นั่งอยู่ในร่มตรงนั ้น แต่เป็นยังไงไม่รู้ต่อมาฟ้าเลย ได้ผ่าเขาตาย ศพของเขาเนี ้ย ตัวด าเหมือนถ่านเลย
ลุงแกบอกว่า ลุงแกจ าลักษณะท่าทางของชายตัวด าคนที่มายืนโบกรถ ของพวกเราได้ว่า เป็นคนๆเดียวกันกับคนที่ถูกฟ้าผ่าตาย และลุงแกยังบอกมาอีกว่า ลุงแกได้เห็นผู้ชายคนนั ้นมายืนโบกรถ ของพวกตลอดทางเลย ตั้งแต่พวกเราขับรถผ่านตรงที่เขาถูกฟ้าผ่าตายแล้วแหละ เมื่อผมหันไปดูพวกผู้หญิงที่นั่งฟังอยู่ตรง นั ้นด้วยกัน ดูแล้วพวกผู้หญิงนั ้น พากันกอดกันกลมเชียว สังสัยคงจะกลัวเรื่องที่ลุงแกเล่ามากมั้ง ทันใดนั ้น ในขณะที่ผม ก าลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั ้น ก็มีเสียงของผู้ชายที่เดินมาพร้อมกับพูดกับพวกเราว่า เดี๋ยวพวกคุณไปอาบน ้าพักผ่อนกัน ได้แล้วนะครับ เดี๋ยวเราจะปิดไฟตอนเวลาสามทุ่มครับ เพราะที่นี่เราใช้ไฟจากแผงโซล่าเซลล์กันครับ เพราะว่าเรายังไม่มี ไฟฟ้าใช้กัน และนี่ก็เวลาประมาณสองทุ่มแล้วครับ หลังจากนั ้นพวกเราทุกคนเลยพากันไปอาบน ้าและมานอนกัน เมื่อเวลา ผ่านไปจนถึงเช้าวันต่อมา รุ่นพี่ของพวกเราเลยเรียกรวมตัวกัน เพื่อนวางแผนงาน และจัดแจงหน้าที่ของแต่ละคนว่าต้องท า อะไรกันบ้าง
เมื่อทุกคนจัดแจงหน้าที่กันเสร็จ พวกเราทุกคนจึงแยกย้ายกินไปกินข้าวที่ชาวบ้านได้น ามาให้ลืมเล่าไปครับ ว่า ภารกิจของพวกเราในการออกค่ายในครั้งนี ้คือ การมาท าสะพานสัรจรให้ชาวบ้านและฟื ้นฟู่ห้องสมุดของหมู่บ้านกัน ใน เวลาต่อมา เมื่อพวกเราทุกคนได้กินข้าวกันอิ่มดีแล้ว หัวหน้าของชมรมค่ายอาสาจึงได้ให้ผู้ใหญ่บ้านนั ้น พาพวกเราไปดูที่ๆ จะท าสะพานกัน เมื่อพวกเราได้เดินมาถึงริมฝั่งล าธารขนาดใหญ่ข้างน ้าตก ผู้ใหญ่จึงชี ้มือไปเบื ้องหน้าพร้อมกับพูดว่า ตรง นี ้แหละและส่วนห้องสมุดนั ้นอยู่ในหมู่บ้านครับ ส่วนอุปกรณ์และค้อนตีผมจะให้ลูกบ้านเอามาให้อีกทีและส่วนไม้ก็เข้า ไปตัดเอาที่ป่าข้างน ้าตกได้เลยครับ
จากนั ้นพวกเราเลยจัดแจงหน้าที่กันอีกทีนึ่ง โดยแบ่งให้ผู้หญิงนั ้น เข้าไปท าความ สะอาดฟื ้นฟูห้องสมุดในหมู่บ้าน แล้วให้พวกผู้ชายอยู่ท าสะพานที่ล าธารกัน โดยผมกับและเพื่อนอีก 2คนนั ้น จะมีหน้าที่ เข้าหาตัดไม้ในป่าเพื่อมาท าสะพานกัน และเรื่องก็ด าเนินไปจนถึงตอนเย็นของวัน พวกผู้หญิงท ี่าไปพัฒนาห้องสมุดเมื่อช่วง เช้า ก็ได้มาหาพวกผู้ที่ริมลำธาร แล้วพวกเราทั้งหมดทุกคนจึงได้ลงเล่นน ้าที่น ้าตกกันจนมืด แล้วพวกเราจึงได้ขึ ้นจากน ้า และพากันเดินกลับที่พัก แต่ก่อนกลับกันผมกับเอ๋เลยบอกกับทุกคนว่า เดี๋ยวผมกับเอ๋ขอตัวนั่งสูบบุหรี่กันตรงนี ้ก่อน เดี๋ยว เราค่อยตามไป ในตอนนั ้นผมกับเอ๋เรานั ้นสบายใจและรู้สึกดีกับบรรยากาศแบบนี ้มาก ในเวลาต่อมาเมื่อผมกับเอ๋สูบหรี่ เสร็จเวลานั ้นก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว พวกเราทั้งสองคนจึงะากันเดินกลับมาที่พัก เมื่อเรากลับถึงที่พัก แล้วพวกเราจึงไป อาบน ้าและสมทบกับเพื่อนๆกันที่โรงครัว เพื่อมากินข้าวกัน และวันนี ้รุ่นพี่ของพวกเราได้ลงมือท าอาหารเองด้วยแหละครับ และรุ่นพี่ของพวกเราบอกว่า วันนี ้รุ่นพี่แกจะท าอาหารที่แกถนัดที่สุด และอร่อยที่สุดในโลก นั่นคือ ผัดกะเพราหมูผมพูด เวอร์ไปใช่ไหมล่ะครับ แต่นั่นคือสิ่งที่รุ่นพี่ของพวกเราพูดติดตลกไปอย่างนั ้นแหละครับ แต่อาหารวันนั ้นมันก็อร่อยมากจริงๆ แหละครับ หรืออาจเป็นเพราะเราเหนื่อยครับ พอเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว พวกเราทั้งหมดทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน พอเช้าวันต่อมา
พวกเราทั้งหมดทุกคนจึงแยกย้ายกันไปท าหน้าที่ของแต่ละคนต้องรับผิดชอบ เหมือนเมื่อวาน วันนั ้นพวก ผู้ชายก็ไปท าสะพานเหมือนเมื่อวานนี ้และส่วนพวกผู้หญิงก็ไปทาสีห้องสมุดใหม่และตกแต่งอะไรเพิ่มเติม และตอนเย็น พวกสาวๆก็หาพวกเราและเล่นน ้าตกเหมือนเมื่อวานอีก และวันนี ้อีกเช่นเคยที่เป็นวันที่เรามีความสุขและไม่ต้องคิดอะไร มากเหมือนตอนที่อยู่กรุงเทพอีกวันหนึ่ง และวันนี ้ก็เป็นเหมือนเดิมอีกเช่นเคย คือเวลาที่พวกเราเล่นน ้ากันเสร็จและเมื่อ เวลาที่เราจะเดินกลับที่พักกัน ผมกับเอ๋ต้องขอตัวนั่งสูบบุหรี่กันที่น ้าตกกันก่อน วันนี ้เอ๋เลยได้พูดกับผมขึ ้นมาว่าว่า น่าอิจฉา คนที่อยู่ที่นี่เนอะ ที่มีชีวิตที่เรียบง่ายกับธรรมชาติที่สวยๆแบบนี ้ว่ะ ไม่ต้องมีชีวิตที่รีบร้อนเหมือนอย่างเราในเมืองกรุงเลย คิด ไปแล้วก็อยากมีบ้าน มีชีวิตที่นี่จังเลยว่ะ ส่วนผมก็ได้แค่พยักหน้าแล้วพูดตอบเอ๋ไปว่า เฮ๊ย ชีวิตคนเรามันก็ต้องดิ ้นรนว่ะ สู้สู้ ปะเรากลับที่พัก ไปอาบน ้ากินข้าวให้สบายใจกันดีกว่าจากนั ้นผมกับเอ๋จึงเดินกิดคอกันกลับที่พัก
เมื่อถึงที่พัก พวกเราทั้งคู่ จึงพากันไปอาบน ้าและมากินข้าวที่โรงอาหารกัน วันนี ้เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่มาท าอาหารให้พวกเราได้กินกัน วันนี ้ รุ่นพี่ผู้หญิงบอกกับพวกเราว่า วันนี ้พี่แกขอเสนออาหารที่มีชื่อว่า คั่วไก่บ้าน รุ่นพี่แกบอกกับพวกเราว่าอาหารเมนูนี ้เป็น อาหารที่พี่แกชอบกินและชอบท ามากที่สุด แต่เอาจริงๆนะครับ คือว่าผมขอเม้าพี่แกหน่อยนึ่งและกัน จากวันที่ผมรู้จักแกมา 4 ปีผมไม่เคยเห็นท าอาหารหรือกินข้าวราดแกงหรืออาหารแบบไทยๆเลยซักครั้ง ปรกติผมจะเห็นแต่พี่แกสั่งหรือกินอาหาร จ าพวก อาหารฝรั่งครับ ผมจะไม่เคยเห็นพี่แกกินอาหารแบบนี ้เลย เมื่อพวกเราได้กินอาหารกันอิ่มดีกันหมดทุกคนแล้ว ต่อมาพวกเราจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเหมือนเคย จนเวลานั ้นได้เลยผ่านไป จนถึงเช้าของวันที่ 4 วันนั ้นได้เป็นวัน สุดท้ายของการที่ต้องได้อยู่ที่นี่แล้ว พวกเราทั้งหมดจึงได้วางแผนที่จะลงมือเก็บงานที่ยังค้างอยู่อีกไม่กี่เปอร์เซ็นกัน ตอนนั ้น เมื่อเราวางแผนกันเสร็จ พวกเราจึงพากันไปที่สะพาน แล้วลงมือเก็บงานที่ยังท าไม่เสร็จกัน
เมื่อพวกเราได้ลงมือท างานกัน ไปเรื่อยๆจนสะพานนั ้นแล้วเสร็จเวลานัน้เมื่อผมดูนาฬิกาจากข้อมือแล้ว เวลานั ้นก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ เมื่อทุก คนได้รู้อย่างนั ้นแล้ว ทุกคนเลยเดินกลับโรงอาหารของโรงเรียน เพื่อไปกินอาหารเที่ยงกัน ในเวลานั ้นขณะที่ทุกคนก าลังกิน ข้าวกันอยู่นั ้น ผมจึงได้ร้องตะโกนบอกกับทุกคนว่า เอ๋และเพื่อนอีกคนหนึ่งนั ้นได้หายตัวไป เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั ้นแล้ว ทุกคนทั้งหมดจึงหยุดกินข้าวแล้วออกช่วยกันตามหาเอ๋และเพื่อนอีกคน จนทั่วทั้งบริเวณโรงเรียนและบริเวณสะพานจนมืด ค ่า ผู้ใหญ่บ้านจึงได้น าขันห้ามา เพื่อขอขมาต่อสิ่งศกัสิทธิ์ณ. ตรงที่ศาลพ่อปู่อยู่ที่ข้างน ้าตก เวลานั ้นเป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่มแล้ว
พวกเราเลยพากันเดินกลับมาที่พัก แต่ทันใดนั ้น เมื่อพวกเราได้เดินมาจวนจะถึงที่พักแล้ว พวกเราจึงเห็นร่างของ ผู้ชาย 2 คนนอนอยู่ตรงกลางทาง เมื่อพวกเราได้เดินเข้าไปใกล้ๆ พวกเราจึงรู้ว่าเป็นร่างของเอ๋และเพื่อนอีกคนที่หายตัวไป พวกเราจึงได้พาร่างของทั้งสองคนไปที่โรงเรียน เพื่อปฐมพยาบาลต่อไป ต่อมาเมื่อทั้งสองคนนั ้นฟื ้น ทั้งผู้ใหญ่บ้านและพวก เราจึงได้ถามทั้งเอ๋และเพื่อนอีกคนว่า ทั้งสองคนได้หายไปไหนกันมา เมื่อเอ๋และเพื่อนอีกคน เมื่อได้ยินอย่างนั ้น เอ๋และ เพื่อนอีกคนจึงเล่าให้พวกเราทั้งหมด ที่อยู่ตรงนั ้นฟังว่า เมื่อเวลาใกล้จะเที่ยง ทั้งคู่ได้ก าลังจะเดินไปรอเพื่อนๆที่โรงเรียน เมื่อทั้งคู่ได้เดินมาถึงกลางทาง ทั้งคู่จึงได้เจอกับชายแก่ชายแก่คนนั ้นจึงพูดว่า ให้ตามเขาไปหน่อย เขามีเรื่องจะให้ช่วย อยู่ๆพวกของเอ๋ทั้งสองคน จึงได้เดินตามชายแก่คนนั ้นไป เหมือนโดนสะกด ยังไงอย่างนั ้น และชายแก่คนนั ้นจึงถามพาตน ทั้งคู่ไปที่ไหนซักแห่ง
เอ๋ได้บอกกับทุกคนที่ฟังอยู่ว่า ที่นั่นสวยงามมาก ยังกับภาพในเทพนิยาย แล้วก่อนชายแก่คนนั ้นจะ เดินจากไป ชายแก่คนนั ้นจึงได้ถามทั้งสองคนว่า อยากอยู่ที่นี่กันไหม เอ๋กับเพื่อนอีกคนจึงได้ตอบชายแก่คนนั ้นไปว่า ไม่ อยากยิ ้ม ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ที่นี่จากนั ้นชายแก่คนนั ้นเลยได้หายไป และทั้งคู่ก็ได้รู้สึกตัวขึ ้นมานี่แหละ จากนั ้นหัวหน้า ชมรมเลยประกาศขี ้นมาว่า พรุ่งนี ้พวกเราจะพากันอยู่เก็บงานต่ออีกวันหนึ่ง แต่ตอนนั ้น ผู้ใหญ่บ้านเลยเดินมาหาพวกค่าย อาสา พร้อมกับพูดว่า ให้พวกเรากลับบ้าน ตามที่ก าหนดได้เดี๋ยวผู้ใหญ่จะพาลูกบ้าน ท าสะพานต่อให้เสร็จเอง หลังจากที่ ผู้ใหญ่บ้านพูดจบ พวกเราทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปนอน พอเช้าวันรุ่งขึ ้น พวกเราจึงเดินทางกลับกัน ตามที่ก าหนดการที่ตั้ง เอาไว้จากวันนั ้นมา เมื่อเอ๋ได้ไปก็แล้วแต่ เอ๋บอกว่า เอ๋จะไม่พูดว่าเอ๋อยากจะอยู่ที่นั่นอีกเลย
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar