หมอยาโดนวิญญาณตามเอาชีวิต
สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ก่อนอื่นเลยผมขอถามทุกคนก่อนนะครับว่า คุณเคยเชื่อเรื่องผีกันบ้างไหมครับ แต่ถ้าโดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมขอตอบว่า ผมนั้นเชื่อร้อยเปอร์เซ็นครับ เพราะผมนั้นเป็นคนทางภาคอีสาน ผมนั้นมักจะถูกสอนในเรื่องว่า ต้องให้ความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเด็ก เรื่องต่อไปนี้ เป็นจริงเรื่องของลุงซึ่งที่เป็นญาติห่างๆของผมเองนี่แหละครับ ลุงของผมเองนั้นแกมีชื่อว่าลุงโต เป็นนามสมมุตินะครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอย้อนเวลาไปเมื่อหลายปีก่อนนะครับ ลุงผมนั้น แกได้เป็นหมอยาสมุนไพรที่มีชื่อดังอยู่ในระดับหนึ่ง สำหรับคนที่ป่วยนั้น ไม่ว่าไกล้หรือไกลแค่ไหน ก็จะชอบมาให้แกรักษาอยู่เป็นประจำครับ ที่มีชื่อดังอยู่ในระดับหนึ่ง ของที่นี่เลยก็ว่าได้ สำหรับคนที่ป่วยนั้น ไม่ว่าไกล้หรือไกลแค่ไหน ก็จะชอบมาให้แกรักษาอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว โดยส่วนตัวแล้ว ลุงของผมนั้น แกก็ชอบเข้าป่าไปหาสมุนไพรและน้ำผึ้งป่าเองอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว โดยบางทีแกก็ไปตอนเช้าแล้วกลับมาตอนเย็นบ้าง หรือว่าบางทีแกก็หายไปหลายวันบ้าง และแล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นลุงโตแกก็ได้เข้าป่า เพื่อไปหาสมุนไพรตามปรกติของแกนั่นแหละครับ วันนั้นระหว่างที่แกได้หาสมุนไพรไปเรื่อยๆอยู่นั้น แกก็ได้เดินไปเจอรังผึ้ง ซึ่งเป็นรังที่มีขนาดใหญ่มากเลยแหละครับ วันนั้นเมื่อลุงโตแกนั้นได้เจอกับรังผึ้งขนาดใหญ่นี้ แกนั้นบอกกับผมว่า แกนั้นรู้สึกตื่นเต้นและรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่แกจะได้เอาน้ำผึ้งที่เจอนี้ ไปผสมทำยาต่อไป ในเช้าของวันต่อมา แกก็ได้จัดเตรียมสัมภาระและของต่างๆ เพื่อไปเอาน้ำผึ้งป่า ในตรงที่แกเจอรังผึ้งเมื่อวานนี้ วันนี้เมื่อแกเตรียมข้าวของและสัมภาระต่างๆใส่ลงในกระเป๋าเดินป่าของแกเสร็จ แล้วแกจึงได้ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของแก ได้เดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเข้าไปในป่า เพื่อที่จะเข้าไปเอาน้ำผึ้งที่รังผึ้งนั้น เมื่อเวลาต่อมา เมื่อแกได้ไปถึงที่หมาย แกจึงจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ ทั้งคบไฟ ไม้สำหรับที่จะตอกทอยขึ้นไปเอาน้ำผึ้งนั้น ขอเล่าไว้ก่อนนะครับว่า ทอยไม้ที่ลุงแกจะใช้ไปเอารังผึ้งนั้นก็คือ ไม้ที่จะใช้ตะปูตอกเป็นเหมือนบันไดขึ้นไปยังต้นไม้นี่แหละครับ เมื่อแกได้เตรียมสิ่งของที่จะขึ้นไปเอาน้ำผึ้งเสร็จ ลุงโตแกจึงใช้ค้อนตอกทอยไม้และขึ้นไปยังต้นไม้อย่างช้าๆ อย่างคนที่ชำนานแล้ว เมื่อลุงโตได้ขึ้นไปยังต้นไม้ที่อยู่ห่างจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร แล้วแกจึงคิดว่า ถ้าแกใช้ค้อนตอกตะปูใส่ไม้ ครั้งละ 2 อันเหมือนเดิม มันก็คงจะช้าไป แกเลยคิดที่จะตอกตะปูใส่ทอยไม้แค่ดอกเดียว พอที่ไม้ทอยนั้นจะรับน้ำหนักของแกได้ก็พอแล้ว เมื่อแกคิดได้อย่างนั้นแล้ว ดังนั้นแกเลยทำอย่างที่แกได้คิดเอาไว้ คือแกจะใช้ตะปูตอกทอยไม้แค่ดอกเดียว เมื่อแกได้ขึ้นต้นไม้โดยตอกทอยไม้แค่ตะปูแค่ดอกเดียวต่อขั้นของทอยไม้อยู่นั้น เมื่อลุงโตแกได้ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่อยู่ห่างจะพื้นดินประมาณ 25 เมตรเห็นจะได้ เพราะรังผึ้งรังนั้น เป็นรังผึ้งที่อยู่สูงมาก มันอยู่สูงถึงยอดไม้เลยแหละครับ ทันใดนั้นเมื่อแกได้ตอกทอยไม้ขั้นต่อไปจนเสร็จ ระหว่างที่แกกำลังจะก้าวขึ้นทอยไม้ ที่แกพึ่งตอกเสร็จอยู่นั้น และทอยไม้ที่แกใช้ตะปูตอกแค่ดอกเดียวหรือใช้ตะปูตอกแค่ข้างเดียวที่แกกำลังใช้ยืนอยู่นั้น มันเกิดพลิก ทำให้ตัวของแกนั้นได้ลอยละลิ่วตกลงมาจากต้นไม้ต้นนั้น ลงมาที่พื้น เมื่อแกได้ตกลงมา ในตอนนั้นแกจึงยังมีสติดีที่จะรับรู้อะไรทุกอย่าง แล้วแกจึงได้โทรศัพท์หาคนที่เป็นเมียของแก่ แล้วแก่จึงได้พูดกับคนที่เป็นเมียของแกว่า ช่วยแกด้วย แกนั้นตกต้นไม้ พอเมียของแกทราบข่าว ว่าแกตกต้นไม้ เมียของแกจึงได้ระดมญาติ เพื่อนๆของลุงโตแกที่เคยเข้าป่าด้วยกัน ให้ไปค้นหาลุงโตและพาแกกลับมา ในตอนนั้นจากที่ลุงโตแกได้โทรมาหาเมียของแก ก็เป็นเวลาช่วงหัวค่ำแล้ว ญาติๆและทุกคนที่มานั้น จึงพากันเข้าไปในป่าและช่วยกันออกตามหาแก ในระหว่างนั้น คนที่เป็นเมียของลุงแกและญาติๆที่เป็นผู้หญิงและพวกเด็กๆที่ไม่ได้เข้าป่า เพื่อไปตามหาลุงแกด้วยนั้น ก็ต่างร้อนใจเป็นอย่างมาก และบวกกับช่วงเวลานั้นก็เป็นเวลาที่เริ่มมืดลงไปทุกทีแล้ว และในช่วงเวลานั้น ลุงแกได้บอกกับผมว่า ลุงแกคงไม่รอดแน่ๆล่ะครับคราวนี้ แต่เดชะบุญ ได้มีเพื่อนของแกคนหนึ่งนั้น ที่เป็นคนได้เข้าป่ากับลุงแกอยู่บ่อยๆ ได้เดินมาจากที่ไหนไม่รู้ มาบอกเมียของแกว่า เขารู้ว่าลุงแกตกต้นไม้อยู่ที่จุดและบริเวณไหนของป่าครับ ดังนั้นญาติๆและผู้คนที่ได้กลับออกมาจากป่าแล้วนั้น จึงได้ตามเพื่อนของลุงแกคนนั้นได้กลับเข้าไปในป่าใหม่ เพื่อที่จะเข้าไปตามหาลุงแกอีกรอบครับ ตอนนั้นคนที่จะเข้าไปในป่าครั้งที่สองทุกคน ได้โทรตามรถของพยาบาลและรถของกู้ภัยให้ไปด้วยกัน แต่เมื่อรถของพยาบาลและรถของกู้ภัยทั้งสองคันได้ตามทุกคนที่จะเข้าป่าในครั้งนี้ ไปได้แค่ทางเข้าป่าเท่านั้นแหละครับ รถพยาบาลและรถของกู้ภัยก็ไปต่อกันไม่ได้ รถทั้งสองคันจึงได้แต่จอดรอผู้คนทั้งหมดไว้ที่ทางเข้าป่านั้น เพราะเส้นทางที่จะเข้าไปในป่านั้นมันทุรกันดารเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นจึงมีแค่รถมอเตอรฺไซค์เท่านั้นที่เข้าไปได้ ดังนั้นทุกคนและหมอจึงได้ซ้อนมอเตอร์กันเข้าไปกันอย่างลำบากครับ ทุกคนได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามหลังเพื่อนของลุงคนนั้นไปอีกราวๆ 5 กิไลกว่าๆเห็นจะได้ จนได้พบกับร่างของลูงโต ซึ่งได้นอนหมดสติอยู่ และเวลาตอนนั้นประมาณ สองทุ่มกว่าๆแล้วเห็นจะได้ ทุกคนจึงได้นำร่างของลุงแกขึ้นแปลสนามที่ทุกคนได้ติดตัวมา แล้วทุกคนจึงช่วยกันหามแปลสนามที่มีร่างของลุงโตแกอยู่ออกมาจากป่ากันอย่างยากลำบาก ระหว่างที่ทุกคนได้สับเปลี่ยนกันหามแปลสนามกันออกจากป่าอยู่นั้นะครับ อยู่ๆจึงได้มีลมที่พัดแรงมาก และลมนั้น ทุกคนในที่นั้นต่างก็บอกกันว่า ลมนี้เป็นลมที่น่าประหลาดมาก มันเป็นลมที่ทำให้รู้สึกเย็นระเยือก ลมนี้มันเป็นลมที่ทำให้รู้สึกหนาวเย็นถึงไขสันหลังเลยแหละครับ แต่ทุกคนก็ยังหามแปลสนามที่มีร่างของลุงโตแกอยู่ ในเวลาตอนนั้นมันเป็นเวลาถึงประมาณ สี่ทุ่มแล้ว เมื่อทุกคนได้ช่วยกันหามร่างของลุงโตมาถึงรถของพยาบาลจนสำเร็จ เวลาตอนนั้นก็น่าจะถึงประมาณห้าทุ่มกว่าๆ จึงได้มีลมแรงอีกครั้งที่พัดมา และแรงลมในครั้งนี้ทุกคนรู้สึกว่า แรงลมมันแรงมากขนาดที่จะเป็นพายุก็ว่าได้ เมื่อรถพยาบาลรถนั้นได้ออมาจากป่าได้ รถพยาบาลรถนั้นอีกซักพัก มันก็ถูกส่งตรงเข้าไปในเมืองเลยครับ เพราะว่าโรงพยาบาลอำเภอเขาได้บอกว่า อาการของลุงโตนั้นหนักมาก โรงพยาบาลอำเภอนั้นไม่มีเครื่องมือและหมอพอที่จะรักษา พอตอนที่รถโรงพยาบาลนั้นได้ส่งตรงและได้เดินทางเข้าไปสู่โรงพยาบาลในตัวเมืองอยู่นั้น คนขับรถของโรงพยาบาลคันที่ไปส่งลุงโตนั้นได้เล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขาได้ขับรถไปส่งผู้ป่วยคือลุงโตอยู่นั้น เขาได้เห็นว่ามีผู้ชาย ที่ตัวดำๆผมนั้นยาวๆหงิกๆงอๆ ได้ออกมายืนโบรกรถอยู่ข้างทาง ตลอดเส้นทางที่จะไปโรงพยาบาลในวันนั้นเลยแหละครับ เมื่อเขาได้ไปส่งลุงโตที่โรงพยาบาลในเมืองเสร็จ เขายังเล่าต่ออีกว่า ในคืนนั้นขณะที่เขาได้นอนหลับอยู่ที่บ้านของเขานั่นแหละครับ เขาบอกว่าเขาได้ฝันเห็นผู้ชายที่มายืนโบรกรถตอนที่เขาได้ไปส่งลุงโตที่โรงพยาบาลนั้น ซึ่งเขาได้เล่าว่า ชายตัวดำๆคนนั้นได้มายืนจ้องหน้าเขา และใบหน้าของผู้ชายร่างดำคนนั้น เขามีใบหน้าที่ดูเครียดแค้นและดวงตาที่เป็นสีแดงที่ดูน่ากลัวมากเลยแหละครับ เมื่อลุงโตนั้นได้รักษาและนอนอยู่โรงพยาบาลนั้นได้เกือบ 3 อาทิตย์ ลุงแกถึงได้มีสคิและฟื้นขึ้นมา ในตอนนั้นระหว่างที่ลุงแกหมดสติไปอยู่นั้น ทางด้านเมียของแกและญาติต่างๆที่บ้านนั้น ก็ได้ไปหาหมอธรรมประจำหมู่บ้าน และได้เอาดวงของลุงแกไปให้หมอธรรมคนนี้ดูด้วย ทางด้านหมอธรรมก็ได้บอกทางด้านเมียของแกและญาติต่างๆครับว่า ลุงโตแกนั้น ถูกวิญญาณในป่าที่แกได้ไปหาสมุนไพรต้องการเอาแกนั้นไปอยู่ด้วย และต้องการเอาแกนั้นเป็นสามีอีก และดวงวิญญาณที่ว่านั้น เขาได้เป็ดวงวิญของหญิงแม่หม้าย ที่เมื่อก่อนได้เสียชีวิตในป่านั่นแหละครับ และวันนั้นเองครับ เมื่อแกได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว แกจึงว่าจ้างให้เพื่อนของแกคนนั้น ไปตัดต้นไม้ ต้นที่แกตกลงมา และวัดว่าในระหว่างช่วงทอยไม้สุดท้าย ที่แกได้ตกลงมานั้น ห่างจากพื้นดินประมาณกี่เมตร ผมถึงได้รู้ไงครับ ว่าลุงแกตกจากต้นไม้ อยู่ที่ความสูงเท่าไหร่ เอ้อผมลืมเล่าไปครับว่า เมื่อลุงแกได้ตกจากต้นไม้ลงมาแล้ว ลุงแกเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อลุงแกได้ตกจากต้นไม้ลงมาแล้ว เมื่อลงแกได้ถึงโรงพยาบาล และถึงมือหมอแล้ว หมอเขาได้วินิจฉัยว่าแกนั้น ม้ามแตก แขนหักและขาหักคนละข้าง ตอนที่ลุงแกนั้นได้นอนและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทางบ้านของแกและหมอธรรมคนนั้น ก็ได้เข้าไปเรียกขวัญของลุงแกในข้างในป่า ที่ลุงของผมนั้นได้ตกจากต้นไม้นั่นแหละครับ ตอนนั้นพวกทางบ้านของลุงโตนั้น ได้พยายามเข้าไปเรียกขวัญของแกถึง 4 วันด้วยกันครับ ในวันที่ 2 วันนั้น ทางหมอธรรมจึงได้พูดกับลูกชายของลุงแกว่า ถ้าเราเรียกขวัญของลุงแกไม่ได้ ถึงต่อให้ลุงแกนั้น รักษาตัวจนได้ออกมาจากโรงพยาบาล แต่ถึงยังไง ผีแม่หม้ายตนนั้น ก็จะมาพยายามเอาชีวิตและเอาลุงแก ไปอยู่ด้วยให้ได้ ในวันที่ 2 วันนั้น ทางแอดมินก็ได้มีโอกาส ตามลูชายของลุงแกนั้น เข้าป่าไปเรียกขวัญของแกด้วยแหละครับ ในตอนนั้นระหว่างที่หมอธรรมนั้นได้กำลังทำพิธีเรียกขวัญของลุงโตแกอยู่นั้นน่ะครับ จากที่ท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วย ปุยเมฆสีขาวลอยอยู่ และแสงแดดนั้นเจิดจ้าเผาผลาญทุกอย่างไปทั่วนั้น อยู่ๆระหว่างท่ามกลางสายตาของคน 5 คนที่กำลังจ้องมองหมอธรรมคนนั้นอยู่นั้นครับ จู่ๆหมอธรรมคนนั้นก็ลุกขึ้นและบ่นพรึมพรัมอะไรก็ไม่รู้คนเดียวแล้วเป่าไปทางต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ แล้วชี้มือไปตรงต้นไม้ใหญ่นั้น จู่ๆจากท้องฟ้าที่เคยสว่างครับ มันก็กลายเป็นท้องฟ้าที่มืดดำ ตอนนั้นน่ากลัวมากเลยแหละครับ ใครไม่อยู่ตรงนั้นก็คงไม่รู้หรอก จากนั้นหมอธรมจึงสั่งให้ทุกคนนั้นนั่งลงและอยู่กับที่ แล้วหมอธรรมคนนั้นจึงนั่งลงบ่นอะไรก็ไม่รู้คนเดียวอีกรอบ ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพัก หมอธรรมคนนั้นเลยอยุดทำปากขะมุบขะมิบ และจากนั้นท้องฟ้าจากที่เคยมืดและเต็มไปด้วยก้อนเมฆสีดำทะมึน ก็ได้คลายตัวและเริ่มสว่างขึ้นอีกรอบ และหมอธรรมคนนั้นเลยลุกขึ้น และได้บอกกับผู้คนที่มาด้วยกันทั้งหมดว่า ไปเรากลับบ้านกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่อีกครั้ง และพรุ่งนี้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านได้ให้สัจจะว่า เขาจะปล่อยขวัญของลุงโตมาให้เรา และตอนนั้นเวลาประมาณห้าโมงเช้าครับ จากนั้นทุกคนที่มานั้น เลยพากันกันเดินทางออกจากป่าแห่งนั้น และเวลาก็เลยได้เล่วงเลยผ่านไป จนถึงเช้าของวันใหม่ จนถึงเวลาสายของวันนั้นแหละครับ หมอธรรมคนนั้นจึงได้มาหาลูกชายของลุงโตที่บ้านของแก และชวนลูกชายของลุงแกให้ไปเรียกขวัญของลุงแกอีกครั้ง วันนั้นก็ผเอิญกับที่แอดมินได้อยู่ที่บ้านของลุงโตด้วย ดังนั้นวันนั้นลูกชายของลุงแก เลยได้ชวนแอดมินให้ไปเรียกขวัญของลุงโตแก ด้วยอีกวันหนึ่งครับ ตอนที่พวกเรานั้นได้เข้าป่าไปเรียกขวัญของลุงโตแกวันนี้ หมอธรรมคนนั้นก็ได้ตั้งข้าวของพิธีเรียกขวัญเหมือนอย่างทุกครั้งที่มาเรียกขวัญลุงแก เมื่อหมอธรรมคนนั้นได้ทำพิธีเรียกขวัญของลุงแก อยู่ๆก็มีฝูงผีเสื้อนั้น ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ที่เป็นฝูงใหญ่มากเลยแหละครับ ที่บินมาจากไหนไม่รู้ ได้บินมาตอมพวกเรา และซักพักผีเสื้อฝูงนั้นก็ได้บินจากไป พอฝูงผีเสื้อนั้นได้บินผ่านพ้นไป หมอธรรมคนนั้น ก็ได้ยืนขึ้นและพูดกับทุกคนในที่นั้นว่า ไปเรากลับบ้านกันได้แล้ว เราได้ขวัญของลุงโตมาแล้ว จากนั้นพอทุกคนออกจากป่าได้สำเร็จ หมอธรรมคนนั้นจึงมอบตะข้องที่เขาเอาไว้ใส่ปลาให้ลูกชายของลุงแก และบอกว่า เอาไปให้ลุงโตแกและบอกย้ำอีกว่า ให้ลุงโตแกเท่านั้นเป็นคนเปิดฝาตะข้องเอานี้ และจากนั้นต่อมาครับ พอเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอีกครั้งได้เกือบ 1 เดือน ลุงโตแกเลยได้ดีและได้ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน และแกก็เลยได้บวชและแกก็ได้พึ่งสึกออกมาได้ประมาณ 1 เดือนนี่แหละครับ
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar