ห้องเช่าที่เขาไม่ให้เช่า
เรื่องต่อไปนี้ ขอย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตามและผมนั้นเป็นคนในแถวๆทางภาคเหนือ ในจังหวัดแห่งหนึ่ง สมัยนั้นเป็นสมัยที่ยังไม่ค่อยอินเตอร์เน็ต ถ้าว่าจะเล่นเน็ตทีนึงนั้น ต้องไปเล่นที่ร้านเน็ตหรือในบ้านที่ได้ต่อสายเน็ตเข้า หรือที่เขาเรียกกันว่า เน็ตบ้านเท่านั้น ที่จะไม่เหมือนสมัยนี้ ที่เราสามารถเล่นเน็ตตรงไหนก็ได้ ขอแค่มีมือถือเครื่องเดียว ตอนนั้นผมกับตามนั้น ได้เป็นนักศึกษาจบใหม่กัน วันหนึ่งผมเลยได้ไปปรึกษาตามว่า เมื่อเราได้เรียนจบ ปวส.กันแล้ว เรานั้นจะเอายังไงกันต่อกับชีวิต ตามเลยพูดกับผมขึ้นมาว่า เราก็เอาความรู้ที่เรียนมาไปทำงานสิ แล้วเราจะไปทำที่ไหนกันดีล่ะ เสียงของผมตอบตามกลับ งั้นเราไปหางานทำกันในเมือง กันดีไหม หรือถ้าเราสองคนไม่ไหวกันแล้วจริงๆ เราค่อยไปหางานในกรุงเทพกัน เสียงตามพูดขึ้น ทางผมเลยพูดต่อว่า ไอ้เรื่องใช้แรงหรือว่างานหนักเนี่ย ข้าไม่กลัวหรอก ข้ากลัวแต่เรื่องเงินเดือนน้อยนะสิ ที่เขาจะให้เรา ตามก็เลยพูดเสริมขึ้นมาว่า ข้าก็พูดไปแล้วไงว่า ถ้าเราสองคนไม่ไหวกันแล้วจริงๆ เราค่อยเข้าไปหางานในกรุงเทพทำกัน เราก็เลยได้แต่พยักหน้ารับ แล้วเราเลยยกแก้วเหล้าที่อยู่ตรงหน้า ขึ้นมาซดต่อและพลางหยิบกับแก้มเข้าปาก แล้วผมก็เลยนัดกับตามไว้ว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เราจะเข้าไปหางานทำในตัวเมืองกัน พอวันจันทร์นั้นมาถึง ทั้งสองคน ทั้งผมและตามเลยมารอรถประจำทาง ที่จากเดินทางเข้าไปในตัวเมืองกันที่ ศาลารอรถของหมู่บ้านที่หน้าโรงเรียนกัน วันนั้นทั้งผมและตามตื่นเต้นมาก ที่จะได้ไปหาสมัคงานเป็นครั้งแรกของชีวิต เมื่อเวลาต่อมา ผมและก็ตามได้เดินทางมาถึงในตัวเมืองกัน ผมและตามนั้นได้เดินหางานกันไปทั่ว จนถึงเวลาเที่ยงและเวลาบ่าย วันนั้นผมกับตามได้เดินหางานกันจนทั่วแต่ไม่มีที่ไหนรับพวกเราเข้าทำงานเลย จนเวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเช้าของวันใหม่ ผมกับตามจึงได้ปรึกษากันว่า จะเข้าไปหางานในตัวเมือง วันนี้อีกวันหนึ่ง และถ้าไม่ได้งานก็จะพากันเข้าไปหางานทำในกรุงเทพกัน ในวันนั้นพอเราเข้าไปถึงในตัวเมือง เราทั้งสองคนก็ได้เดินไปหาสมัคงานกันตามที่ต่างๆเหมือนเช่นเคย จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงอีกเช่นเคย แต่เราทั้งสองคนก็ยังไม่ได้งานทำกันอยู่ดี จนเราทั้งสองคนได้ตกลงกันไว้ว่า จะลองเดินเข้าไปหาจนในซอยที่พวกเราทั้งสองคนยืนอยู่ เป็นซอยสุดท้าย ถ้าพวกเรายังไม่ได้งานทำกัน พวกเราก็จะเลิกเดินหา และจะเดินทางเข้ากรุงเทพกัน พอเราทั้งสองคนได้เดินเข้าไปในซอยนั้นกัน เมื่อพวกเราได้เดินเข้ามาเรื่อย พวกเราทั้งคนก็ได้เหลียวเห็นป้ายกระดาษ ที่อยู่หน้าโรงกลึงแห่งหนึ่งว่า รับสมัคงานผู้ชาย 2 คนด่วน ตอนนั้นพวกเราทั้งสองคนนั้นดีใจมากและรีบเดินเข้าไปในโรงกลึงแห่งนั้นทันที หลังจากที่เราได้เดินเข้าไปในโรงกลึงแห่งนั้นและยื่นใบสมัคงาน และพูดคุยกันเรื่องรายละเอียดงานบ้างเล็กน้อย แล้วเขาก็รับเราในทันทีและยังบอกอีกว่า ให้พวกเรามาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ได้เลย จากนั้นพวกเราทั้งสองคนจึงตกลงกันไว้ว่า พวกเราต้องไปหาพักกันก่อน เผื่อว่าเรามาทำงานกันจนค่ำ แล้วเราจะพักที่นี่ได้เลย เมื่อเราตกลงกันได้อย่างนั้น พวกเราทั้งสอง จึงไปหาห้องเช่าแถวๆนั้นเอาไว้พักกัน เมื่อเราได้เดินกันหาอยู่แถวๆใกล้ๆกับโรงกลึง ที่เดินไปกลับได้สะดวก อยู่ๆเราก็เจอห้องเช่าอยู่ที่หนึ่งซึ่งราคาถูกมา เมื่อเราได้เข้าไปดูและสอบถามเรื่องรายละเอียด เจ้าของห้องเช่าก็บอกว่าค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท ผมและตามเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เลยตกลงเช่าห้องนั้นไว้กัน พอพวกเราวางเงินอะไรหมดทุกอย่าง พวกเราเลยเดินออกมาและบอกเจ้าของห้องเช่านั้นไว้ว่า เดี๋ยววันพรุ่งนี้พวกเราจะย้ายข้าวของเข้ามา พอพวกเราได้เดนมาถึงหน้าหอพัก พวกเราทั้งสองคน ก็ได้ยินเสียงของเจ้าของหอพักและผู้ชายคนหนึ่งทะเลาะกันว่า นี่เธอให้พวกเขาทั้งสองคน เช่าห้องนั้นหรอ เธอก็รู้นี่นา ว่าพี่รักและหวงห้องนั้นมาก เอาน่าพี่ ใจเย็นๆเรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานแล้ว เมื่อเราทั้งสองได้ยินอย่างนั้น พวกเราทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ พอถึงเช้าวันต่อมา ผมกับตามก็ได้ไปที่โรงกลึงแห่งนั้นและพวกเราก็ได้ทำงานกันอย่างปรกติจนถึงช่วงเวลาค่ำ พวกเราทั้งสองคนก็ได้ขนของที่ติดตัวมาจากบ้าน เข้าไปที่ห้องเช่าแห่งนั้น และพวกเราก็พากันอาบน้ำกินข้าวกัน และวันนั้นก็เป็นเหมือนวันรับน้องใหม่ของคนที่มาอยู่ก่อนกับพวกเราทั้งสองคน พอพวกเรากินข้าวกันอิ่มดีแล้ว พวกเราจึงแยกย้ายกันไปนอนเพราะความเหนื่อย เมื่อพวกเราแยกย้ายกันไปนอน แรกๆก็มีเสียงน้ำไหลดังมากมาจากห้องน้ำ ต่อมาก็เป็นเสียงชักโครก แล้วก็มีมือลึกลับมาดึงผ้าห่มบ้าง จากนั้นเมื่อพวกเราทันไม่ไหวกัน พวกเราจึงลุกเปิดไฟ แต่เมื่อเปิดไฟแล้วพวกเราก็ไม่พบอะไรเลย พวกเราจึงปิดไฟนอนกันต่อ แต่ทุกอย่างก็วนกลับมาอีกครั้ง พวกเราจึงลุกเปิดไฟเป็นครั้งที่สอง ฉับพลันคราวนี้ พวกเราได้เห็นว่ามีเงาสีดำๆ วิ่งเข้าแอบในตู้เสื้อผ้าเก่า พอพวกเราได้เห็นอย่างนั้นพวกเราทั้งสองคนจึงพากันออกมาจากห้องพัก โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรเลย เมื่อพวกเราออกมาถึงหน้าตึกแล้ว พวกเราเลยหันหลังกลับไปมองที่ห้องพักของพวกเรา และแล้วพวกเราทั้งสองคนก็เห็นว่ามี เด็กผู้ชายออกมายืนมองพวกเราที่ตรงนอกระเบียง พอตอนเช้าพวกเราทั้งสองคนเลยไปเก็บข้าวของพวกเราออกมาจกห้องพัก และไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าของห้องพักฟัง เจ้าของห้องพักยอมรับผิดและเล่าเรื่องทั้งหมดทั้งน้ำตาให้พวกเราฟังว่า เมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าของห้องพักกับแฟนของเขาได้มีลูกชายอยู่คนหนึ่ง อายุราวๆซัก 5 ขวบเห็นจะได้ เด็กคนนั้นได้เข้าไปเล่นที่ห้องพักของผมและตามพักในวันนั้น และได้เข้าไปแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้า และเป็นไปยังไงไม่รู้เด็กผู้ชายคนนั้นเลยหมดสติ แล้วอากาศหายใจตาย เมื่อพวกเราได้ฟังอย่างนั้นแล้ว พวกเราแสดงความเสียใจด้วย แล้วพวกเราจึงเดินออกมา โดยไม่เอาเรื่องอะไรกับเจ้าของห้องพักเลย
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar