เจ้าป่าเจ้าเขา
สวัสดีครับ เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องของเพื่อนของผมเองครับ ผมขอย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนผมนั้นมีชื่อว่าโชค โชคนั้นเป็นลูกชายของหมอยาสมุนไพร คนหนึ่งในหมู่บ้าน และโชคนั้นได้เป็นคนที่อยู่ทางภาคอีสาน ในจังหวัดจังหวัดแห่งหนึ่ง ตอนนั้นโชคได้มีอายุ 15 ปี หมู่บ้านของโชคนั้น ยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขา และธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์อยู่ และในช่วงของหน้าหนาวของทุกๆปีนั้น ก็จะมีเทศกาลของคนในหมู่บ้านนั้น คือการหาแมลงทับ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะไปหาแมลงทับกัน จะหามาเพื่อทำอาหารบ้าง และหามาเพื่อประกวดบ้าง ส่วนโชคเอง ในช่วงนั้นก็จะมีอาชีพเสริม คือการไปหาแมลงทับมาขายให้คนในหมู่บ้านเอง ในช่วงนั้นก็เป็นเหมือนทุกๆปี ก็จะมีการประกวดความสวยงามของแมลงทับกัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นโอกาศดี ของโชคที่จะเข้าป่า เพื่อไปหาแมลงทับมาขาย เพื่อหวังฟันกำไรงามในครั้งนี้ พอถึงเช้าของวันต่อมา โชคนั้นได้ตามพ่อของเขา เข้าไปตั้งแต่เช้า เพื่อหวังที่จะไปหาแมลงทับ ที่ชอบเกาะอยู่ตามใบไม่อ่อนๆ วันนั้นโชคได้เดินไปกับพ่อ ซึ่งได้ตรงไปทางขึ้นเขากัน เมื่อโชคกับพ่อได้เดินไปเรื่อยๆ ผ่านพุมสุมต้นไม้และต้นไม้ต่างๆนาๆสายพันธุ์ จนสุดท้ายโชคกับพ่อก็ได้เดินมาถึงกระท่อมกลางป่า ซึ่งเป็นกระท่อมที่พรานที่เขาขึ้นมาหาล่าสัตว์บนภูเขานี้ได้ปลูกเอาไว้ และช่วงนั้น ซึ่งบวกกับเวลาที่เดินขึ้นมา เวลานั้นก็เป็นเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆแล้ว โชคกับพ่อก็เลยลงมือกินข้าวที่ตนได้ห่อมาจากบ้าน เมื่อทั้งคู่กินข้าวและกินน้ำกันอิ่นดีแล้ว ตอนนั้นน้ำในขวดที่พกมานั้นเกิดหมดลงพอดี พ่อของโชคเลยพูดกับโชคว่า โชคลูกรออยู่ตรงที่กระท่อมนี้นะ เดี๋ยวพ่อจะไปตักน้ำที่ลำธารก่อน เดี๋ยวพ่อกลับมา ในตอนนั้นโชคได้สังเกตว่า พ่อนั้นได้มีอาการเหนื่อยหอบบ้างเล็กน้อย เนื่องจากผลของการเดินขึ้นมาบนภูเขา ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก โชคนั้นก็เลยได้ตอบพ่อไปว่า ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปตักเองก็ได้ เพราะลำธารอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง พ่อของโชคก็เลยพูดกับโชคขึ้นมาว่า งั้นอย่าไปไกลนะลูก เดี๋ยวหลงป่าขึ้นมาจะแย่เอา ครับพ่อ เสียงของโชคนั้นได้ตอบพ่อไป ต่อมาเมื่อโชคได้เดินมาถึงลำธาร โชคก็ได้เอาขวดที่พกติดตัวอกมาตักน้ำจนเต็ม ในขณะนั้นเอง โชคนั้นได้เหลียวเห็นกระต่ายป่าอยู่ตัวหนึ่ง ที่มีขนสีขาวปุกปุย ที่ดูแล้วน่ารักมาก โชคนั้นก็เลยได้ถือขวดน้ำและวิ่งตามกระต่ายป่าตัวนั้นไป เมื่อโชคนั้นได้วิ่งตามกระต่ายป่าตัวนั้นไปเรื่อยๆ แต่เมื่อโชคนั้นจะวิ่งตามยังไงก็วิ่งตามไม่ทัน เมื่อโชคนั้นได้หยุดวิ่งและเงยหน้าขึ้นมามองเบื้องหน้า ตอนนั้นโชคได้บอกกับผมว่า โชคไม่รู้เลยว่าโชคได้วิ่งจากลำธารมาไกลแค่ไหนแล้ว โชคได้บอกกับแอดมินว่า ตอนนั้นโชคไม่รู้เลยว่า ที่ตรงนั้นมันที่ไหนแล้ว และที่ตรงนั้นเขาเรียกว่าอะไร โชคเลยได้แต่หันหลังและเดินต่อไปเรื่อยๆ และหวังว่าการเดินไปข้างเรื่อยๆนั้น มันจะไปถึงที่ลำธารที่โชคนั้นวิ่งจากมา แต่เมื่อโชคเดินต่อไปเรื่อยๆนั้น เส้นทางที่โชคเดินนั้น มันกลับยิ่งดูเหมือนไกลและยิ่งแปลกตาไปทุกที เมื่อโชคได้เดินต่อไปเรื่อยๆนั้น จนดวงตะวันที่ดูสูงและแสงแดดนั้นได้เผาผลาญใบไม้ไปทั่วนั้น ได้คลอยต่ำลงทุกที จนเวลานั้นได้เริ่มมืดลง แสงแดดที่ส่องสว่างไปทั่วในตอนกลางวันนั้น ได้เริ่มจางหายไป เสียงของแมลงกลางคืนได้ร้องดังขึ้น แต่ในตอนนั้นโชคก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ และเรื่มเร่งฝีเท้าเร็วมากขึ้น ตอนนั้นโชคได้หวังขอแค่เจอใครซักคนที่พาโชคออกจากป่านี้ได้ก็พอ ในช่วงเวลานั้นโชคได้ยินเสียงของหญิงแก่คนหนึ่ง ซึ่งแว่วมากับลมว่า ไอ้หนูมานี่สิ ยายอยู่ตรงกระท่อมนี่ ในตอนนั้นโชคบอกกับแอดมินว่า โชคนั้นดีใจมากที่ได้ยินเสียงๆนั้น เมื่อโชคได้เดินไปที่กระท่อมของเจ้าของเสียงนั้น โชคก็ได้เจอกับยายแก่คนหนึ่ง ที่ผมบนหัวของยายแก่นั้น ได้ขาวโพนไปหมดทั่วทั้งหัวแล้ว เมื่อโชคกับยายแก่คนนั้นได้ประจันหน้ากัน ยายแก่คนนั้นจึงได้เริ่มถามโชคขึ้นมาว่า นี่ๆ หนูมาทำอะไรบนภูเขานี่หรอ โชคเลยได้ตอบยายแก่คนนั้นว่า ผมมาหาแมลงทับครับ แล้วหนูมากับใคร และมาทำอะไรไกลขนาดนี้ล่ะ เสียงยายแก่ได้ถามโชคขึ้นอีกครั้ง อ่อผมมากับพ่อแล้วได้พัดหลงกันครับ เสียงของโชคตอบยายแก่คนนั้นไป เดี๋ยวหนูนั่งพักที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวก็มีคนมาตามหาหนูเองแหละ เสียงยายแก่คนนั้นได้พูดกับโชคขึ้น แล้วยายแก่คนนั้นจึงได้เอาผลไม้มาให้โชคกิน ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนั้นโชคไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว พอโชคได้นั่งกินผลไม้ที่ยายแก่คนนั้นได้เอามาให้จนอิ่มดีแล้ว อยู่ๆโชคนั้นก็ได้เห็นแสงไฟของคนหลายคน ที่มานำหาตัวของโชคเอง โชคเลยร้องตะโกนออกไปแล้วคิดจะหันมาขอบคุณยายแก่คนนั้นแต่ยายแก่คนนั้นกลับไม่อยู่แล้ว เมื่อโชคได้กลับถึงบ้าน โชคจึงเล่าเรื่องที่โชคได้เจอมาให้พ่อฟัง พ่อจึงเล่าให้โชคฟังว่า ยายแก่ที่โชคเจอบนเขา นั่นคือเจ้าป่าเจ้าเขา ที่เขาเรียกกัน
ขอขอบคุณรูปถาพจาก : Pixar