ผีตานี
เรื่องต่อไปนี้ ขอย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ณ จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ดิวเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีอายุ 14 ปี ซึ่งกำลังเรียนอยู่ ม.2 ในโรงเรียนของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ดิวถือว่าเป็นเด็กที่มีผลการเรียนในระดับปานกลาง ในตอนค่ำวันหนึ่ง ขณะที่ดิวและครอบครัวกินข้าวกันอิ่มดีแล้ว ตอนนั้นดิวและน้องชายของดิวเอง ได้เดินมานั่งข้างๆกับน้าชายกับเขา ที่ซึ่งกำลังม้วนบุหรี่ยาเส้นด้วยกระดาษหนังสือเก่าอยู่ในทางขึ้นบ้าน ตอนนั้นน้าชายของดิวนั้น ได้เห็นว่าหลานชายทั้งสองได้เดินมาทางที่เขาอยู่ น้าชายจึงรีบม้วนบุหรี่แล้วเอามาเหน็บไว้ที่หู แล้วน้าชายจึงลงมือหยอกเล่นกับหลานๆ
พอน้าชายเล่นกับหลานๆของเขาไปได้ซักพักหนึ่ง น้าชายจึงหันมาถามดิวและน้องชายของดิวว่า ดิวและน้องอยากฟังเรื่องอะไรไหมเดี๋ยวน้าจะเล่าให้ฟัง ดิวและน้องชายของเขาจึงหันมาตอบน้าชายของเขาอย่างพร้อมๆกันว่า อยากฟังเรื่องผีกัน แล้วน้าชายจึงหันมาถามดิวและน้องชายแบบเล่นว่า ถ้าฟังเรื่องผีแล้วจะไม่กลัวกันหรอ ผมไม่กลัวครับ เสียงน้องชายของดิวดังขึ้นมา
แล้วน้าชายจึงหันมาถามดิวอีกครั้งว่า แล้วดิวละไม่กลัวหรอ ส่วนดิวก็ได้แต่ยิ้มออกมา แล้วน้าชายเขาจึงเล่าว่า ขอย้อนไปเมื่อปีก่อน สมัยที่น้าชายเขายังทำงานเฝ้าสวนมะม่วงให้เจ้าของสวนทางภาคกลางอยู่อยู่นั้น น้าชายเขาจึงได้มีเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่าน้าเต๋า ซึ่งน้าเต๋าคนนี้ได้ทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง ข้างๆสวนมะม่วงนี่แหละ
และพอถึงเวลาตอนเย็นน้าเต๋าก็จะชอบมานอนพักกับน้าชายของดิวอยู่ตลอด พออยู่ต่อมาวันมาวันหนึ่ง หลังจากที่ทั้งสองน้ากินข้าวกันอิ่มและกำลังนอนดูโทรทัศน์กันอยู่นั้น อยู่ก็มีเสียงดัง ตุบ มาจากดงป่ากล้วย ข้างหลังกระท่อม ท่ามกลางดงสวนมะม่วงนั้น น้าชายของดิวเลยชวนน้าเต๋าและถือไฟฉายไปดูด้วยกันคนละกระบอก เมื่อทั้งสองน้าลงจากกระท่อมแล้วเดินถือไฟฉายไปส่องดูรอบๆป่ากล้วย ทั้งสองน้าจึงเดินกลับมาที่กระท่อมเพื่อโทรทัศน์ต่อ แต่เมื่อทั้งสองน้าดูละครในโทรทัศน์กำลังสนุก ซักพักจึงมีเสียงดังตุบ ที่ฟังแล้วเหมือนเสียงนั้นมันจะหล่นลงมาจากหลังคาของกระท่อมที่ทั้งสองน้าอยู่กันเลย
แล้วน้าชายของดิวจึงลุกขึ้นและพูดกับตัวเองว่า เสียงอะไรกันวะ ดังเป็นครั้งที่สองแล้ว เมื่อน้าเต๋าเห็นชายของดิวลุกขึ้น น้าเต๋าจึงบอกกับน้าชายว่า ไปต้องไปดูหรอก เดี๋ยวข้าไปดูให้เอง ข้าว่าจะลงไปฉี่อยู่พอดี เมื่อน้าชายของดิวได้ฟังอย่างนั้น น้าชายของดิวจึงนั่งลงและดูละครต่อ ส่วนน้าเต๋าจึงยิบเอากระบอกไฟฉายที่วางไว้ แล้วเดินลงจากกระท่อมไป น้าชายของดิวเล่าว่า เมื่อเวลาผ่านไปได้ซักพัก จึงมีเสียงของน้าเต๋าได้ตะโกนมาบอกกับตนว่า ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย ไม่รู้ว่าเสียงอะไร
ดังนั้นน้าชายของดิวเลยไม่ได้สนใจอะไรต่อ น้าชายเขาเลยนั่งดูละครต่อ แต่เมื่อซักพัก น้าชายไม่เห็นน้าเต๋ากลับขึ้นมาบนกระท่อม น้าชายของดิวก็เลยได้ลุกขึ้นและเหลียวมองหาน้าเต๋าว่าน้าเต๋านั้นอยู่ไหน แต่เมื่อน้าชายได้เหลียวมองหาน้าเต๋าไปได้ซักพัก น้าชายก็ได้เหลียวมองเห็นว่า แสงไฟของกระบอกไฟฉายนั้น กำลังเดินฝ่าป่าหญ้าที่รกหนาทึบ กำลังเดินเข้าไปในดงป่ากล้วย ข้างหลังสวนอยู่ น้าชายเลยได้แต่วิ่งตามน้าเต๋าและร้องตะโกนว่า เฮ้ยไอ้เตาโว้ย หยุดก่อนโว้ย
แต่น้าชายของดิวนั้น วิ่งตามยังไงก็วิ่งทัน ร้องตะโกนยังไง น้าเต๋าก็ไม่หยุดและหันมามองเลย น้าชายของดิวเลยเดินกลับกระท่อมมา พอตอนเย็นวันต่อมา น้าเต๋าก็ได้มาหาน้าชายที่กระท่อมอีก แต่วันนี้พอน้าเต๋าได้พบกับน้าชาย น้าเต๋าก็เลยพูดกับน้าชายไปว่า แกนี่นะ มีของดีก็ไม่ยอมบอกกันเลย แต่น้าชายสังเกตุว่า น้าเต๋านั้นใบหน้าดำๆคล่ำๆผิกปรกติ น้าชายก็เลยบอกน้าเต๋าว่า เต๋าถ้าแกว่างๆไปทำบุญด้วยนะช่วงนี้ ข้าสังเกตว่า ใบหน้าของแกดำๆคล่ำๆผิกปรกติวะ
น้าเต๋าเลยตอบน้าชายไปว่า แกก็เชื่ออะไรไม่เข้าเรื่อง แล้วน้าเต๋าเลยเดินไปทางหลังบ้าน แล้วน้าเต๋านั้นก็หายตัวไป โดยไม่พูดอะไรต่อ แล้วเรื่องก็ดำเนินต่อไปจนถึง 5-6 วันต่อมา วันนั้นน้าชายได้ไปถางหญ้าที่ดิน แปลงที่เจ้าของสวนเขาปลูกต้นมะม่วงใหม่อยู่ในแถวหลังสวน ช้าชายเลยได้สังเกตเห็นว่า มีคนที่กำลังนอนหลับอยู่ในกลางก่อกล้วย น้าชายเลยเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วน้าชายเขาถึงต้องช็อกกับภาพที่เห็นคือน้าเต๋า ที่กำลังนอนตายอยู่ในกลางก่อกล้วย
พอเรื่องของน้าเต๋าได้ผ่านไปซัก 1 อาทิตย์กว่าๆ วันหนึ่งขณะที่น้าชายได้ทำกับข้าวอยู่ที่ใต้ถุนกระท่อมอยู่นั้น เวลาตอนนั้นน่าจะเวลาประมาณ สองทุ่มกว่าๆเห็นจะได้ น้าชายเลยได้เหลียวไปที่ทางข้างหลังสวนในทางดงป่ากล้วย น้าชายก็ได้เห็นภาพของน้าเต๋าที่กำลังยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่ขุดไทยสีเขียว ซึ่งดูน้าเต๋าจะท่าทางไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนั้นน้าชายของดิวได้เล่าถึงตอนนี้ น้องชายของดิวก็ได้ร้องไห้ขึ้นและบอกว่ากลัว จากนั้นน้าชายเลยหยุดเล่าพร้อมกับเดินลงจากบ้านไป
ขอขอบคุณรูปถาพจาก Pixar