อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าหน่วยงานไม่ใช่การตลาดไม่ต้องตั้งเป้าจำนวนหน้า [มาแชร์ทริคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ]
การอ่านหนังสือเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามสอบของหน่วยงานต่าง ๆ นั้น ยังเป็นเรื่องที่หนักหน่วงสำหรับเหล่านักรบดินสอ 2B ที่ตระเวนสอบกันอยู่ทุกเดือนตามหน่วยงานที่เปิดรับสมัคร
แต่การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบนั้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การอ่านที่ดีคือการอ่านเพื่อนำความรู้เข้าสู่ความเข้าใจ ไม่ใช่การทำการตลาดที่ต้องแตะยอดตามเป้าที่ตั้งไว้
รู้นะ!!! ว่าบางคนตั้งเป้าเป็นจำนวนหน้าว่าวันนี้จะต้องอ่านให้ได้กี่หน้าหรือต้องท่องจำกี่บท
หากตั้งเป้าไว้อย่างนี้ เรารีบมาเปลี่ยนเป้าหมายการอ่านหนังสือเตรียมสอบกันเถอะ
เพราะความรู้ที่ต้องนำไปใช้ในห้องสอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหน้าที่เราท่องจำแต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจเนื้อหาและสามาถนำไปใช้ในการตอบคำถามของข้อสอบได้ต่างหาก
ต่อให้ท่องจำไปเป็นร้อยเป็นพันหน้าแต่ถ้าไร้ซึ่งความเข้าใจเจอข้อสอบเข้าไปก็เดาอยู่ดี
อ่านได้เยอะ ๆ ไม่ดีหรอ ดีกว่าอ่านไปไม่กี่หน้านะ ?
อ่านได้ปริมาณเยอะนั่นเป็นเรื่องทีดีเลยล่ะ ข้อนี้ไม่ข้อเถียง
แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าสามารถเข้าใจและจดจำเนื้อที่อ่านหรือท่องจำได้ ดีกว่าอวดตัวเองอย่างภาคภูมิใจว่าอ่านหนังสือจบเล่มแต่นำความรู้ไปใช้งานได้แค่หน้าสองหน้า พอเจอข้อสอบก็ถึงกับไปไม่เป็นเหมือนทุกที
เพราะการอ่านหนังสือสอบไม่ใช่เรื่องสนุกจะให้คิดว่าเหมือนอ่านนิยายสักเล่มอยู่ก็คงทำไม่ได้ แต่จะดีกว่ามั้ยถ้าเราลองมาปรับเปลี่ยนวิธีการอ่านหนังสือเตรียมสอบกันใหม่ด้วยวิธีง่าย ๆ
1. จัดลำดับความสำคัญของวิชา
เรามาเริ่มกันที่การเช็คว่าตัวเราเองจะต้องอ่านกี่รายวิชาเพื่อนำไปเป็นอาวุธในสนามสอบ เมื่อรู้แล้วว่าจะต้องอ่านวิชาอะไรบ้าง ให้เรามาจัดลำดับการอ่านที่เหมาะสมกับตัวเราว่าเราจะเริ่มอ่านจากวิชาไหนก่อนดี บางเนื้อหามีเยอะมีน้อย บางฉบับก็หนาแบบอ่านสามวันไม่จบ บางเนื้อหาก็บางเบาแบบหนึ่งวันก็จบ บางวิชาที่มีเนื้อหาสอดคล้องก็ควรอ่านต่อกันหรือใกล้เคียงกันเพื่อให้ความเข้าใจทำงานต่อเนื่องกัน และการจัดลำดับความสำคัญนี้ล่ะจะช่วยทำให้รู้ด้วยว่าจะต้องจัดการกับเวลาที่เหลืออยู่ก่อนถึงวันสอบเพื่ออ่านให้ครบทุกวิชาอย่างไร โดยส่วนตัวเจ้าของกระทู้เองจะเริ่มอ่านจากวิชาที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะและต้องใช้เวลาหลายวันในการอ่านแล้วเก็บเอาเนื้อหาที่ค่อนข้างน้อยไปอ่านใกล้ๆ วันสอบจะได้ทุ่มเวลาที่มีอยู่ในช่วงแรกไปกับวิชาที่ต้องใช้ความเข้าใจและความจำที่เยอะกว่าวิชาอื่น และค่อย ๆ ปรับตารางเวลาการอ่านหนังสือไปตามรายวิชาที่อ่านจบ
2. หยุดตั้งเป้าการอ่านด้วยจำนวน
อย่างแรกเลยที่ต้องปรับคือปรับความคิด เลิกตั้งความสำเร็จของการอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วยจำนวนหน้า อย่างที่พูดไปการอ่านหนังสือเตรียมสอบไม่การทำการตลาดที่ต้องตั้งเป้าด้วยจำนวนแล้วไปแตะมันให้ได้ อันที่จริงการตั้งเป้าหมายด้วยจำนวนหน้าก็ไม่ใช่วิธีที่แย่แต่มันจะดีกว่ามั้ยถ้าตั้งเป้าหมายเป็นความเข้าใจ สำหรับบางคนการอ่านไปเยอะอาจจะนำไปใช้ได้เยอะ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน บางคนอ่านไปร้อยหน้าพอเจอข้อสอบเข้าจริงกลับจำเนื้อหาได้แค่หน้าเดียว งั้นเราเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเป็นการทำความเข้าใจเนื้อหากันเถอะ
3. อ่านเท่าที่รับไหว
แต่ละคนมีขีดจำกัดในการรับรู้หรือยัดเอาเนื้อหาที่ได้อ่านทำความเข้าใจเก็บใส่สมองไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ลิมิตของตัวเองบางคนก็สามารถนั่งอ่านหนังสือโดยมีสมาธิได้นานเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง แต่สำหรับบางคนแค่ครึ่งชั่วโมงก็เริ่มไม่รับรู้เนื้อหาของวิชาที่อ่านแล้ว อ่านแล้วรู้สึกง่วงนอน เพราะฉะนั้นต้องไม่ฝืนจนเกินไป ไม่บีบบังคับตัวเองจนเกินไป หากรู้สึกว่าเริ่มรับไม่ไหวหรืออ่านไปก็ไม่เข้าใจแล้ว ให้ลองพักสักหน่อย อาจจะไปฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีส์เพื่อสร้างความผ่อนคลายแล้วกลับไปอ่านอีกครั้ง ในหนึ่งวันเราอาจจะพักบ่อยหน่อยหากเทียบกับคนอื่นที่มีสมาธิแน่วแน่ แต่เชื่อเถอะอ่านแบบไม่ฝืนตัวเองจะทำความเข้าใจเนื้อหาแล้วเปลี่ยนเป็นความรู้ที่ใช้ในการสอบได้ดีกว่าการฝืนอ่านจนจบเยอะเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นต่อให้ฝืนอ่านจนจบเความรู้ที่มั่นใจว่ากักเก็บไว้ในสมองแล้วแต่พอเอาเข้าจริงกลับจำมันไม่ได้เลย
4. พยามยามทำความเข้าใจ แต่บางเนื้อหาก็ต้องใช้การท่องจำ
เมื่อเริ่มอ่านหนังสือ ตำรา หรืออะไรก็ตามเพ่อใช้ในการสอบไปแล้ว อย่าลืมทำความเข้าใจเนื้อหาในแต่ละรายวิชาด้วยว่าเนื้อหาส่วนใดจะต้องใช้ความเข้าใจการแปรเปลี่ยนตัวอักษรเป็นข้อความที่เราสามารถเข้าใจและนำไปใช้ เนื้อหาส่วนใดจะต้องใช้วิธีการท่องจำ เพราะหากรู้และสามารถแยกแยะได้แล้วเราจะจัดการกับการอ่านได้ไม่ยากเลย ส่วนที่ต้องทำความเข้าใจเราก็อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจให้เราได้รับรู้ถึงสาระสำคัญ แต่เนื้อหาส่วนใดที่ต้องท่องจำเราก็จะได้ใช้วิธีของการท่องจำแบบดื้อ ๆ ไปเลย
5. ไม่หักโหมในช่วงสุดท้าย
สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดอีกปัญหาหนึ่งของนักรบดินสอ 2B ก็คือ ไม่พร้อมสอบ ต่อให้สอบร้อยสนามคุณก็จะบ่นว่ายังไม่พร้อมสอบเลย ทั้ง ๆ ที่มีเวลาให้เตรียมตัวตั้งแต่เรายื่นใบสมัคร ทางออกที่ดีสำหรับปัญหานี้คือ จัดตารางเวลาในการอ่านหนังสือ ช่วงแรกของการอ่านอาจจะยังอ่านไปแบบสบาย ๆ ไม่หนักหน่วงแต่ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเดินผ่านไปทุกวัน ถ้ามัวแต่สบายตอนต้นหรือไม่อ่านเลยตั้งแต่ต้นแล้วไปอ่านเอาช่วงใกล้สอบหรือหนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบ จิตใจคุณคงจะเหนื่อยล้า ท้อและอยากถอยจนรับเนื้อหาที่พยายามอัดเข้าสมองไม่ไหว สุดท้ายก็ได้แต่หอบหิ้วร่างกายไปสอบแบบตามเวรตามกรรม คุณรู้มั้ยว่าอาทิตย์ใกล้สอบหรือไม่กี่วันก่อนสอบควรเป็นช่วงที่เราเริ่มทบทวนเนื้อหาที่ได้อ่านไปจนหมดแล้วว่ามีตรงไหนที่เรายังไม่เข้าใจหรือยังจำไม่ได้บ้าง ไม่ใช่การหักโหมอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วหลับน้ำลายยืดในห้องสอบเพราะได้แต่เดาแล้วเสร็จก่อนเวลา
6. โน๊ตสำคัญเอาไว้
อ่านไปทดโน๊ตไปก็ไม่แย่ เพื่อเอาไว้กลับไปอ่านหรือท่องจำอีกครั้งในส่วนที่สำคัญและเวลาเร่งรีบ การจดโน๊ตเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยได้มากสำหรับการทบทวนความรู้ ทบทวนความจำ อาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบที่เริ่มทบทวนเนื้อหาเพื่อเตรียมความพร้อมจะให้กลับไปอ่านทั้งหมดอีกครั้งก็คงไม่ไหว อย่างน้อยก็ได้อ่านโน๊ตที่จดไว้ในประเด็นหรือสาระสำคัญผ่านตาไปบ้างก็จะช่วยสะกิดต่อมความรู้ที่เราได้กักเก็บไปให้กลับมา ยิ่งช่วงเวลาหน้าห้องสอบที่ใครหลายคนมักจะหยิบหนังสือขึ้นมารีบอ่านก่อนถึงเวลาเข้าห้องสอบ ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็เป็น โน๊ตที่จดไว้นี่ล่ะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยประหยัดเวลาและกระตุ้นสิ่งที่เราได้อ่านไปได้อย่างดีเลยล่ะ อย่างน้อยก็เป็นตัวช่วยให้เข้าใจหรือช่วยให้จำได้ในประเด็นที่เราอาจหลงลืมไปแล้ว
7. ทบทวนวิชากับตัวเอง
เป็นหนึ่งวิธีที่เจ้าของกระทู้มองว่าดีเลยทีเดียว การทบทวนกับตัวเองไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูดออกเสียงจำลองว่าเรากำลังสอนใครสักคนตรงหน้าให้เข้าใจในสิ่งที่เราเพิ่งอ่านมา หรือการจดลงในกระดาษว่าเราอ่านอะไรมาแล้วสรุปเป็นเนื้อหาได้อย่างไร แต่ละคนอาจจะมีวิธีที่แตกต่างออกไปอีกหลายวิธี แต่การทบทวนความรู้นี่ล่ะที่จะช่วยให้เราจำได้ว่าเราเคยอ่านเนื้อหาอะไรไปแล้วบ้างเพราะทุกการสอบไม่ได้มีแค่วิชาเดียวที่ใช้ในการสอบบางครั้งอ่านไปจนถึงวิชาสุดท้ายกลับลืมวิชาแรกเสียแล้วเพราะฉะนั้นอย่าลืมทบทวนเนื้อหาที่เราได้อ่านไปด้วยวิธีต่าง ๆ แต่โดยส่วนตัวเจ้าของกระทู้จะชอบใช้วิธีการพูดออกไปว่าเข้าใจเนื้อหาวิชาอะไรไปบ้าง และเขียนลงในกระดาษว่าเราจำอะไรได้บ้าง
8. ผ่อนคลาย
หนึ่งวันก่อนสอบไม่ควรหักโหมควรเป็นวันที่สมองได้ผ่อนคลายจากการอ่านหนังสือมายาวนาน ใช้เวลาหนึ่งวันก่อนสอบแบบไม่หักโหมความคิด ไม่หักโหมร่างกาย หยิบเนื้อหาวิชาที่ยั่งไม่มั่นใจขึ้นมาอ่านบ้างเล็กน้อย กลับไปท่องจำหรือทำความเข้าใจโน๊ตที่เขียนไว้ และที่สำคัญเตรียมอุปกรณ์การสอบให้พร้อม เพราะถึงแม้ความรู้จะอัดแน่นในสมองแต่ถ้าลืมอุปกรณ์หรือสิ่งจำเป็นสำหรับการสอบเมื่อไปถึงสนามสอบคุณอาจจะไม่ได้เข้าสอบเลยก็ได้
ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังเตรียมตัวสอบทุกคนนะ สักสนามสอบจะต้องเป็นที่ของเรา
มีเนื้อหาดี ๆ อีกมายที่เคยลงไว้อย่าลืมแวะเข้าไปอ่านกันน้าาาา
social detox ห่างโซเชี่ยลสักพัก วางมือถือสักแปป > https://board.postjung.com/1479824
หลับยากใช่มั้ย ลองมาปรับวิธีการเข้านอนกันดีกว่า > https://board.postjung.com/1480084
ทำงานผิด อย่า discredit ตัวเอง > https://board.postjung.com/1482680
ภาพ : pixabay