ม่านรูดราคาถูก 5บาท ตัวช่วยระบายอารมณ์ในคุก(เผื่อใครไม่รู้ ว่านักโทษชายเขาช่วยตัวเองยังไง เพราะมีกล้องจับตลอดเวลา)
ม่านรูดราคาถูก 5บาท ตัวช่วยระบายอารมณ์ในคุก(เผื่อใครไม่รู้ ว่านักโทษชายเขาช่วยตัวเองยังไง เพราะมีกล้องจับตลอดเวลา)
คุมเรือนจำผู้คร่ำประสบการณ์ เผยเรื่อง "ลึก...แต่ไม่ลับ" หลังกำแพงคุก ระบุ คดีข่มขืนเพศเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา แฉใช้ผ้าห่ม คลุมตามมุมอับทำ "ม่านรูด 5 บาท" เพื่อระบายกำหนัด "
ผู้ต้องขังจะแอบนำผ้าห่มไปขึงทำเป็นห้องตามมุมอับต่างๆ ที่ลับตาผู้คุม และจะมีศัพท์เฉพาะเป็นที่รู้กันว่า "ม่านรูด 5 บาท" ใครที่ต้องการ ระบายอารมณ์ทางเพศก็สามารถเข้าไปใช้บริการกันได้
"ความต้องการทางเพศ" เป็นแรงปรารถนาขั้นสามัญ ของมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ และแม้แต่ หลังกำแพงสูงในเรือนจำที่มีแต่คนเพศพันธุ์เดียวกันก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แต่การระบายออกซึ่งความใคร่นั้นคงกระทำได้เพียง 2 ทางเท่านั้น คือ ช่วย (เหลือ) ตัวเอง และใช้เพื่อนผู้ต้องขังด้วยกันเป็นที่ระบาย
ฉะนั้น ศัพท์บัญญัติประเภท "ตุ๋ย" "ถั่วดำ" หรือ "ตีฉิ่ง" จึงเป็น เรื่องสามัญประจำคุกที่ "คนวงใน" ต่างรู้กันดี และคงจะไม่เกิดปัญหา หากการกระทำเหล่านั้นเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย
ทว่า เมื่อการระบายความใคร่กลายเป็นเรื่อง "เสพสมบ่มิสม" ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรื่องราวก็อาจลุกลามใหญ่โตถึงขั้นเป็นคดีความขึ้น ได้ดังเช่น "เรื่องขมขื่น" ที่เกิดกับ ผู้ต้องขังชาย (ขช.) โจ้ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักโทษในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถูก ขช.อภิชาติ รอดเจริญ อายุ 25 ปี บังคับขืนใจหลายครั้งจนรูทวารหนักมีอาการอักเสบ และฉีกขาด แถมร่างกายยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เพราะถูกทำร้าย
ขช.อภิชาติ รับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายหรือบังคับแต่อย่างใด เพราะ ขช.โจ้ มีลักษณะ เบี่ยงเบนทางเพศอยู่แล้ว และยังมีสามีเป็นผู้ต้องขังด้วยกัน แต่หลังจากที่อยู่ใกล้ชิดทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศจนลักลอบแอบ มีเพศสัมพันธ์กัน ทำให้ "สามี" ของ ขช.โจ้ จับได้ว่าแอบลักลอบได้เสียกันขึ้น จึงได้บังคับให้ ขช.โจ้ ไปแจ้งให้ผู้คุมทราบเพื่อดำเนินคดี ซึ่งตน ก็ขอยอมรับผิดไปตามที่มีการแจ้งความทุกประการ
"สารวัตรครับ ผมทดลองดูแล้ว มันสนุกกว่ามีเพศสัมพันธ์ กับผู้หญิงเสียอีก" ขช.อภิชาติ กล่าวหน้าตาเฉย ในระหว่างที่ พ.ต.ต.ตุลวุฒิ ได้เข้าไปสอบปากคำถึงเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก
อย่างไรก็ตาม คดีทำนองนี้แม้จะดูพิลึกพิลั่น สำหรับ "คนนอก" แต่สำหรับ "คนใน" แล้วเป็นเรื่องที่พบเห็น กันจนชาชิน เพียงแต่เรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้ถูกแพร่งพราย สู่โลกภายนอกดังเช่นคดีดังกล่าวเท่านั้น
ผู้คุมเรือนจำผู้คร่ำหวอดในแวดวง "คนคุก" รายหนึ่ง เล่าเป็นวิทยาทานว่า คดีรักอลวนประเภท "ชายข่มขืนชาย" และ "หญิงข่มขืนหญิง" หลังกำแพงคุกเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ในยามที่มี "น้องใหม่" ย่างกรายเข้ามาเพื่อชดใช้ "กรรม" ที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
ทั้งนี้ หากผู้ต้องขังเข้ามาใหม่มีลักษณะ "เบี่ยงเบนทางเพศ " ก็จะต้องรีบหา "สามี" ให้ทันที เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา "แก่งแย่ง" หรือ "ข่มขืน" ขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขังด้วย
การระบายออกทางเพศของผู้ต้องขังนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเรือนนอน หรือสถานที่ลับตาต่างๆ ในเรือนจำที่คิดว่าจะสามารถเล็ดลอดสายตาของผู้คุมได้ โดยเฉพาะในวันหยุดของเรือนจำต่างๆ ที่ปล่อยให้ผู้ต้องขังมีอิสระ และไม่ต้องทำงาน
"ในวันดังกล่าวจะถือว่า "เป็นนาทีทอง" ของกลุ่มผู้ต้องขังที่ต้องการ ระบายออกทางเพศก็ว่าได้ โดยกลุ่มผู้ต้องขังจะแอบนำผ้าห่มไปขึงทำเป็น ห้องตามมุมอับต่างๆ ที่ลับตาผู้คุม และจะมีศัพท์เฉพาะเป็นที่รู้กันว่า "ม่านรูด 5 บาท" ใครที่ต้องการระบายอารมณ์ทางเพศก็สามารถเข้าไปใช้บริการกันได้ ในราคาขั้นต่ำที่ตกลงกันไว้ก็คือ 5 บาท หรือใช้สิ่งของที่มีมูลค่าแทนเงินสด 5 บาทก็ได้" ผู้คุมมากประสบการณ์ เผยถึงเรื่องราวในแดนสนธยาได้อย่างออกรส
กระนั้นเขาก็เห็นใจผู้คุมเรือนจำ และไม่อยากให้มีการตำหนิกัน มากในเรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่า "การทำแบบนี้ก็พอจะลดความกำหนัดลงไปได้ ชั่วครั้งชั่วคราว เพราะถ้าเข้มงวดกวดขันกันมากไป ก็อาจเกิดปัญหาการ "ข่มขืน" เพศเดียวกัน ภายในเรือนจำได้อย่างที่เป็นข่าว"
คำบอกเล่าของผู้คุมรายนี้เป็นสภาพความเป็นจริงของ "สังคมคนคุก" ที่ต้องทำใจ ยอมรับ เพราะขึ้นชื่อว่า "คน" ย่อมมีความทะยานอยากในเรื่อง กิน-ถ่าย-นอนหลับ และกำหนัดในอารมณ์ แต่ถ้าทำโดยที่อีกฝ่าย "ไม่ยินยอม" ก็สมควร ถูกดำเนินคดี และยังถูกเพิ่มโทษได้ง่ายๆ ดังเช่นที่เป็นข่าว