หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“ขับแล้วดี” ZEM รถไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ขับแล้วมลพิษในอากาศลดลง

โพสท์โดย ส่งข่าว

ZEM

“ขับแล้วดี” ZEM รถไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ขับแล้วมลพิษในอากาศลดลง

ตอนนี้ทุกคนคงทราบว่าโลกกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ผลกรรมที่มนุษย์ก่อไว้กำลังกลับมาทำร้ายเราในรูปแบบของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน คลื่นความร้อนแผดเผา อุณหภูมิในท้องทะเลสูงขึ้น หิมะขั้วโลกกำลังละลายในอัตราความเร็วที่ไม่มีเคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ว่ากันง่าย ๆ โลกกำลังแย่ มนุษย์กำลังเผาบ้านที่ตัวเองอยู่ด้วยสองมือ

การขุดเจาะน้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติมาเป็นพลังงานผลักดันให้เศรษฐกิจของโลกขยายใหญ่ขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรามาอยู่จุดนี้ ระบบนิเวศของโลกเหมือนถูกกักเอาไว้ในวังวนแห่งการล่มสลายที่หลุดออกไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ยังมีกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ ๆ ที่เชื่อว่าโลกยังมีความหวัง ยังพอมีเวลาที่จะรักษาและหลุดความเสียหายตรงนี้ลงได้ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ด้วยการหันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ดีต่อโลกสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มากขึ้น

มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ร่วมมือกันสร้างเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา มีโอกาสเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันไปอีกด้านหนึ่งเลย เพราะมันคือรถไฟฟ้าคันแรกของโลกที่ขับแล้วมลพิษในอากาศลดลง เป็น “Carbon-Negative” (คาร์บอนเป็นลบ) ที่นอกจากจะไม่สร้างมลภาวะทางอากาศแล้ว ยังกำจัดมลภาวะในอากาศให้น้อยลงไปด้วย

เพื่อให้เข้าใจบริบทโดยรวม ตอนนี้เราเห็นรถไฟฟ้า (Electric Vehicles) หรือที่เรียกว่า ​EVs ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันดีกว่ารถยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมเยอะมาก แต่เราต้องทราบด้วยว่า EVs ไม่ได้สะอาดไปซะทั้งหมดทีเดียว ในระยะยาวอาจจะดีกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป แต่ในส่วนของการผลิตรถยนต์ EVs โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่ต้องใช้แร่หายากอย่างโคบอลต์และอื่น ๆ นั้นทำกระบวนการผลิตสร้างคาร์บอนเยอะกว่าการผลิตรถยนต์ทั่วไปอีก และแน่นอนการชาร์จแบตเตอรี่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งเอาอย่างในบ้านเราก็ได้ที่พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากก๊าซธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจะบอกว่าการใช้รถยนต์ EVs คือดีต่อโลกกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปไหม ในระยะยาวก็คงใช่ แต่ถ้ามันมีทางเลือกที่ดีกว่าล่ะ? เพราะสุดท้ายแล้วการปล่อยคาร์บอนก็ยังส่งผลเสียอยู่ดี

ทีมนักศึกษา 35 คนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเฟิน (Eindhoven) ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เห็นปัญหาตรงนี้ว่ายังไม่ได้ถูกแก้ไขอย่างแท้จริง จึงร่วมมือกันสร้างรถยนต์ต้นแบบคาร์บอนเป็นศูนย์ตลอดอายุการใช้งาน จนกลายมาเป็น ZEM รถยนต์ไฟฟ้าสองที่นั่งใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Direct Air Capture (DAC) หรือการดูดอากาศเข้าสู่ตัวเครื่องแล้วสกัดเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศ กักเก็บเอาไว้และสามารถแปรสภาพเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอย่างอื่นต่อไปได้เลย ซึ่งรถยนต์คันนี้แตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้ DAC นิดหนึ่งตรงที่ว่าไม่ต้องใช้พัดลมเพื่อดูดอากาศเข้ามา เพราะระหว่างที่ขับขี่ลมจะไหลผ่านตะแกรงหน้ารถเพื่อเริ่มกระบวนการดักจับคาร์บอนแบบอัตโนมัติ

ทางทีมได้ทำการทดสอบและคำนวณออกมาว่าถ้าเราขับรถปีละ 20,000 ไมล์ จะสามารถดักจับคาร์บอนได้ประมาณ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจจะดูไม่เยอะเพราะปกติแล้วรถยนต์คันหนึ่งปล่อยคาร์บอนราว 150 – 200 กิโลกรัมต่อปี และต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 20 กิโลกรัมต่อปี แต่ทีมเสนอว่าให้ลองคิดถึงภาพที่ใหญ่ไปกว่านั้น ถ้ามี 1 ล้านคัน หรือ 100 ล้านคันบนท้องถนน นั่นหมายความว่าต่อไปรถยนต์ที่วิ่งกันไปมาจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้โลกสะอาดขึ้นมากกว่าที่จะทำลายโลกใบนี้ หนึ่งในทีมให้สัมภาษณ์ว่า

“มันยังเป็นตัวต้นแบบของไอเดีย แต่เราสามารถเห็นได้แล้วว่าสามารถเพิ่มความจุของตัวกรองได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การดักจับคาร์บอนไดออกไซด์คือข้อบังคับเริ่มต้นเลยเพื่อจะชดเชยการปล่อยมลพิษระหว่างกระบวนการผลิตและรีไซเคิล”

(ทางทีมยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของเทคโนโลยีการดักเก็บคาร์บอนมากนัก เพราะอยู่ในขั้นตอนการจดสิทธิบัตร)

ถึงตอนนี้เราพอจะเห็นภาพว่า ZEM ช่วยทำให้มลภาวะในอากาศลดลงได้ยังไง แต่คำถามต่อมาคือกระบวนการผลิตล่ะ? พวกเขาหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีอย่าง 3D Printing เพื่อสร้างโครงเหล็กและตัวรถยนต์ส่วนใหญ่ จึงไม่มีการทิ้งชิ้นส่วนที่เหลือใช้ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วย แถมเหล็กเหล่านี้ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ เบาะด้านในใช้พลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด ซึ่งเมื่อหมดอายุการใช้งานก็สามารถเอาไปย่อยสลายและขึ้นรูปใหม่ได้ กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบของ ZEM ที่ผ่านการวิเคราะห์โดยโปรแกรม SimaPro (โปรแกรมที่ใช้ในการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์เพื่อประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการออกแบบผลิตภัณฑ์)​ บอกว่าในตอนนี้เป็น ‘Carbon Neutral’ หรือเป็นกลางทางคาร์บอน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเลยนั่นเอง

อีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ใน ZEM ก็คือ Bidirectional Charging ซึ่งเป็นการชาร์จที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้แบบ 2 ทาง ปกติแล้วเราจะชาร์จไฟจากตัวชาร์จเสียบเข้ารถ แต่ ZEM สามารถชาร์จไฟด้วยแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาแล้วส่งไฟกลับเข้าไปที่บ้านได้ด้วย เปรียบง่าย ๆ ZEM เหมือนแบตเตอรี่สำรองสำหรับบ้านเลยก็คงไม่ผิดนัก

ถึงตอนนี้ ZEM จะยังไม่ได้วางขายตามท้องตลาด แต่เห็นชัดว่าที่จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ ในการสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Innovationorigins.com พวกเขาก็ตั้งคำถามนี้กับบริษัทใหญ่ ๆ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหลายเช่นกัน

“เราอยากจะจี้ให้ทั้งอุตสาหกรรมเห็นโดยการแสดงให้ดูว่าตอนนี้มีอะไรที่เป็นไปได้บ้าง แล้วมาร่วมมือกัน ถ้าเด็กนักเรียน 35 คนสามารถออกแบบ พัฒนา และสร้างรถยนต์ที่เป็นกลางทางคาร์บอนแบบนี้ได้ภายใน 1 ปี แสดงว่ามันมีโอกาสและความเป็นไปได้สำหรับอุตสาหกรรมนี้”

นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญและจุดที่ย้อนกลับไม่ได้ของวิกฤติภูมิอากาศของโลกอาจจะอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้แล้วก็ได้ ถ้าไม่เปลี่ยนตอนนี้ ทุกอย่างอาจสายเกินแก้ไปจริง ๆ

ที่มา:
Reuters Reuters Drive-Electric
TueComotive Statista Innovation Origins

ภาพ:

EVspias

โพสท์โดย: ส่งข่าว
อ้างอิงจาก: Reuters Reuters Drive-Electric
TueComotive Statista Innovation Origins แบไต๋ไฮเทค
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ส่งข่าว's profile


โพสท์โดย: ส่งข่าว
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ผัวช็อก!! หลังเมียคลอดลูกออกมา ลูกมีผิวดำ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“เดือดสนั่นวงการ! MGI สั่งปลดฟ้าผ่า ‘แตแต’ มิสแกรนด์เมียนมา แฟนนางงามสะเทือน!”"หมูเด้ง" ทายผลว่า "ทรัมป์" จะชนะการตั้งมะกันสะเทือนใจ! เด็กถูกสุนัขกัดกลางถนน ไม่มีใครช่วย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด มือถือ Gadget เทคโนโลยี
มอนเต คาลี: ภูเขาเกลือเทียมขนาดยักษ์แห่งเยอรมนี"สะพานเชื่อมทางน้ำ Veluwemeer Aqueduct นวัตกรรมล้ำในเนเธอร์แลนด์"ทำความรู้จัก OmniChannel การตลาดแบบซื้อครบจบทีเดียวนิวซีแลนด์: ความงามแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกจากมุมมองสถานีอวกาศนานาชาติ
ตั้งกระทู้ใหม่