เมืองกรุง บทที่ 12
ทวียืนหน้าดำคร่ำเครียดพิงหน้าต่างอย่างกลัดกลุ้ม ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาผ่ายผอม และหมองหม่นลงทุกวัน ฟ้าที่เคยสดใสเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ตอนนี้หม่นหมองยิ่งกว่าท้องฟ้าในวันฝนตกเสียอีก เขาจะทำยังไงดี
“คุณพ่อ ... ถึงเวลากินข้าวมื้อเย็นแล้วนะคะ มายืนเหม่อตรงนี้ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ไป ... ไปกินข้าวกัน” ทวีเดินนำลูกไปยังโต๊ะกินข้าวที่เขากำชับแม่บ้านให้เตรียมอาหารที่เป็นของโปรดของลูกฟ้าเอาไว้
“วันนี้มีไข่ลูกเขย กับต้มฟักไก่ ของโปรดของฟ้าด้วย ดีจังเลยค่ะ กำลังอยากกินอยู่พอดี เสียดายนะคะอีกหน่อยฟ้าคงไม่ได้กินอีกนาน” ฟ้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ทำไมพูดแบบนั่นล่ะฟ้า อยากกินเมื่อ ไหร่ ฤดีเขาก็เต็มใจทำให้กินอยู่แล้ว ใช่ไหมฤดี” ปลายเสียงทวีหันไปถามแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ”
“แน่นอนค่ะคุณทวี ขอแค่คุณฟ้าเอ่ยปาก รับรองฤดีทำสุดฝีมือเลยค่ะ”
“เอ่อ..พอดีฟ้าว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะค่ะ ฟ้ากำลังยื่นเรื่อง”
“อะไรนะ” คุณทวีส่งเสียงดังตกใจ
“ฟ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศเหรอ ไหนว่าห่วงพ่อ ไม่อยากทิ้งให้พ่ออยู่คนเดียวไง” ทวีทักท้วง
“ให้ฟ้าไปเถอะนะคะคุณพ่อ” ฟ้ากล่าวแผ่วเบา ก่อนจะลุกเดินหนีกลับเข้าห้องส่วนตัวไป
*****
ขณะที่บ้านกลางป่ากล้วยของนายเจตน์ บัวทนรอจนถึงตอนเย็นไม่ได้ เพราะรู้สึกอยากยา จึงหนีมาก่อน และคิดว่าเดี๋ยวค่อยไปรับกล้าตอนเย็นตามที่นัดกันไว้ เจตน์เดินเข้ามาใกล้มองดูสภาพของบัวแล้วส่ายหน้าพูดขึ้นว่า
“บัว มึงมัวแต่เมายา รู้ไหมไอ้กล้าโดนตำรวจจับ ข้อหาแทงคน” เจตน์เจ้าของบ้านที่เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นในการเสพยาชนิดต่าง ๆ เขามีให้บริการทุกชนิดตั้งแต่ของเบา ๆ อย่าง บารากุ กัญชา ไปจนถึงยาบ้า เฮโรอีน ไอซ์ ใครอยากเสพอะไร เขามีรองรับให้หมดทุกชนิด และแน่นอนทุกคนที่เข้ามาในวังวนนี้ แรก ๆ ก็อ้างว่าคลายเหงา แค่ลอง และเริ่มจากสิ่งที่คิดว่าตนเองจะไม่ติด สุดท้ายก็ทั้งติด ทั้งเพิ่มปริมาณและ ความเข้มข้นขึ้น อย่างเช่นบัว ที่ตอนนี้เธอไม่ได้ติดแค่บารากุอีกต่อไป เธอหันมาเล่นไอซ์ และกำลังติดมันอย่างหนัก จนไม่สนใจอะไรอีก
“ช่างมันประไร โดนจับก็เรื่องของมันสิ บัวไม่เกี่ยว” บัวตอบกลับด้วยน้ำเสียงยานคางและสภาพง่วงงุน ตาปรือ
“อ้าวแฟนกันไม่ใช่เหรอ” เจตน์ถามซ้ำ
“วันนั้นยังเริงสำราญกันในห้องนอนกันอยู่เลย”
“เอ๊ะบอกว่าไม่ใช่ ก็ไม่ใช่สิ” บัวตอบแล้วก็ฟุบหน้า โงนเงนเหมือนจะหลับ เจตน์ลอบยิ้มแล้วตรงเข้าไปประคองพาบัวเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง บัวหรี่ตาขึ้นมามองแต่ก็ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร
*****
“อ้าวโยมทวี ทำไมหน้าตาหมองเศร้าอย่างนั้นล่ะ”
“นมัสการครับหลวงพ่อ” ทวีพนมมือไหว้ ก่อนจะหยิบกระเช้าผลไม้ที่เตรียมมาประเคนให้หลวงพ่อ
“ผมมีเรื่องกลุ้มใจน่ะครับหลวงพ่อ คิดไม่ตก เลยอยากมาคุยกับหลวงพ่อ”
“มีอะไรรึ” หลวงพ่อเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามกลับไป
“เรื่องของกล้ากับฟ้า ผมไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองทำถูกไหมที่กีดกันกล้า หลวงพ่อว่าเด็กคนนี้เป็นยังไงครับ”
“ก่อนอื่นอาตมาอยากถามก่อนว่าที่คิดกีดกันน่ะเพราะอะไร เพราะกล้าเป็นเด็กวัดอย่างนั้นหรือโยม โยมลืมอะไรไปรึเปล่าว่าก่อนที่โยมจะเจริญรุ่งเรืองจนร่ำรวยแบบนี้ โยมเป็นใคร”
ทวีนิ่งอึ้งไปกับคำพูดของหลวงพ่อ ใจนึกทบทวนถึงชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ใช่เขาเองก็เคยเป็นลูกศิษย์วัดอาศัยข้าวก้นบาตรของหลวงพ่อเหมือนกัน ก่อนที่จะพบรักกับแม่ของฟ้าซึ่งเป็นลูกของเถ้าแก่โรงน้ำแข็ง จนเขาสามารถมีกิจการน้ำดื่มเป็นของตัวเองได้ก็เพราะการสนับสนุนจากพ่อตาที่เห็นว่าเขาเป็นคนดี ขยัน ซื่อสัตย์ แล้วทำไมเขาจึงปิดโอกาสของกล้า บังคับให้กล้าเลิกคุยกับฟ้า
“ผมเข้าใจแล้วครับหลวงพ่อ กราบนมัสการที่ชี้ทางให้ผมนะครับ” เขาก้มลงกราบลาหลวงพ่อด้วยใจที่สว่าง กระจ่างแจ้ง หายขุ่นมัว หายกังวล และรู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป
*****