ฟาดคำต่อคำ! ก็มาดิค้าบ!?! หลวงพี่น้ำฝนลั่น บุกวัดไผ่ล้อมได้(กลับไม่ได้)เจอดีแน่ เจ็บปวดที่ต้องเห็นวงการสงฆ์โดนแหก (คลิป)
"ศึกผ้าเหลือง vs. หมอผี" ยังไม่จบ! อยากหมดแพสชั่น ในการทำบาป คอร์สนี้น่าจะปิดยากซะแล้ว ผ้าเหลืองต้องร้อนผ่าว บางประโยคยังระลึกถึงพุทธองค์ เมื่อหลวงพี่ฝากเตือนหมอผี แต่โดนตอกหน้ากลับ ว่าเก็บไว้สอนตนเองเถิด อีกฝั่งสมาชิกติดตาม 1.2 ล้าน แต่อีกฝั่งก็บอกว่า นี่ก็ไม่กลัวนะครับ มีศิษยานุศิษย์ก็ไม่น้อยเหมือนกัน ก่อนทิ้งท้ายเผ็ดจี้ด ค.ว. ย. ห เน้นมากฮะ ตำแหน่งอยู่ไม่นานแต่ตำนานจะอยู่ตลอดไปว่าซ้าน
คั่นเก็บไว้อ่าน ทำความเข้าใจ
การที่คุณมีความตั้งใจปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งดี แต่การ "จัดฉาก" สร้างหลักฐาน เพื่อเอามาใช้โจมตีพระสงฆ์ หลายคนมองว่าเป็นการล้ำเส้นเกินไป เรื่องราวของหลวงปู่แสงกับข้อกล่าวหาว่าละเมิดสีกา ตอนนี้ได้ข้อสรุปแทบทั้งหมดแล้ว อธิบายแบบเข้าใจง่ายที่สุด จบใน 17 ข้อ
1) หมอปลา มีชื่อจริงว่าจีรพันธ์ เพชรขาว ปัจจุบันอายุ 44 ปี เรียนจบ ป.ตรี สายวิศวกรรมศาสตร์ แต่ผันตัวมาเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "หมอปลาช่วยด้วย" ปัจจุบันมีคนติดตาม 3.8 ล้านคน โดยจุดเด่นคือ ความกล้าที่จะทำลายความเชื่อของชาวบ้านที่มีต่อลัทธิต่างๆ กล้าถีบศาลพระภูมิ ถ้าเขามองว่า มีส่วนในการสร้างความงมงาย ในเวลาต่อมา จึงได้รับฉายาว่า "มือปราบสัมภเวสี"
2) หมอปลาไปไกลมากกว่า ลัทธิความเชื่อต่างๆ เพราะเขาเดินหน้าลุยปราบปรามวงการสงฆ์ด้วย ถ้ามีพระสงฆ์ที่ไหน ทำผิดวินัย เขาจะบุกไปแฉความจริง ตัวอย่างเช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หมอปลาบุกวัดบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรปราการ จับพระสงฆ์เอาสีกามาซุกในกุฏิได้คาหนังคาเขา จนเกิดไวรัล ที่นักข่าวไปเจอที่คาดผมของผู้หญิง แล้วพระสงฆ์คว้ามาคาดโชว์ บอกว่าเอาไว้รักษาอาการปวดหัว
มีการพูดถึงกันว่า ในช่วงหลังเมื่อ มีเหตุการณ์พระสงฆ์ทำผิดวินัย แทนที่จะไปแจ้งตำรวจ หรือ มหาเถรสมาคม แต่ประชาชนก็แจ้งหมอปลาก่อนเลย เพราะเชื่อว่าสามารถทำให้เป็นข่าวใหญ่ได้ จนนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงได้เร็ว
3) อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ ทำให้ชื่อเสียงของหมอปลาโด่งดังขึ้นอีก คือการนำตำรวจบุกจับ "พระบิดา" หรือ ผู้นำลัทธิที่อ้างตัวว่ามีความสามารถในการรักษาโรคได้ โดยลูกศิษย์ต้องกินขี้ไคล ปัสสาวะ หรือ เสมหะ ของพระบิดาเพื่อทำการรักษาโรค
4) ณ เวลานี้ หมอปลากลายเป็นบุคคลที่ประชาชนจะไหว้วานในการกวาดล้างกลุ่มอวิชชา หรือพระสงฆ์ที่นอกลู่นอกทาง จุดแข็งของเขาคือการมีทีมงานลงพื้นที่ หาข้อมูล หาหลักฐาน เพื่อคอนเฟิร์มว่าอีกฝ่ายผิดแบบชัวร์ๆ
5) อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึง เมื่อหมอปลา ได้รับการร้องเรียน จากนางสาวเอ (นามสมมติ) ว่า "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระภิกษุสงฆ์อายุ 98 ปี แห่งวัดป่าดงสว่างธรรม จังหวัดยโสธร ได้ทำการลวนลามเธอกับแม่ มีการจับมือ เอื้อมมือมาสัมผัสหน้าอก และพยายามใช้มือล้วงไปที่อวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม คนที่มาร้องเรียน "ไม่มีหลักฐาน" มีแต่คำพูดเฉยๆ เท่านั้น
นอกจากนั้น หมอปลาอ้างว่า ลูกศิษย์ของหลวงปู่แสง ทำการกล่าวอ้างอุตริ ว่าหลวงปู่แสงเป็นพระอริยสงฆ์ "พระที่อยู่ข้างๆ อวดอ้างอุตริเอง ว่าปัสสาวะหลวงปู่รักษามะเร็งได้ และร่างกายหลวงปู่เป็นพระธาตุ" แม้ตัวหลวงปู่แสง จะไม่เคยออกมากล่าวแบบนั้น แต่หมอปลาตัดสินใจว่าควรทำการสอบสวนในเรื่องนี้ดู
6) ตามปกติหากหมอปลาจะแฉใคร ก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน มีคลิป มีภาพ ดังนั้นเมื่อไม่มีหลักฐานแบบนี้ ทำให้พวกเขาวางแผนการ "จัดฉาก" ด้วยการจัดหาผู้หญิง จำนวน 2 คน (จากทีมทนาย) ให้เข้าไปรับพร เพื่อเช็กว่าหลวงปู่แสง มีพฤติกรรมลวนลามสีกาจริงๆ ตามข่าวลือหรือไม่ แต่เมื่อถึงหน้างาน ผู้หญิง 2 คนดังกล่าวเกิดกลัวขึ้นมา จึงกลายเป็นวาสนา ศรีผ่อง นักข่าวจากช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ที่จะรับบทบาทล่อซื้อกับหลวงปู่แทน
7) พระผู้ดูแล อนุญาตให้ น.ส. วาสนาเข้ามารับพรจากหลวงปู่ได้ โดยไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง มีคนอยู่ด้วยจำนวนมาก ซึ่งฝั่งหมอปลามีการแอบถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ด้วย โดยในคลิปนักข่าววาสนา ถูกแตะเนื้อต้องตัวจากหลวงปู่จริง ด้วยการเอามือลูบหัวและจับบริเวณไหล่ โดยพระผู้ดูแลก็ปล่อยให้เกิดขึ้น โดยไม่ท้วงติงอะไร จากนั้นเมื่อมีคลิปหลักฐานในมือ วันต่อมา หมอปลาพร้อมด้วยกองทัพสื่อมวลชน ก็บุกมาที่วัด เพื่อไล่บี้หลวงปู่แสงให้ยอมจำนนต่อหลักฐานการแตะตัวสีกา
8) ในวันที่หมอปลาขนนักข่าวมาเพื่อไล่บี้ หลวงปู่แสง นักข่าววาสนาที่เป็นคนล่อซื้อ พูดต่อหน้าหลวงปู่แสงว่า "ถ้าลูกหลานหลวงพี่โดนแบบนี้ หลวงพี่จะรู้สึกยังไง จะรู้สึกว่า วู้ว ดีมากเลย ต้องมีอภินิหารในร่างกายแน่นอน โรคภัยไข้เจ็บต้องไม่มีแน่นอน" ขณะที่หมอปลาก็ตามน้ำด้วยการด่าทอว่า "ผมแนะนำหลวงพี่หุงข้าวแดกเองเถอะ สงสารญาติโยม" พร้อมกับจี้ให้หลวงปู่แสงทำการสึกออกไปเป็นฆราวาสเพื่อรับผิดชอบ
9) หลวงปู่แสง ไม่ตอบโต้อะไรเลย ทำให้เบลล์ ขอบสนาม อินฟลูเอนเซอร์สายกีฬา ที่ร่วมทางไปกับหมอปลาด้วย วิเคราะห์ว่า "ได้เห็นแววตา สีหน้า เจอคำถามแล้วอ้ำอึ้ง คนเราถ้าไม่ติดต้องเถียงอยู่แล้ว ใครมากล่าวหา ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เราทำ แน่นอนต้องโต้กลับ เงียบเหมือนยอมรับกลายๆ ว่าเป็นเรื่องจริง มันก็เป็นการสอนเราอย่างหนึ่งว่ารูปลักษณ์จะดูดี น่าศรัทธาเพียงใด มันก็เท่านี้แหละ"
9) อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตั้งคำถามให้ศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่แสง เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีชีวิตมา 5 แผ่นดิน และสร้างชื่อเสียงในฐานะพระธุดงค์ ที่ศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งตั้งแต่วัยหนุ่ม ที่ผ่านมา ไม่เคยมีข่าวเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเรื่องอุตริกินฉี่แล้วจะรักษาโรคใดๆ ตัวหลวงปู่แสงไม่เคยพูด มีแต่คนรอบข้างเอาไปขยายต่อเองเท่านั้น
ฝั่งลูกศิษย์อธิบายว่า หลวงปู่แสงอายุ 98 ปีแล้ว และมีอาการอัลไซเมอร์ มักจะหลงลืมเป็นระยะ จนบางครั้งสับสน และเอามือไปแตะเนื้อต้องตัวสีกา สิ่งที่ท่านทำ ไม่ได้เกิดจากความต้องการทางเพศแต่อย่างใด ท่านรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง
10) เรื่องนี้สอดคล้องกับ ที่นายแพทย์เศวต ศรีศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพรินซ์ อุบลราชธานี ที่รับการรักษาหลวงปู่แสงมา 20 ปี ได้เปิดเผยผลการวินิจฉัยโรค ว่าหลวงปู่แสง มีอาการอัลไซเมอร์ระยะที่ 1 จริง ที่มีความจำถดถอย ถามซ้ำๆ พูดซ้ำๆ เรื่องเดิม นอกจากนั้นยังมีอาการป่วย 10 โรค พร้อมกัน เช่น ปวดหลังเนื่องจากกระดูกสันหลังคด, ข้อเข่าเสื่อมทั้ง 2 ข้าง, กระดูกพรุน และ พฤติกรรมที่แปรปรวนเพราะอาการสมองเสื่อม
11) ทิดไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระสงฆ์คนดัง อธิบายว่า "ถ้าท่านป่วยจริง พระวินัยมีข้อระบุชัดเจนว่าไม่เอาความผิดกับพระที่มีสติฟั่นเฟือน ประเด็นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่ว่าท่านอายุเยอะแล้ว แต่พระวินัยตัดสินแค่ว่าจงใจหรือไม่จงใจ เจตนาหรือไม่เจตนา แค่นั้นเองครับ"
อธิบายคือ แม้แต่ในวินัยสงฆ์ ถ้าหากพระที่มีอาการอัลไซเมอร์ ก็จะไม่ถือว่าการแตะเนื้อต้องตัวสีกาจนเป็นการอาบัติ เพราะเกิดจากความไม่ตั้งใจของสมอง
12) เมื่อสถานการณ์พลิกแบบนี้ ทำให้กระแสสังคม รุมถล่มหมอปลา และ สื่อมวลชน โดยเฉพาะ นส.วาสนา ที่อยู่ในกระบวนการจัดฉาก ว่าต่อให้ไม่ใช่พระสงฆ์ คนอายุ 98 ปี ที่มีร่างกายโรคภัยไข้เจ็บสารพัดแบบนั้น ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้มามีจิตใจคิดเรื่องเพศอะไรแล้ว แต่นี่คุณทำการล่อซื้อ และตั้งเป้าหมายเพื่อจับสึกพระให้ได้แบบนี้
นั่นทำให้ในเวลาต่อมา นส.วาสนา ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ทีวี พร้อมทั้งผู้บริหาร ต้องเข้าไปกราบขอขมาหลวงปู่แสง แต่ทางวัดปิดไม่ให้ญาติโยมเข้าพบ คณะลูกศิษย์จึงได้นำรูปถ่ายของหลวงปู่แสงมาตั้งไว้ที่หน้าประตูวัดแทน
13) หลายๆ คน ที่บุกไปหาหลวงปู่แสงในวันนั้นได้รับผลกระทบทางการงาน เช่น นส.วาสนา ถูกช่องข่าวเวิร์คพอยท์ ประกาศไล่ออก ให้พ้นสภาพการเป็นผู้สื่อข่าวทันที ขณะที่เบลล์ ขอบสนาม ถูกปลดจากการเป็นแบรนด์แอมบาสเกอร์ของเกมแฟนตาซีฟุตบอล GG Live พร้อมทั้งขอหยุดพักหายไปจากหน้าจอ เป็นเวลา 7 วัน
14) ขณะที่หมอปลา และภรรยาชื่อน้ำฟ้าที่พูดจาแรง ใส่หลวงปู่แสงเช่นกันกล่าวว่า "เพิ่งทราบหน้างาน ตอนลงพื้นที่ว่าหลวงปู่ป่วย จึงมีการถามไปที่พระเลขาฯ ว่าถ้าหลวงปู่ป่วย ทำไมไม่พาท่านไปรักษาให้มันถูกต้อง"
15) ตามจริง ทนายความหลายท่านออกมาแนะนำว่า ฝั่งวัด และลูกศิษย์สามารถแจ้งความหมอปลา และพรรคพวก ในโทษฐานข่มขืนใจผู้อื่นได้ แต่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของหลวงปู่แสงกล่าวว่า "ตามมติ และเจตนารมณ์ของหลวงปู่ ไม่ต้องการดำเนินคดี และขอให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมจะไม่ดำเนินการอะไร เพราะหลวงปู่บอกให้อโหสิกรรม ให้อภัย"
16) เรื่องราวก็จบลงตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ยังคงมีประเด็นให้ได้พูดกันต่อหลายข้อ เช่น
- ข้อแรก ลูกศิษย์ของหลวงปู่ ย่อมรู้ทั้งรู้ว่า อาการของหลวงปู่แสงเป็นอย่างไร คนเป็นโรคอัลไซเมอร์ สามารถทำอะไรก็ได้ไม่รู้ตัว แต่ลูกศิษย์ยังอนุญาตให้สีกา มาอยู่ใกล้ๆ หลวงปู่ได้แบบนั้น และคนใกล้ชิดกระทำแบบนี้ ทำให้หลวงปู่เสื่อมเสียเกียรติยศที่ท่านสั่งสมไว้นานหลายสิบปี จากเรื่องละเมิดสีกา ทั้งๆ ที่ท่านประพฤติชอบมาตลอดช่วงชีวิตของบรรพชิต
- ข้อสอง การสร้างความเข้าใจ เรื่องอุตริทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญ เช่นพระลูกวัดที่ยโสธร นำปัสสาวะของหลวงปู่แสงมาดื่มโชว์ต่อหน้านักข่าว โดยบอกว่าสามารถรักษาโรคนิ่วได้ หรือมีการเก็บอุจจาระของหลวงปู่เพื่อเอามาบูชา คือต่อให้ศรัทธาแค่ไหน แต่ความรู้เรื่องสาธารณสุขก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พระสงฆ์ และประชาชนได้รู้ว่า เรื่องเหล่านี้ "มันไม่ปกติ"
- ข้อสาม ความรู้เรื่องอัลไซเมอร์ มีการถูกพูดถึงมากขึ้น ปัจจุบันคนไทย จำนวนมาก ไม่เข้าใจว่าอาการเป็นอย่างไร และมันส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง แต่จากกรณีของหลวงปู่แสง มีการศึกษาและทำสกู๊ปข่าวกันมากขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดกับหลวงปู่แสง อาจเกิดกับคนในครอบครัวตัวเองได้เช่นเดียวกัน
- ข้อสี่ ทำไมในปัจจุบันการปราบปรามพระภิกษุที่เป็นอลัชชี ถึงกลายเป็นหน้าที่ของหมอปลา ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ ทำไมไม่ใช่หน้าที่ของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, มหาเถรสมาคม หรือ แม้กระทั่งตำรวจ ที่ควรเป็นคนที่รับผิดชอบโดยตรง
- และข้อห้า การพยายามปราบพระสงฆ์ที่ทำลายพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งดี ที่ผ่านมาหมอปลาช่วยให้คนไทยตาสว่างขึ้นมากจากหลายๆ เคส แต่แนวทางการจัดฉาก เพื่อให้อีกฝ่ายหลงกลแล้วเอาหลักฐานมาโจมตี มันเป็นวิธีการที่มันล้ำเส้นหรือไม่
17) นี่เป็นกรณีศึกษาที่สำคัญอีกครั้งของสังคมไทย ว่าท่ามกลางกระแสข่าวที่เทไปทางเดียว อาจมีเหตุการณ์เกมพลิกได้ตลอด และการจะดิสเครดิตใคร ต้องมั่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจน และมีเหตุผลรองรับทุกอย่าง เพราะหากได้รับข้อมูลไม่ครบ ก็อาจเกิดเหตุวุ่นวาย ได้เหมือนเคสของหลวงปู่แสงกับหมอปลาในครั้งนี้นั่นเอง