แค่คุณคิดว่า...เรากำลังจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เราก็มักจะมีความกลัวเล็ก ๆ ที่แว๊บเข้ามาในหัว...

 

" เราจะทำได้จริงหรอ เราจะทำได้หรือเปล่า

มันจะมีดีจริงหรือเปล่า ถ้าเราทำไม่ได้ล่ะ ?????"

 

คำถามมากมายเกิดขึ้น และมันทำให้เราต้องมานั่งคิดและชั่งใจอีกครั้ง

ว่าเราควร หรือ ไม่ควร ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

 

แต่สาเหตุที่เรามักจะอยากเปลี่ยนแปลงตัว มันเกิดขึ้นจาก

ตัวเรา ไม่ชอบ ตัวเราเอง

คนอื่น ไม่ชอบ ในสิ่งที่เราเป็น 

หรือแม้แต่...เราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน

 

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ?? วันนี้เรามีกฎ 3 ข้อ

ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองมาฝากทุกคน

 

ข้อ 1 เราไม่จำเป็นต้องใช้สมอง

เพราะบางครั้งการมีสมองเพื่อใช้ความคิดมากเกินไป

ก็ทำให้เราคิดไตร่ตรองรายละเอียดอะไรที่เกินความจำเป็น ยิ่งวางแพลนดีสักเท่าไหร่

สุดท้ายก็กลายเป็นความกังวล และทำให้การเปลี่ยนแปลงตัวเองห่างไกลออกไปทุกที

 

ข้อที่ 2 อย่าใช้ข้ออ้างมีสร้างกำแพง

ฉันทำไม่ได้ เพราะไม่มีเวลา เพราะฉันไม่กล้า เพราะไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไง?

อย่าลืมว่าทุกข้ออ้างที่ผุดขึ้นมาในหัว นั่นคือ สิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง

ไม่มีใคร พังทลายกำแพงที่เราสร้างขึ้นมาได้ นอกจากตัวของเราเอง

 

ข้อที่ 3 อย่ากดดันตัวเองด้วยการคาดหวัง

เมื่อตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จิตใจของเราก็มีแต่เป้าหมาย

จนสุดท้ายก็ไปจบที่คำว่า "ความคาดหวัง"

ถ้าความตั้งใจของเรา ไม่เป็นไปดั่งหวังล่ะ!!! เมื่อนั้นแหละความผิดหวังก็จะตามมา

แล้วทำให้เราค่อย ๆ หมดหวังและล้มเลิกความตั้งใจไปในที่สุด

 

จากกฎ 3 ข้อ ที่พูดไปข้างต้น สรุปสั้น ๆ เลย 

การเปลี่ยนแปลงตัวเอง

"ไม่จำเป็นต้องใช้สมอง ข้ออ้าง และความคาดหวัง"

ถ้ า อ ย า ก ท ำ อ ะ ไ ร   ก็ แ ค่ ล ง มื อ ท ำ

 

ฟังดูแล้วทุกคนอาจจะรู้สึกว่า สิ่งที่เราพูดไปข้างต้น 

ไม่มีความรอบคอบ หรือ ความมั่นคงเอาซะเลย

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะคิดไตร่ตรอง ใช้สมอง ใช้ความคิด หรือวางแพลนดีสักเท่าไหร่

มันก็ไม่ได้มีอะไรเป็นหลักประกันที่แน่นอน

ว่าสิ่งที่เราคิดว่าจะเปลี่ยนแปลง มันจะประสบความสำเร็จเสมอไป

 

ในทางกลับกัน การไม่ต้องคิดอะไรมาก ลองเสี่ยงที่จะลงมือทำเลย 

มันก็อาจจะสำเร็จก็ได้ ถ้าเจอข้อผิดพลาดก็ค่อย ๆ คิด และค่อย ๆ แก้ไขไปเรื่อย ๆ 

ลองผิดลองถูก จนได้ข้อสรุปที่แน่นอน

แล้วลงมือทำไปเรื่อย ๆ จนประสบความสำเร็จ ดูอย่างนักวิทยาศาสตร์สิ ทดลองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

กว่าจะได้ผลงานมาสักชิ้นนึงก็ใช้เวลานานพอสมควร

ถ้าวันนั้นนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นยอมแพ้ โลกของเราคงไม่หมุนมาไกลขนาดนี้ 

 

เมื่อไหร่ที่เราเหนื่อย เราอาจจะหยุดพักได้ นานเท่าไหร่ก็ได้ 

แต่การหยุดพักนั้น ต้องไม่ใช่การล้มเลิก

แต่เราแค่หยุดพัก เพื่อให้ตัวเรามีแรงไปต่อ เท่านั้นเอง

 

ในฐานะที่เจ้าของกระทู้เคยลองใช้วิธีนี้มาแล้ว ขอให้กำลังใจทุกคนที่คิดอย่างจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

หากคุณเชื่อว่าคุณทำได้ คุณก้จะทำมันได้ 

เพราะยังไงซะ จุดหมายก็ไม่เคยทิ้งคนศรัทธา