12 อาหารที่ไม่ควรทานตอนท้องว่าง
1. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด
แม้ว่าผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเหล่านี้จะเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี แต่ก็มีความเป็นกรดอ่อน ๆ (กรดซิตริก, Citric Acid, C6H8O7) ซึ่งสามารถทำร้ายกระเพาะของเราได้หากกระเพาะของเราไม่มีอาหารอยู่เลยในขณะที่เรารับประทานผลไม้รสเปรี้ยวเหล่านี้ กรดจากผลไม้รสเปรี้ยวก็พร้อมที่จะกัดกร่อนกระเพาะอาหารได้ ซึ่งนำไปสู่อาการแสบท้อง ระคายเคืองในกระเพาอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร หรือการอักเสบอย่างรุนแรง
2. กล้วยหอม
กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีธาตุแมกนีเซียม (Mg) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภาวะของโรคหัวใจ เพราะหากมีโพแทสเซียมในเลือดสูงจะมีผลต่อศักย์ไฟฟ้าของเยื่อหุ้มเซลล์ กล้ามเนื้อ ระบบประสาท และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ ส่วนผู้ที่ไม่ได้มีภาวะของโรคหัวใจ ก็ไม่ควรรับประทานกล้วยหอมในมื้อเช้าของวันเช่นกัน เพราะมันจะทำให้ง่วงซึมได้
3. ผักใบเขียว
ผักใบเขียวดูจะเป็นอาหารสุขภาพ และมันก็น่าจะดีต่อสุขภาพหากไม่ได้รับประทานในตอนที่ท้องว่างหรือเป็นมื้อเช้าของวันเนื่องจากหากรับประทานตอนท้องว่างแล้วละก็ อาจจะทำให้รู้สึกเสียดท้อง ท้องอืด หรือปวดท้องได้ เพราะผักใบเขียวมีเส้นใยที่ค่อนข้างหยาบทำให้ย่อยได้ยาก
4. โซดาหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ให้ความซ่า (มีกรดคาร์บอนิก)
โซดาหรือเครื่องดื่มที่ให้ความซ่ามักมาคู่กับกรดคาร์บอนิก ซึ่งเป็นปฏิกิริยาในน้ำอัดลม กรดคาร์บอนิกในเครื่องดื่มเหล่านี้จะเข้าไปผสมกับกรดในกระเพาะอาหาร และเมื่อไม่มีอาหารใด ๆ อยู่ในกระเพาะอาหาร กรดดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะกัดกร่อนผนังกระเพาะอาหาร รวมทั้งเป็นสาเหตุของอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ปวดท้องเนื่องจากมีลมในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ยังนำไปสู่โรคเบาหวาน โรคอ้วน และทำให้กระบวนการเมทาบอลิซึมช้าลง
5. อาหารรสเผ็ด
หากเรารับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดในช่วงกลางวันหรือเย็น มันก็อาจจะช่วยให้สุขภาพดี นอกจากนี้งานวิจัยบางงานยังระบุว่า การรับประทานอาหารรสเผ็ดสัมพันธ์กับการลดลงของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง แต่หากเรารับประทานเป็นมื้อแรกเมื่อท้องว่าง อาหารรสเผ็ดจะกลายเป็นสาเหตุของการกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ระคายเคือง ทำลายน้ำเมือกที่เคลือบกระเพาะอาหารอยู่ และนำมาซึ่งอาการปวดท้องในที่สุด
6. มะเขือเทศ
มะเขือเทศดูจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมันก็เป็นเช่นนั้นหากเรารับประทานมันในเวลากลางวัน เนื่องจากมะเขือเทศมีแคโรตินอยด์สูงช่วยต้านอนุมูลอิสระและมะเร็ง แต่หากรับประทานมันในยามที่ท้องว่าง กรดแทนนิก (tannic) ซึ่งเป็นกรดอ่อน ๆ จากมะเขือเทศ จะกระตุ้นกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการระคาายเคืองและความเจ็บปวด ตลอดจนเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
7. ลูกแพร์
ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยหยาบ ดังนั้น หากรับประทานลูกแพร์ในช่วงเช้า จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก เป็นอันตรายต่อลำไส้เล็ก ซึ่งมันจะดีกว่ามากหากเลือกที่จะรับประทานลูกแพร์ในช่วงกลางวัน เพราะมันประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายจำนวนมาก
8. ของหวานหรือน้ำผลไม้หวาน ๆ ในปริมาณมาก
หากคุณดื่มรับประทานอาหารที่มีรสหวานปริมาณมาก ๆ ในตอนเช้า จะทำให้ตับอ่อนของคุณทำงานหนักขึ้นทั้งที่มันเพิ่งจะตื่นหลังจากพักผ่อนมานานหลายชั่วโมง เนื่องจากต้องผลิตอินซูอินออกมามากเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้เลือดให้เป็นปกติ ส่วนน้ำผลไม้ที่มีรสหวานจัดก็เป็นสาเหตุให้ตับต้องทำงานหนัก จากการเผาผลาญน้ำตาลฟรุกโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่มาจากผลไม้
9. โยเกิร์ต
โยเกิร์ตประกอบด้วยโพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียดีที่ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง แต่ถ้าคุณรับประทานมันตอนท้องว่าง กรดไฮโดรคลอริก ซึ่งกระเพาะอาหารหลั่งออกมาจะทำอันตรายต่อแบคทีเรียได้ จึงเป็นการดีกว่าถ้าจะรับประทานโยเกิร์ตหลังมื้ออาหาร
10. อาหารที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบ เช่น ขนมอบ พัฟฟ์
อาหารที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบสามารถเพิ่มระดับของยีสต์ในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่ปัญหาผื่นบนผิวหนังหรือการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร
11. เครื่องดื่มเย็น ๆ
การดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในตอนท้องว่าง เป็นการลดการไหลเวียนของเลือดในส่วนของระบบย่อยอาหาร ซึ่งส่งผลให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลงและยังมีส่วนทำลายเยื่อเมือกบุผิวในกระเพาะอาหารด้วย
12. กาแฟ
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มในตอนเช้า เพื่อให้รู้สึกตื่นตัว ไม่ง่วงนอนแต่ทราบหรือไม่ว่า การดื่มกาแฟขณะท้องว่างจะไปกระตุ้นการหลั่งของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหารซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้ นอกจากนี้กาแฟยังเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น ควรดื่มกาแฟหลังจกาผ่านมื้ออาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายมีเวลาได้ดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่เสียก่อน