เจ้าอาวาสขี้อิจฉา
หลังพุทธกาล 80 ปี มี อารามแห่งหนึ่ง
มี เจ้าอาวาส และ พระลูกวัดอีก 5 รูป
วัดแห่งนี้ มีกระดุมพี ที่เป็นเศรษฐี
ทำหน้าที่ดูแล อุปฐาก เป็นอย่างดี
เช้าวันหนึ่ง เศรษฐี ได้จัดนำภัตตาคาร
มาถวายพระ ฉันเช้า แล้ว ก็สนทนากัน
ขณะนั้นได้มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง
ได้เดินผ่านมาที่อารามแห่งนี้
เศรษฐีกระดุมพี ใจบุญ เลื่อมใสใน
จริยวัตรของ พระอรหันต์ จึงได้นิมนต์
พระอรหันต์รับภัตตาหาร ทางเจ้าอาวาส
ก็ได้จัดเตรียม ภัตตาคาร ดูแลอย่างดี
ประหนึ่งดูแล พระอาคันตุกะ
หลังจากฉันภัตตาหารเช้าแล้ว
เศรษฐี ยังได้นิมนต์ พระอรหันต์
พร้อม เจ้าอาวาส และพระทุกรูป
ไปฉันเช้า ที่บ้าน ท่านเศรษฐี วันต่อมา
ทำให้ เจ้าอาวาส รู้สึกอิจฉาพระอรหันต์
รูปนี้ " ชิชะ มาไม่ทันไร ก็ถูกใจ เศรษฐีแล้ว
ถ้าขืนอยู่ไปนานๆ เกิดติดใจ เราไม่แย่รึ "
เจ้าอาวาส กลัว เศรษฐี จะสนใจพระ
อรหันต์มากกว่า จึง คิดหาวิธี ไล่
พระอรหันต์ ออกไปจากวัด
พอถึงเวลา เคาะระฆัง ตี 4
เจ้าอาวาส ใช้ เล็บ เคาะระฆัง เกาๆ
" นี่ เราเคาะแล้วนะ ท่านนะไม่ได้ยินเอง "
พอถึงเวลา เจ้าอาวาส ก็ รีบพาพระลูกวัด
ไปยังบ้านท่านเศรษฐี
ในขณะที่ เจ้าอาวาส ไปบ้านเศรษฐี
เจ้าอาวาส ไม่รู้ว่า พระอรหันต์ ออกไป
บิณฑบาต ทางอื่น แล้ว
ทันทีที่มาถึง บ้านเศรษฐี เศรษฐีก็ถาม
เจ้าอาวาส แล้ว พระอรหันต์ ไม่มีด้วยรึ
เจ้าอาวาสจึงใส่ร้ายพระอรหันต์ ว่า
" พระขี้เกียจอย่างนั่น อาตมา เคาะระฆัง
ก็แล้ว ยังไม่ตื่น อาตมา ก็เคยต้องปล่อย "
แต่ เศรษฐี เป็น อริยบุคคล ไม่หลงเชื่อง่ายๆ
ฟัง ด้วย จิตนิ่ง วางอุเบกขา
ท่านเศรษฐี ก็ ถ้าอย่างนั้น เราฝาก
ภัตตาหาร นี้ ไม่ถวายพระอรหันต์ด้วย
ท่านให้ เอาบาตรพระ ไปอบ ให้หอม
อาหารจะได้ไม่เสียง่าย ด้วย
ใส่ ภัตตาคาร ชั้นเลิศ ฝากเจ้าอาวาส
ไปถวาย พระอรหันต์ ทำให้ เจ้าอาวาส
ยิ่ง อิจฉา ขึ้นไปอีก พอถึงกลางทาง
เจ้าอาวาส เท ภัตตาคาร ที่เศรษฐีฝากมา
ให้พระอรหันต์ ทิ้งลงไปในกองไฟ
ทำให้ พระอรหันต์ ไม่ได้รับ ภัตตาหาร
เจ้าอาวาส ทำกรรม อย่างหนักโดยที่
ไม่รู้ตัว ด้วย อำนาจความอิจฉาริษยา
พอกลับถึง วัด พระลูกวัด พากันหนี
ออกจากวัด จนหมด เหลือ เจ้าอาวาส
รูปเดียว เจ้าอาวาส สำนึกในกรรมที่ก่อ
กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนร่างกายซูบผอม
จน มรณภาพ ในที่สุด
ท่านตกนรก ทุกข์ทรมานอยู่นาน
ไปเกิดเป็นหมา 500 ชาติ ทุกชาติ
ไม่เคยได้กินอิ่มเลย แม้แต่มื้อเดียว
ไปเกิดเป็นยักษ์ 500 ชาติ ทุกชาติ
อดอยาก ไม่เคยกินอิ่มเลยสักมื้อเดียว
ไปเกิดเป็นเด็ก จันทาน ทางใต้
หมู่บ้านชาวประมง ตั้งแต่ตั้งครรภ์เด็ก
คนนี้ หาปลาไม่ได้ สักตัว
บ้านไฟไหม้ 7 ครั้ง ถูกทางการปรับ 7 หน
พอคลอดออกมา เด็กคนนี้ หาปลาไม่เคย
ได้ ทำอะไรก็ติดขัด จนทุกคนคิดว่า
เด็กเป็น กาลกิณี จึงขับไล่ ทั้งครอบครัว
ไปอยู่ที่อื่น แถวชานเมืองสาวัตถี
ทำอาชีพขายแป้งโรตี ส่งสุรา ขายไม่ดี
แถมถูกโกงอีก จึงหมดสิ้น เงินทอง
พ่อกับแม่ จึงเอา กะลา ใส่มือลูก
ไปหากินเอาเองนะ ลูก แม่ เลี้ยงไม่ไหว
จากนั้นก็หนี จากไป ทั้ง พ่อแม่
เด็กน้อย เดิน ขอทาน ไปจนถึง
ประตูเมืองสาวัตถี เห็นชาวบ้าน
สาดหม้อข้าว มาข้าวร่วงลงพื้น
เด็กน้อยจึง เก็บกิน ทีล่ะเม็ด
ขณะนั้น พระสารีบุตร กำลังเดิน
บิณฑบาต อยู่ จึงเมตตาสงสาร
นำมาบวช เป็นสามเณร ดูแลอบรม
จน สามเณรเด็กน้อย อายุครบ 20 ปี
ได้บวชเป็นพระนามว่า " โลสะกะ "
วันแรกที่ออกบิณฑบาต
พระสารีบุตร เดินนำ พระอีก 4 รูป
พระโลสะกะ รูปสุดท้ายขบวนเลย
ทันทีที่ ชาวบ้านใส่บาตร พอมาถึง
พระโลสะกะ ข้าวหมด ทำให้ไม่ได้ข้าว
อยู่รูปเดียว วันต่อมา พระโลสะกะ
ก็ ไม่ได้ข้าวอีก จน พระสารีบุตร ผิดสังเกต
จึงให้ พระโลสะกะ จับชายจีวร ท่าน
จับปุ๊บ ชาวบ้าน ไม่เห็น พระมาบิณฑบาต
จึง ไม่ได้ข้าว ทั้งหมดเลย เมื่อเอามือลง
ชาวบ้านก็ "อ้าว ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ "
ทั้ง ๆ ที่ พระ มารอตรงหน้าตั้งนานแล้ว
ทีนี้ ให้ พระโลสะกะ อยู่ กลาง บ้าง
โยม ที่ใส่บาตร มาถึง พระโลสะกะ
จะเห็นว่า ข้าวในบาตร พระโลสะกะ
เต็มล้น ออกมาเลย จึงไม่ใส่ ไปใส่รูปอื่น
แต่ อันที่จริง ไม่มีข้าว สักทัพพีเดียว
พระสารีบุตร ได้มา พิจารณากรรม
แต่หนหลัง ของ พระโลสะกะ เหตุใดจึง
บิณฑบาตไม่ได้ข้าว ก็รู้ว่า เคยเป็น
เจ้าอาวาส ได้ทำลายลาภสักการะ
พระอรหันต์ไว้ กรรมจึงทำให้ ไม่ได้ข้าว
กรรมของ พระโลสะกะ ถ้าเอามือจับบาตร
ภัตตาหารในบาตรจะหายไป
แต่ เรื่องนี้ ก็มีทางแก้ไข พระสารีบุตร
รู้ว่า พระโลสะกะ มีโอกาสนิพพาน
ด้วย บุญที่ ถวายภัตตาหารพระอรหันต์
ในมื้อแรก ถ้าจำได้ ที่ดูแลอย่างดี
กับ บารมีที่บำเพ็ญมา 2 หมื่นปี
พระสารีบุตร จึงอยากช่วยสงเคราะห์ให้
พระโลสะกะ กินอิ่มสักมื้อ ก่อนนิพพาน
ช่วงนั้น เป็นช่วงเลยเพลแล้ว สิ่งที่จะฉันได้
คือ น้ำปานะ จึงให้ ท่านเศรษฐี หาให้
มี เนยใส น้ำอ้อย น้ำผึ้ง ใส่บาตร
ให้ พระโลกะสะ นอนลง อ้าปาก
แล้วก็ เท ภัตตาหารเหลว ลงปาก
อิ่มเป็นมื้อเดียว มื้อสุดท้าย
แล้วก็ นิพพาน ในที่สุด
.....ข้อคิด.....
ความอิจฉา ริษยา เป็นกิเลสอยู่ในหมวด
โทสะ ความโกรธ รวมถึง โมหะ โลภะ
หลง และ โลภ ในลาภสักการะผู้อื่น
จึงต้องสร้างกรรม อย่างหนัก
ทำให้ ชดใช้กรรม อย่างแสนทรมาน
ฉะนั้น ควรละซึ่ง กิเลส ทั้งหลาย
ชีวิตก็จะ พบเจอ ความสุข