ประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายของเกาะสีม่วงชื่อดัง
ประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายของเกาะสีม่วงชื่อดัง
ในปี 2019 เมืองชินอัน (신안군) เมืองทางของจังหวัดชอลลาใต้ได้โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยการทำให้เกาะ 2 เกาะที่เชื่อมกันอย่างเกาะพันวอล (반월도) และเกาะพักจี (박지도) จนกลายมาเป็น "เกาะสีม่วง(퍼플섬)" เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว รวมไปถึงการปลูกดอกไม้สีม่วง เช่น ดอกลาเวนเดอร์และทาสีทุกอย่าง รวมถึงบ้านคนเป็นสีม่วงอีกด้วย
จริงๆแล้ว เมืองชินอันมีชื่อเล่นที่เพราะๆว่า "เกาะเทวดา" ซึ่งอยู่ในจังหวัดจอลลานัมโดเช่นกันค่ะ เนื่องจากว่าเมืองนี้มีเกาะกว่า 1,004 เกาะในขนาดที่ต่างกัน คำภาษาเกาหลี "ช็อนซา (천사 ออกเสียงเหมือนกับคำว่า เทวดา)" ทำให้เมืองนี้มีอีกชื่อว่า "เกาะเทวดา" นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ในสายตาของคนเกาหลีหลายคน ที่นี่คือ "เกาะเทวดาตกสวรรค์","เกาะที่มีแต่เทวดาที่ตายแล้ว" และ "เกาะแห่งโศกนาฏกรรม" ค่ะ เนื่องจากว่ามีการลักพาตัวเด็กและใช้แรงงานคนพิการอย่างไม่เป็นธรรม
ในปี 2004 ในเกาะเล็กๆของเมืองชีนาน มีชายอายุ 65 ปีชื่อจาง คอยทุบตีชายชื่อ คิม วัย 49 ปีอยู่บ่อยครั้ง เพื่อนบ้านโกรธมากและโทรเรียกตำรวจมาเพราะทนดูไม่ไหว เรื่องจริงจึงได้เปิดเผยว่า คิมเป็นแรงงานทาสและถูกขังแบบนี้มากว่า 44 ปีแล้ว
ในปี 1960 ในขณะที่คิมอายุ 5 ขวบและกำลังยืนอยู่ที่สถานีรถไฟมกโพ ในจอลลานัมโด คิมถูกลักพาตัวไปที่โกดังในเมืองชีนาน โดยจางได้พูดหลอกล่อจินว่า "เดี๋ยวลุงจะซื้อของอร่อยๆให้กินนะ" จางอ้างว่า คิมเป็นลูกบุญธรรมของเขา แต่เขาไม่เคยพาคิมไปทำธุรกรรมใดๆที่ถูกกฎหมายหรือลงทะเบียนเลย แถมยังไม่เคยส่งคิมไปโรงเรียนอีกด้วย คิมอยู่ด้วยความหวาดกลัวมาเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าคิมจะแข็งแรงกว่าจาง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหนีออกไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการใช้แรงงานทาสที่เปิดเผยสู่สาธารณชนในปี 2014 ที่ทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนของเกาหลีในขณะนั้น
มีเจ้าของธุรกิจในเมืองชีนานเบี้ยวจ่ายค่าแรงให้คนพิการ 2 คนที่ทำงานให้เขา อีกทั้งจะให้ทำงาน 14 ชั่วโมงต่อวัน แถมยังทุบตีหากพวกเขาไม่ทำงานอีกด้วย "ไค" ที่เกิดมาพร้อมกับโรคสมองทำงานช้า ถูกเอเจนซี่ที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายหลอกและพาไปขายให้โรงงานบนเกาะนี้ในปี 2008 ส่วนอีกคนคือ "จิน" ที่พิการทางการมองเห็น ถูกขายให้กับโรงงานนี้โดยบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในปี 2012 ทั้งคู่มีเวลานอนแค่ 5 ชั่วโมงต่อวัน แต่ต้องทำงานหนักในนาเกลือ ฟาร์ม สร้างบ้านและงานที่ใช้แรงงานอื่น ๆ จินเคยพาไคหนีหลายครั้ง แต่ล้มเหลวทุกครั้ง แถมยังโดนนายจ้างทำร้ายและขู่จะฆ่าอีกด้วย
ในที่สุด จินก็เขียนจดหมายถึงแม่ให้แจ้งตำรวจเรื่องนี้ ซึ่งได้เปิดโปงเรื่องแรงงานทาสในเมืองชีนาน ที่น่าขันคือ สถานีตำรวจอยู่ห่างไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรจากที่เขาอาศัยอยู่และได้รับรางวัล "สถานีตำรวจที่ดีที่สุดที่อยู่บนเกาะ" หลังจากการสืบสวนสอบสวนในทุกนาเกลือทั้งหมดบนเกาะ ได้พบเหยื่ออีกกว่า 63 รายที่ได้ตกเป็นแรงงานทาสเช่นกัน (เป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์เรื่อง Island, Disappeared People (섬. 사라진 사람들) ในปี 2016
จากการคมนาคมที่ยากลำบากทำให้เกาะเหล่านี้กลายเป็นชุมชนปิดไปโดยปริยาย ประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีอายุกันมากขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากรายได้หลักของหมู่บ้านคือการทำการเกษตรและการประมงทำให้ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ทำให้เกิดการลักพาตัวคนจากข้างนอกและบีบบังคับให้แรงงานทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี จนไปถึงการใช้แรงงานเหมือน "แรงงานทาส" นอกจากนี้ เนื่องจากมีการทำผิดมายาวนานทำให้คนในหมู่บ้านช่วยกันปกปิดความผิดนี้ มีคนเล่าว่า เคยพยายามหนีด้วยเรือ แต่กัปตันเรือก็มัดพวกเขาแล้วส่งกลับ อีกรายหนีไปได้ถึงมกโพ แต่คนขับแท็กซี่กลับจับเขาส่งกลับมายังเกาะเช่นกัน
ถึงแม้ว่าบางคนจะหนีรอดไปได้และยื่นฟ้องศาล แต่ศาลก็ยังตัดสินให้นายจ้างชนะคดี เนื่องจากเป็นวิถีของท้องถิ่นนั้น
หลังจากที่เรื่องนี้แดงขึ้นมาในปี 2014 สมาชิกเทศบาลในชุมชนนั้นก็ถูกดำเนินคดีไปด้วยในข้อหาไม่จ่ายค่าจ้างและบีบบังคับใช้แรงงาน ในตอนท้าย ทางตำรวจแห่งชาติของเกาหลีได้สืบค้นเพิ่มเติมและสืบสวนเกี่ยวกับการทำนาเกลือ ฟาร์มและอื่นๆ เกี่ยวกับคนพิการในเกาหลีและพบว่ามีบุคคลถึง 102 รายถูกแจ้งว่าหายสาบสูญ 27 รายไม่สามารถระบุตัวตนได้และอีก 107 รายไม่ได้รับค่าจ้าง
ผู้รายงานข่าวของ KBS TV ได้สัมภาษณ์คนในชุมชนและพบว่า คนท้องถิ่นของเกาะไม่มีจริยธรรมด้านมนุษยชน พวกเขากล่าวว่า พวกเขาได้ให้อาหารและที่พักไปแล้วซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในการตอบแทนแรงงาน ถึงแม้นายจ้างบางคนจะให้ค่าจ้างจำนวนเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ไม่ให้ค่าจ้างเลย บางคนทำงานกว่า 10 ปีโดยที่ไม่ได้รับค่าจ้างแม้แต่น้อยและได้เงินในตอนท้ายแค่ 300,000 วอนเท่านั้น (ประมาณ 8,500 บาท)
นอกจากนี้ ยังมีครูโรงเรียนประถมผู้หญิงที่ถูกส่งตัวไปเกาะฮีชาน เมืองชีนานและถูกข่มขืนหมู่ในปี 2016 นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการปลูกดอกฝิ่นกว่า 1,000 ดอกเพื่อเป็นวัตถุดิบในการทำยาเสพติด จากจำนวนหมู่บ้านขนาดเดียวกัน 69 แห่งที่เมืองชีนานและมกโพซึ่งถือว่าขาดแคลนตำรวจและการคุ้มครองทางกฎหมายที่สุด
ถึงแม้ว่าจะมีการส่งกำลังตำรวจไปเพิ่มในปี 2016 เพื่อพัฒนาด้านความปลอดภัยท้องถิ่นและการท่องเที่ยว รวมถึงพัฒนาภาพลักษณ์ในสายตาคนนอกด้วย แต่ก็ยังมีป้ายเตือนภัยว่า "ผู้หญิงและเด็กอาจถูกฆ่าได้หากอยู่ลำพัง ขอให้ทุกคนที่ออกมาข้างนอกมีคนช่วยคุ้มครองมาเป็นเพื่อนด้วย" อย่างไรก็ตาม ป้ายเตือนภัยได้ถูกถอดออกเนื่องจากมีคำวิจารณ์จากคนในหมู่บ้านปี 2019
ในปี 2019 ทางเทศบาลได้ทำการโปรโมทการท่องเที่ยวแบบรุกคืบด้วยการเพิ่มกำลังตำรวจ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว อย่างไรก็ตาม เราหวังว่าเพื่อนๆ จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินทางเพียงลำพังนะคะ