เปิดที่มาของ "กิมจิ"
เราเชื่อว่า ถ้าพูดถึงกิมจิขึ้นมา ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นอาหารดังของเกาหลีใช่มั้ยคะ? เราจะมาบอกที่มาของการทำกิมจิให้ฟังค่ะ 😉
เนื่องจากประเทศเกาหลีอยู่ในละติจูดกลางไปถึงเหนือ ทำให้ในฤดูหนาวมีอากาศหนาวมาก จนไม่สามารถจะปลูกผักอะไรได้ค่ะ ดังนั้นคนเกาหลีจึงต้องรีบเก็บเกี่ยวผักต่างๆ เพื่อจะที่จะทำการดองก่อนฤดูหนาวมาถึงค่ะ โดยจะนำมาดองและเก็บไว้ใต้ดิน เพื่อที่จะสามารถนำออกมาทานได้ในฤดูหนาวค่ะ นี่เป็นที่มาของวัฒนธรรมการทำอาหารหมักดองนั่นเองค่ะ
ในตอนแรก ผักที่นิยมนำมาทำกิมจินั้นก็คือ ไชเท้า แตงกวาและผักที่เป็นหัวต่างๆใต้ดิน แต่ว่าพอเวลาผ่านไปผู้คนก็เริ่มนำกะหล่ำปลีมาทำเป็นกิมจิมากขึ้นค่ะ
และในตอนแรกนั้นกิมจิ ไม่ได้ชื่อกิมจินะคะ! ตอนแรกเราจะเรียกกิมจิว่า "ชิมแช" ค่ะ (침채) เพราะว่าในช่วงแรกที่ใช้ไชเท้า และแตงกวาในการดองกิมจิ วัตถุดิบเหล่านี้จะจมน้ำลงไปค่ะ แต่ว่าต่อมาในสมัยที่มีการบุกครองเกาหลีของญี่ปุ่น ได้มีการนำเข้าผงพริกป่นต่างๆค่ะ ทำให้มีการปรับแต่งสูตรของการทำกิมจิไปด้วย โดยการลดน้ำและลดความเค็มของกิมจิลงค่ะ
เพราะว่าถ้าหากเราใส่พริกลงไปแล้ว กลิ่นของพริกจะช่วยกลบกลิ่นการดองนานๆ ทำให้ลดเกลือลงไปได้ค่ะ และยังทำให้กลิ่นน่าทานขึ้นด้วยค่ะ และหลังจากนั้นเองทำให้กิมจิเป็นอาหารยอดนิยมและรู้จักกันในวงกว้างมากขึ้นค่ะ
วิธีการดองกิมจินั้นมีการบันทึกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ในสมัยราชวงศ์โชซอน มีการบันทึกไว้ในหนังสือ ดงกุกเซกิ (동국세시기) ของฮง ซอกโมว่า วัตถุดิบในการทำกิมจินั้นก็คือ ไชเท้า กะหล่ำปลี กระเทียม พริกป่น และอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้บอกอีกด้วยว่า อาหารดองเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการเตรียมตัวเข้าสู่หน้าหนาวของทุกๆครอบครัว ⛄
โดยในบันทึกเดียวกัน ได้เรียกกิมจิที่ทำจากไชเท้าไว้ว่า "ทงชิมิ" (동치미) และกิมจิที่ทำจากกะหล่ำปลีว่า "จางกิมจิ"(장김치) ค่ะ🥬
การหมักกิมจิถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของครอบครัวคนเกาหลีเลยค่ะ เพราะว่าหลายๆครอบครัวจะมารวมกันเพื่อหมักกิมจิและพูดคุยกันพร้อมหน้าพร้อมตาค่ะ
ประเภทของกิมจิ
นอกจากกิมจิแบบที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว ยังมีกิมจิประเภทอื่นๆอีกเยอะแยะเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น กิมจิขาว (กิมจิแบบไม่ใส่พริก), กิมจิแบบน้ำ, กิมจิแตงกวา, กิมจิที่ทำจากใบกะหล่ำปลีและอื่นๆอีกมากมายค่ะ จริงๆแล้วทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมา สามารถเรียกว่า "กิมจิ" เฉยๆได้หมดเลยค่ะ แต่ว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่จะนึกภาพเป็นกิมจิใส่พริกที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ
จริงๆในตอนแรกมีการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อกิมจิที่ใส่พริกเป็น "ชินจิ" (辛奇/신치) ด้วยนะคะ แต่ว่าพอตอนขาย สุดท้ายแล้วคนเกาหลีก็ไม่ค่อยยอมรับชื่อนี้เท่าไหร่ ทำให้ขายไม่ดี จึงเปลี่ยนกลับมาเรียกว่า "กิมจิ" เหมือนเดิมค่ะ
ในการหมักกิมจิครั้งหนึ่ง ต้องใช้วัตถุดิบมากกว่า 15 อย่างเลยล่ะค่ะ แต่ถึงแม้ว่าวัตถุดิบแต่ละอย่างนั้นมีรสชาติที่แตกต่างกันอยู่มาก แต่พอหมักออกมาแล้วก็จะมีรสชาติที่อร่อยและมีสารอาหารเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ
ได้มีการวิจัยออกมายืนยันแล้วด้วยล่ะค่ะ ว่ากิมจิมีสารอาหารเยอะมากจริงๆ คนเกาหลีมีความเชื่อว่า กิมจินั้น สามารถช่วยย่อยอาหาร, เพิ่มความอยากอาหาร และอื่นๆได้ ทำให้คนเกาหลีนิยมทานกิมจิมากๆ เรียกว่าต้องทานกันทุกมื้อเลยล่ะค่ะ
เมนูจากกิมจิ
นอกจากการทานกิมจิเป็นเครื่องเคียงแล้ว กิมจิยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้อีกหลายๆเมนูเลยค่ะ แล้วก็เป็นที่นิยมมากๆในเกาหลีด้วยค่ะ ตัวอย่างเมนูเหล่านั้นก็เช่น ข้าวผัดกิมจิ, บูแดจิเก, กิมจิจอน (แพนเค้กเกาหลีใส่กิมจิ), กิมจิรามยอน และอื่นๆอีกมากมายค่ะ
ที่เกาหลี ร้านอาหารเกาหลีหลายๆแห่ง จะเสิร์ฟกิมจิแบบน้ำมาให้ด้วยค่ะ โดยกิมจิแบบน้ำจะมีรสเปรี้ยวกว่าปกติ ซึ่งชาวต่างชาติอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ว่าสำหรับคนเกาหลีแล้ว เป็นเครื่องเคียงที่ช่วยคลายร้อนได้ดีเลยค่ะ
นอกจากนี้กิมจิในแต่ละพื้นที่ของเกาหลีก็ยังมีรสชาติแตกต่างกันออกไปด้วยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ในโซลและจังหวัดคยองกิ ซึ่งจะมีวิธีการทำที่ซับซ้อนและรสชาติที่โดดเด่นมากกว่าค่ะ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากการหมักกิมจิในวัง ส่วนที่คยองกิโดนั้น จะมีการใส่กุ้งและน้ำปลาลงไปด้วยค่ะ💁🏻♀️
ไหนน~ ใครชอบทานกิมจิยกมือขึ้น! ใครชอบแบบไหนเป็นพิเศษมาแชร์กันได้คอมเม้นท์เลยนะคะ
สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน บ๊ายบายค่า