ยูเครน...ผู้ที่เคยกำอาวุธนิวเคลียร์รายใหญ่!
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (24 กุมภาพันธ์) ว่า..
กองกำลังรัสเซียได้ทำลายเป้าหมายทางทหารของยูเครน 74 แห่ง รวมถึงสนามบิน 11 แห่ง
นอกจากสนามบิน 11 แห่งแล้ว เสาบัญชาการ 3 แห่งและสถานีเรดาร์ 18 แห่งสำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธ S-300 และ Buk-M1 ยังถูกทำลายอีกด้วย ตามรายงาน เครื่องบินทหารยูเครนอีก 4 ลำและเครื่องบินไร้คนขับอีก 4 ลำถูกยิงตก
รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนถูกถามในโครงการ CBS 60 Minutes ว่าในปี 2534 ยูเครนเลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์และมอบหัวรบนิวเคลียร์ให้รัสเซียเพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคงของสหรัฐและรัสเซียในความเป็นอิสระของยูเครน
เมื่อมองย้อนกลับไปในวันนี้ คุณคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ การยอมแพ้และส่งมอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นความผิดพลาดหรือไม่? รมว.ต่างประเทศตอบอย่างไม่ลังเลว่า คิดผิด!
เพราะยูเครนเคยเป็นผู้ถือนิวเคลียร์รายใหญ่อันดับสามของโลก
แต่ในปี 2537 สหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะรักษายูเครนให้ปลอดภัย ดังนั้นยูเครนจึงกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ของตน
ยูเครนเชื่อว่าตราบเท่าที่ได้รับการคุ้มครองโดยสหรัฐอเมริกา ความสงบสุขของยูเครนสามารถรักษาไว้ได้ และตอนนี้ยูเครนได้เลิกใช้อาวุธนิวเคลียร์และล้มเหลวในการบรรลุสันติภาพ และประเทศได้รับความเสียหายในวันนี้ ....ยูเครนไร้เดียงสามาก
จากรายงานอย่างเป็นทางการของยูเครน กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธนำวิถี
และขีปนาวุธร่อนเพื่อโจมตีเมืองหลวงเคียฟ ปูตินดูเหมือนจะต้องการยึดครองยูเครนทั้งหมดในคราวเดียว
รัสเซียได้แทรกซึมบุคลากรทางทหารในเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และขณะนี้กำลังปล้นสนามบินเคียฟ
นี่เป็นปัญหาในยูเครน และปูตินก็มีการตอบสนองภายใน
ไต้หวันอาจจะเผชิญกับสถานการณ์นี้ในอนาคตเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือ...หลังจากที่ไบเดนเข้ามาในทำเนียบขาว ตัวปัญหาทั้งตัวใหญ่และตัวเล็กก็เริ่มเคลื่อนไหว
กลุ่มฮามาสเปิดตัวจรวดตัวใหม่ และกลุ่ม IS ก็ฟื้นคืนชีพ จากนั้นอิหร่านตัวน้อยๆก็เริ่มเข้ามาท้าทายอีกครั้ง