หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

โรคหนองใน Gonorrhoea

โพสท์โดย แสงระวี

สถานการณ์ความไม่ปกติในปัจจุบันนี้ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะโรคติดต่อ ทั้งนี้เราพบว่าความสัมพันธ์ของคู่รักเอง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการติดต่อของเชื้อได้สูงถึง 49 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีสาเหตุมาจากอะไร เกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัยใด วันนี้เราก็พร้อมที่จะพาคุณไปไขคำตอบที่คุณต่างก็คาใจอยู่ไม่แพ้กัน

โรคที่ติดตอที่ได้กล่าวไว้ว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้นส่งผลหรือมีแนวโน้มที่จะได้รับการติดต่อของเชื้อ ซึ่งเชื้อที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 1 เลยคือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือที่คุณเองก็เคยได้ยินผ่าน ๆ มาบ้าง คือ โรคหนองในแท้และหนองในเทียม ที่ได้รับเชื้อมาจาก แบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria gonorrhoea  เชื้อนี้สามารถทำให้เกิดโรคเยื่อเมือก เช่น เยื่อเมือกในท่อปัสสาวะ  เยื่อบุมดลูก ช่องคลอด ทวารหนัก เยื่อบุตาและ คอ  โรคเหล่านี้สามารถพบได้ในหนองในแท้ แต่ในหนองในเทียม จะมีผลทำให้เกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของโรคอื่นมากกว่า

ในภาวะของการเกิดโรคหนองในที่พบมากที่สุด คือ ช่วงปี พ.ศ. 2543-2544 (ค.ศ. 2000-2001)พบว่าผู้ที่มีอายุ ตั้งแต่ 25-33ปี มีจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคหนองใน หลังจากนั้นเราก็พบอีกว่าในปีพ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) พบว่าผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเดิมยังคงที่อยู่ แต่ทีเพิ่มขึ้นนั้นเป็นกลุ่มที่มีอายุ15-23 ปี ที่ถือว่าสูงกว่ากลุ่มเดิมมาก ทำให้มองเห็นว่าการระบาดของโรคนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมากจากอดีต และยังหมายรวมถึงพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นมากขึ้นในผู้ที่มีอายุยังน้อย

ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อการมีเพศสัมพันธ์ในชายที่ร่วมหลับนอนกับหญิงที่ติด  Neisseria gonorrhoea   โกโนเรีย โอกาสของการได้รับเชื้อคือ 30-40เปอร์เซ็นต์ แต่หากเป็นหญิงที่ร่วมหลับนอนกับชายที่มีเชื้อ โอกาสของการติดเชื้อนั้นคือ 80เปอร์เซ็นต์

อาการที่เกิดการติดเชื้อ

เชื้อแบคทีเรียนี้มักจะกระจายเชื้อไปในท่อปัสสาวะ, ปากมดลูก, ทวารหนัก และลำคอของผู้หญิง และในผู้ชายเชื้อจะกระจายไปในท่อปัสสาวะ

อาการในชาย: ผู้ป่วยมีปัสสาวะติด ๆ ขัด ๆ ร่วมกับมีหนองสีเหลืองไหลจากท่อปัสสาวะ บางกรณีมีการลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก และท่อนำเชื้ออสุจิ  

อาการในหญิง: มีอาการแช่นเดียวกันกับผู้ชาย คือ ปัสสาวะขัด  ซึ่งเชื้อก็อาจจะลุกลามไปยังปีกมดลูก และมดลูก ส่งผลให้มีการอักเสบ และโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้

ส่วนในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ผลต่อทารกที่จะเกิดมา คือ การอักเสบบริเวณดวงตาที่เกิดจากการได้รับเชื้อจากแม่สู่ลูกนั่นเอง

สาเหตุของการติดเชื้อหนองใน

การขาดความรู้ในการป้องกัน, การมีคู่นอนมากกว่า 1

สัญญาณเตือนของการติดเชื้อหนองใน

ในกรณีที่มีอาการปัสสาวะติดขัด ร่วมกับมีอาการแสบหรือปวด มีผืนขึ้นช่วงบริเวณอวัยวะเพศ ก็แนะนำว่าให้พบแพทย์ในทันที  หรือรู้สึกตัวเองว่ามีความผิดปกติควรที่จะพาแฟนหรือสามี ภรรยา เข้ารับการรักษาร่วม เนื่องจากอาการของโรคนี้นอกจากจะเป็นแล้วยังสามารถรักษาให้หายได้ แต่โอกาสในการกลับมาเป็นก็มี

วิธีการรักษา

วิธีการที่ใช้ได้ผลเลยคือ การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ แต่บางจุดเชื้ออาจดื้อยา หากว่าได้รับการรักษาแล้ว แต่เห็นว่าผลไม่ดีขึ้นหรือหายช้า แนะนำให้กลับไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาใหม่อีกครั้ง

ภาวะแทรกซ้อน

สำหรับอาการของผู้หญิงที่มีโรคหนองในและมีน้ำหนองไหลจากท่อปัสสาวะด้วย อาการร่วมที่จะพบคือ ตกขาว ขัดเบา ปวดท้องน้อย มีไข้ขึ้นสูง อาจเนื่องมาจากปีกมดลูกหรือมดลูกอักเสบชนิดเฉียบพลัน ควรรีบพบแพทย์ให้ไวที่สุด เพราะเชื้อที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ตามมาด้วย เช่น โรคเอดส์

ดังนั้นแล้วคุณจะเห็นได้ว่าอุบัติของการเกิดโรคติดต่อนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย และสามารถพบโอกาสของความเสี่ยงได้ด้วยสูง วิธีที่ดีที่สุดคอยสังเกตตัวเองและคู่นอนของคุณด้วยว่าจะมีโอกาสของการได้รับเชื้อนี้หรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่หลับนอนมากกว่า 1 และผู้ที่อยู่ในภาวะการตั้งครรภ์

Reference

  1. Glass N, Nelson HD, Villemyer K. Screening for Gonorrhea: Update of the Evidence for the U.S. Preventive Services Task Force. Rockville, MD: Agency for Healthcare Research and Quality; 2005.

 

  1. Bovre K. Family VIII. Neisseriaceae Prevot, In NR Krieg (ed.). Manual of Systematic Bacteriology, vol. 1. The Williams & Wilkins Co., Baltimore. 1984. p. 288-309.
  2. Knapp JS, Rice RJ. Neisseria and Branhamella. In. Murray PR, Baron EJ, Pfaller MA, Tenover FC, Yolken RH. (ed.). Manual of Clinical Microbiology. 6th ed. American Society for Microbiology, Washington D. C, 1995.
โพสท์โดย: แสงระวี
อ้างอิงจาก: pixabay
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
แสงระวี's profile


โพสท์โดย: แสงระวี
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!เกมพลิก!! เมื่อหนุ่ม ๆ เเอบเเม่ไปหาปลา เกือบโดนด่า เเต่พอเห็นลูกได้ปลาตัวใหญ่กลับบ้าน เสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะเเม่เกิดเหตุม้วนเหล็กกลิ้งทับคนตายลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
รีวิวหนังสือ ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเองtorment: ทรมาน ระทมทุกข์"Colosseum" โคลอสเซียม ณ อิตาลีenhance: เสริม ยกระดับ ทำให้มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่