(สปอยเต็ม 4/4) จากคนไร้บ้าน.. กลายเป็นคนรวยหุ้นนับล้านเหรียญ
ก็มาต่อในโพสสุดท้าย ของภายนตร์มาแบบสปอยเต็มในเรื่อง "ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้" กับเรื่องราวชีวิตจริงของ คริน การ์เนอร์ ผู้ที่ชีวิตตกต่ำจนถึงขีดสุด และใช้ความย่ำแย่ตรงนั้น มาเป็นแรงดีดให้กับชีวิตจนสร้างทุกอย่างได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หากใครยังไม่ได้ชมตอนที่ 1-3 ก็ตามลิงค์ข้างล่างเลยครับ
(1/4) สปอยเต็ม - https://board.postjung.com/1362853
(2/4) สปอยเต็ม - https://board.postjung.com/1363087
(3/4) สปอยเต็ม - https://board.postjung.com/1363584
วันถัดมา ตัวของคริสก็เริ่มหาห้องพักฟรี จากตามโบรถ์ต่างๆ ที่ได้จัดไว้ให้คนจรจัด โดยแต่ละวันจะรับจำนวนจำกัด ใครไปถึงก่อนก็จะได้ก่อน
โดยวันแรกที่ไปนั้น ก็แอบโดนลัดคิว แต่ก็มีคนอื่นช่วยพูดว่าคริสเองโดนลัดคิวจริงๆ และนั้นจึงทำให้คืนนั้นเขาได้ห้องพักในที่สุด
ซึ่งในแต่ละวันตอนนี้ ปกติคนอื่นจะทำงานกลับกันตอน 6 โมงเย็น แต่คริสเองกลับต้องกลับจากที่ทำงานช่วง 4 โมง เพื่อจะรีบไปต่อคิวหาห้องพักให้ได้ โดยในวันหนึ่งขณะที่เร่งรีบ ลูกชายของเขาก็ทำตุ๊กตากัปตันอเมริกาหล่น แต่คริสกลับไม่สนใจจะหันหลังกลับไปเอาให้ลูก
ทำได้แต่มองและปลอบลูกที่ร้องไห้ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ห้องพักในคืนนี้ โดยที่ชีวิตของเขาก็ยังเป็นอย่างนั้นไปอีกหลายวัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ แววตาของลูกและเงินในกระเป๋าที่แทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว เขาตัดสินใจไปขายเลือดให้กับโรงพยาบาลเพื่อเอาเงินจำนวนน้อยนิดเท่าที่มีไปซื้ออุปกรณ์ซ่อมเครื่องแสกนกระดูกที่ยังพังอยู่
และคืนนี้เมื่อเขาได้เข้าคิวได้ห้องพัก แต่เขากลับใช้ไฟทางเดินเพื่อต้องการจะซ่อมเครื่องแสกนกระดูกให้เสร็จ และเขาก็สามารถซ่อมได้ในที่สุด
วันถัดมาคริสได้นำเครื่องแสกนกระดูกเครื่องสุดท้ายที่มีไปขายอีกครั้งและกลับขายได้ โดยที่ลูกชายก็ถามว่า ทำไมวันนี้เราไม่รีบไปต่อแถวเข้าคิว เขาก็บอกว่า..นานๆ เราก็นอนโรงแรมดีๆ กันสักคืนก็ดีเหมือนกันนะ ก่อนจะพาลูกไปเที่ยวหาซื้ออะไรกินและเข้าห้องพักในโรงแรมในที่สุด
วันถัดมา เจย์ก็เข้ามาทักทาย และบอกว่า วันนี้จะเป็นวันอบรมวันสุดท้ายแล้ว ก็หวังว่านายคงจะโชคดีได้รับเลือกนะ แต่ถ้าไม่ ก็ขอทักทายและกล่าวโชคดีให้กับนายในวันนี้เลย ขอให้นายทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่นายพอจะทำได้...
พอตกบ่ายวันนั้น ทางคณะผู้บริหารก็ได้เรียกคริสเข้าไปคุย และก็ถามว่าเหนื่อยไหมกับ 6 เดือนที่ผ่านมา คริสเองก็บอกว่าเหนื่อยมาก เขาเองก็ต้องต่อสู้กับอะไรหลายๆ อย่างจนตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ผู้บริหารก็ถามว่า ชอบสูทตัวนี้ไหม.. ฉันว่ายังไงๆ มันก็คงเหมาะกับชุดทาสีของนายมากกว่านะ คริสก็บอกว่าชอบครับ แต่ผมอาจจะใส่วันสุดท้ายแล้วละมั้ง... ผู้บริหารก็เลยบอกว่า ทำไมเป็นแบบนั้นละ ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้นายจะใส่ชุดทาสีห้องมาอีกนะ.. ขอต้อนรับเข้าทีมด้วยนะคริส พรุ่งนี้นายก็ใส่สูทมาเหมือนเดิมเลย นายได้รับการคัดเลือกนะคริส
และคำตอบนั้น เราจะได้เห็นรอยยิ้มของคริสที่แทบไม่เคยเห็นเลยในช่วงหลายครั้งที่ผ่านมา คริสจับมือกล่าวทักทายทุกคนด้วยน้ำตา และเดินออกมาท่ามกลางผู้คนรอบกายมากมาย แต่ความรู้สึกมันก็ตื้นตันจนไม่รู้จะบอกกับใครได้ ทำได้แค่เดินปรบมือไป ยิ้มหัวเราะสะใจอยู่คนเดียวในวันนั้นอย่างเดียวดาย
จากนั้นก็รีบตรงไปหาลูกชายทันที พร้อมกับโอบอุ้มลูกชายไว้
หลังจากนั้น ชีวิตของคริสก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว มีบ้านอยู่ในย่านคนมีเงิน และมีทรัพย์สินนับหลายล้านดอลล่าห์ และเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในตลาดค้าหุ้นที่ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เขามีเงินจำนวนมหาศาล และความสำเร็จได้.. จากความมุมานะ และความพยายามของเขาได้ในที่สุด และหนังก็เป็นอันจบไป
ก็จบลงไปแล้วนะครับ กับภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า "ยิ้มไว้ก่อน พ่อสอนไว้" เป็นภาพยนตร์ที่ทำมาจากเรื่องจริงของ คริส การ์เนอร์ ผู้ที่ถูกชะตาสอนสั่งกับภาวะจมดิ่งของชีวิตที่แทบจะไม่เหลืออะไร นอกจากศรัทธา และ ลูกชาย ที่คอยหล่อหลอมให้คริสคอยสู้อย่างหลังชนฝา และนั้นก็คือชัยชนะที่เขาสมควรได้รับ หากเพื่อนๆ กำลังรู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะภาวะเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว จงรับรู้ไว้นะครับว่า บนโลกใบนี้ ยังมีอีกหลายล้านคนที่กำลังสู้กับเรื่องพวกนี้ คุณไม่ได้สู้อย่างลำพัง ช่องแมงวันมูวี่ก็พร้อมจะเดินไปกับคุณผู้ชมทุกคนนะครับ สำหรับคลิปนี้ก็คงต้องลาไปแล้ว ไว้พบเจอกันใหม่ในคลิปหน้า ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ วันนี้ขอลาไปก่อน.. สวัสดีครับ