(สปอยเต็ม 3/4) ไม่มีที่ซุกหัวนอน พาลูกมานอนในห้องน้ำสาธารณะ
สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งที่ช่องแมงวันมูวี่นะครับ สำหรับคลิปนี้ ก็ต่อจากตอนที่แล้วกันเลยนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ยังไงฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ แล้วเราไปรับฟังกันเลยครับ
วันถัดมาครับ คริสเองก็ต้องย้ายที่พักใหม่ ไปหาห้องพักที่ถูกกว่า โดยให้เพื่อนคนหนึ่งขับรถไปส่ง จากนั้นก็ออกไปทำงานโดยพาลูกไปด้วย ก็พาลูกไปเล่นบาสสักหน่อยเพราะลูกชายของคริสนั้นชอบเล่น
แต่คริสก็บอกว่า... ลูกเองจะเอาชีวิตของตัวเองมาโยนบอลอย่างเดียวไม่ได้นะ ลูกต้องมีเป้าหมายด้วย เล่นเอาลูกถึงกับเซ็งไปเลย เพราะความหมายของคริสที่เอ่ยออกมาคงประมาณว่าไม่อยากให้เสียเวลากับการมาเล่นอะไรแบบนี้
คริสเองก็เห็นว่าลูกนิ่งไป ก่อนจะรู้ตัวว่า ตัวเองไม่น่าพูดอะไรออกไป และพูดกับลูกว่า.. จำไว้นะลูก อย่าให้ใครมาบ่งการเรา ว่าเราทำนั้นไม่ได้ ทำนี่ไม่ได้ คนที่เขาพูดอย่างนั้นส่วนใหญ่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ถ้าลูกมีความฝัน ลูกจงไปคว้ามันมา ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยแค่ไหน และเราก็ต้องทำให้ได้
เรียกได้ว่าเป็นคำสอนที่ดีมากๆ และวันนั้นก็น่าจะดวงเฮง ที่เขาเองสามารถขายเครื่องแสกนกระดูกได้ ต่อลมหายใจไปได้อีกเดือนเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น คริสเองไปที่สำนักงานค้าหุ้น เนื่องด้วยวันนี้จะเป็นการอบรมครั้งแรก ซึ่งต่อจากนี้ 6 เดือนจะเป็นการวัดใจ ว่าเราจะทำได้หรือไม่ โดยเขามีหนังสือให้ 1 เล่ม แจ้งผู้อบรมว่า คุณต้องอ่านมันเยอะๆ ทุกเวลา
พอพักเที่ยง คริสเองก็ออกมาหาอะไรกินโดยเจอกับประธานก็ทักทายกันตามประสา แต่คริสกับหันไปเจอเครื่องแสกนกระดูกของเขาจากชายแก่คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องที่เขาทำหล่นไว้ตอนหนีคนขับแท็กซี่ คริสเองจึงรีบวิ่งตามทันที แต่ก็กลับโดนรถชนจนรองเท้าหายไปข้าง และก็คาดสายตากับชายแก่คนนั้นในที่สุด
วันถัดมา คริสเองก็โทรหาลูกค้า ว่ามีใครสนใจลงทุนบ้าง แต่ก็มักโดนปฏิเสษ จนเขามองเห็นเบอร์ของ ซีอีโอ รายหนึ่ง
จึงลองเสี่ยงโทรหา เขาจึงตอบกลับมาว่า "..นายพอจะว่างมาหาไหมล่ะ ฉันพอจะมีเวลาว่างสัก 20 นาที" เรียกได้ว่าโอกาสของคริสกำลังจะเริ่มขึ้นตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากอาคารเพื่อจะไปตามนัด แต่กลับเจอหัวหน้าฝ่ายอบรมและบอกคริสว่า "ช่วยไปขยับรถให้ผมหน่อยได้ไหม"
ซึ่งช่วงที่คริสอบรมนั้น ส่วนใหญ่หัวหน้าฝ่ายอบรม ชอบใช้ให้คริสซื้อกาแฟ ซื้อข้าว ขยับรถ ทำนั้นทำนี่ ซึ่งคริสเองก็ต้องทำด้วยความเกรงใจ แต่หนนี้คริสเองก็อยากปฏิเสษ แต่หัวหน้าฝ่ายอบรมกับยื่นกุญแจให้ แล้วบอกว่า ออกแรงหน่อยนะ รูกุญแจไม่ค่อยดี แล้วก็เดินชิ่งไปทันที คริสเองก็พยายามเปิดประตูรถ และคิดว่า น่าจะเอารถของหัวหน้าไปตามนัดลูกค้าก่อน กว่าจะวนหาที่จอดได้ก็ใช้เวลาพอควร จนเขารีบวิ่งต่อ เมื่อมาถึงก็รู้ว่า มาไม่ทันแล้ว แถมรถที่คริสนำไปจอดกลับโดนใบสั่งด้วย
ตกเย็นลูกชายถามว่า พ่อจะเซ็นเช็คจ่ายค่าปรับทำไม เราไม่มีรถแล้วนะพ่อ แต่คริสเองก็บอกว่า พ่อเอารถคนอื่นไปใช้งานมา ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ..
พอวันรุ่งขึ้น คริสเองก็พาลูกชายไปที่บ้านของซีอีโอที่นัดเขาไว้เมื่อวาน เพื่อแวะไปขอโทษที่เขาไม่สามารถไปตามเวลาได้
แต่ซีอีโอดังกล่าวก็ไม่ได้ติดใจอะไร แถมกำลังจะพาลูกชายไปดูบอลด้วย คริสเองก็บอกว่าเขาเองก็กำลังจะไปเหมือนกัน ซีอีโอดังกล่าวเลยชวนไปด้วยกัน เพราะเขามีบล็อควีไอพี จึงชวนคริสและลูกชายไปด้วยกันทันที และการไปหนนี้ ทำให้คริสรู้จักเจ้าของธุรกิจมากมาย คริสจึงใช้โอกาสว่างๆ คุยกับซีอีโอว่า สนใจจะลงทุนค้าหุ้นกับบริษัทเขาไหม
ซีอีโอบอกว่า มองดูก็รู้ว่าคริสยังเป็นมือใหม่ เรื่องนั้นเอาไว้ให้เหมาะสมกว่านี้ก็แล้วกัน วันนี้ มาดูบอลให้สนุกกันดีกว่านะ เมื่อดูเสร็จ ก็กลับมาด้วยกัน ก่อนจะขอแยกตัวออกไป แต่พอกลับมาถึงบ้านกลับรู้ว่า คริสเองโดนค่าภาษีย้อนหลังเยอะมาก จนเงินที่มีต้องจ่ายไม่เหลือสักเหรียญ คริสเลยพาลูกออกไปทวงเงินเพื่อนคนหนึ่ง ที่เคยติดคริสไว้ 12 เหรียญ เพราะนั้นน่าจะเป็นเงินสุดท้ายที่คริสมี แต่เพื่อนกลับบอกว่า ค่าขับรถไปส่งวันนั้นไง ฉันไม่มีให้แกแล้ว เล่นเอาคริสหัวเสียก่อนจะพาลูกออกมา
ในขณะที่พาลูกเดินเล่นสวนสาธารณะ คริสเองก็ดันไปเจอชายชรา ที่ถือเครื่องแสกนกระดูกเข้าอีกครั้ง จีงรีบวิ่งเอาคืนทันที
โดยที่ชายชราคนนั้นบอกว่า "นี่มันเครื่องไทม์แม็กชีนใช่ไหม.. นายจะเอาเครื่องไทม์แม็กซีนไปไหน พาฉันย้อนเวลาไปด้วย คริสเลยเอาเครื่องนั้นคืนแล้วพาลูกกลับทันที ลูกเองก็ถามพ่อว่า .. ทำไมเขาคิดว่าเป็นเครื่องไทม์แม็กซีนครับ
คริสเองก็ง่วนทำความสะอาด เพื่อจะทำไปขาย โดยบอกลูกว่า เขาน่าจะติดอยู่กับอดีตมากจนเกินไป.. จากนั้นคริสก็นำเครื่องไปขายกลับพบว่า เครื่องมันเปิดไม่ติด คุณหมอก็บอกว่า เขาเองก็ไม่มีเวลาเพราะมีนัด ไว้เครื่องติดแล้วค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน
คริสจึงพาลูกกลับบ้าน แต่กลับพบว่า ข้าวของของคริสถูกนำมาวางไว้หน้าห้อง และล็อคประตูไว้ เนื่องจากคริสเองยังค้างค่าเช่า คริสเองก็รู้สึกย่ำแย่มากกับปัญหาที่ถาถมเข้ามา จึงบอกลูกว่าเราจะไปข้างนอกกัน
แต่ลูกคริสบอกว่าอยากนอน อยากเข้าห้อง คริสเองก็หัวเสีย แล้วตะคอกลูกไป 1 ที ก่อนจะพากันมาที่ลานรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งตอนนี้ บรรยากาศของพ่อลูกเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งคริสเองก็รู้สึกไม่ดีที่ว่าลูก ...
จึงบอกลูกว่า จริงๆ แล้วเครื่องนี้เป็นเครื่องไทม์แมกซีนด้วยนะ ถ้าเรากดปุ่มตรงนี้.. อยากกดดูไม๊ลูก ลูกชายก็เห็นว่าพ่อคุยดีด้วยก็เลยสงสัยว่ามันเป็นเครื่องย้อนเวลาจริงๆ เหรอ คริสเลยให้ลูกเข้ามาใกล้ๆ เพื่อกดปุ่มดู เมื่อกดปุ๊บ คริสก็มโนว่า มีไดโนเสาร์เต็มไปหมดเลย เล่นเอาลูกงง และเล่นมุขตามไปด้วย คริสบอกว่า เราอยู่ตรงนี้กันไม่ได้แล้ว เราต้องหาที่ซ่อน
จึงพาลูกวิ่งไปที่ห้องน้ำในรถไฟใต้ดิน ก่อนจะล็อคห้องแล้วให้ลูกนอนหนุนตักเขาในห้องนั้น พอสักพักมีคนเหมือนจะพยายามเข้ามา แต่คริสก็ล็อคห้องแล้วยันประตูไว้ พร้อมกับร้องไห้ออกมาเงียบๆ กับชีวิตที่ตกต่ำถึงขนาดพาลูกมาแอบนอนในห้องน้ำสาธารณะแบบนี้
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับโพสที่ 3 ของเรา เกี่ยวกับประวัติของ คริส การ์เนอร์ กับชีวิตที่ตกต่ำถึงขนาดไม่มีที่ซุกหัวนอน จนต้องพาลูกมานอนในห้องน้ำสาธารณะ ดังนั้น ใครที่ดูคลิปนี้อยู่ บอกได้เลยนะครับว่า ตอนนี้ คุณเองไม่ได้โดดเดียวตามลำพัง ยังมีคนอีกนับล้านตอนนี้ ที่ต้องต่อสู้ ทุกข์ทนต่อความยากลำบาก ผมก็ขอให้หนังเรื่องนี้ ส่งต่อเป็นพลังให้กับทุกคนด้วยนะครับ.. ฝากกดติดตามเป็นกำลังใจของช่องผมด้วยนะครับ