Postjung's what if.. โลกอวสานจากการค้นพบว่ามิติที่ 5 มีอยู่จริง ทุกคนไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไป!
จะเกิดอะไรขึ้น หาก โลกค้นพบ มิติที่5 มีอยู่จริง!
เราได้เห็น marvel's what if.. แอนนิเมชั่นสุดแปลกใหม่กันแล้ว วันนี้เรามาพบกับ what if เวอร์ชั่นของ postjung กันบ้าง
หากพูดถึงมิติที่ 5 หลายคนอาจคุ้นหูแต่หลายคนยังไม่เข้าใจแน่ชัดว่ามันคืออะไร เพราะเคยได้ยินแค่ มิติ ที่ 3 หรือที่ 4 เป็นต้น
มิติถูกนิยามในหลายความหมายหนึ่งในนั้นคือขอบเขตการรับรู้ โดยส่วนใหญ่อ้างอิงจากมนุษย์เรานี่เอง เริ่มจาก
มิติที่ 0 คือ จุด ไม่ทีทิศทางคือนิ่งๆ ยกตัวอย่างเช่น เอกภพก่อนเกิดบิ๊กแบง
มิติที่ 1 คือ เส้นตรง มีทิศทางแค่แนวราบ
มิติที่ 2 คือ รูปร่าง ที่มี กว้าง * ยาว
มิติที่ 3 คือ รูปทรง กว้าง * ยาว * สูง.
และ มิติที่ 4 คือ เวลา คนที่ศึกษาฟิสิกส์ทุกคนจะคุ้นกันดี มันคือสิ่งที่ทำให้มิติทั้งหมดที่กล่าวมา มีตัวตนขึ้นมาได้ ไม่งั้น ทั้งหมดจะอยู่นิ่งหรือไม่มีตัวตนอยู่เลยก็เป็นได้ ว่ากันว่า อวกาศกับเวลาคือสิ่งเดียว นี่คือเหตุผลว่า ทำไม สิ่งที่อยู่นอกจักรวาลมันไม่มีนิยามอะไรเลย
เอาล่ะ มาถึงมิติที่ 5 มันคืออะไรล่ะ? หลายคนคงเคยได้ยินบาง ทฤษฎีมีมิติกว่า 16 มิติ แต่มิติเหล่านั้นเป็นแค่ตัวเลขที่ใส่เข้าไปเพื่อให้สมการสวยงามและมีผลลับเป็นไปตามที่ทฤษฎีนั้นคาดการเท่านั้น แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง ทฤษฎี สตริง ที่สมมุติว่า อนุภาคคือแค่การสั่นอยู่ข้างใน. ซึ่ง คนคิดทฤษฎีเองก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งว่าแต่ล่ะ มิติที่สูงขึ้นไปๆนั้นมันคืออะไร หลายคนอาจบอกว่าเคยเจอคลิปในยูทูป ที่อธิบายแต่ละมิติ คลิปพวกนั้นเป็นเพียงแต่จิตนาการของคนทำคลิปเท่านั้น.
แต่สำหรับที่มิติที่ 5 นั้น เนื่องจากไม่ได้เป็นสิ่งที่สูงเกินกว่าที่สมองมนุษย์จะจินตนาการได้ เราจึงคุ้นเคยกับมันอยู่บ้าง. แล้วมันคืออะไรล่ะ พูดง่ายๆให้เข้าใจคือ หากมิติที่4 คือหนังเรื่องหนึ่งและเราคือตัวละครในนั้น มิติที่5 คือ คนที่กำลังดูหนังเรื่องนั้นและเขาสามารถดูช่วงใหนของหนังก็ได้. นี่แค่การยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นภาพ แต่ความจริงแล้ว มุมมองจากมิติที่ 5 คือ คุณจะอยู่ในทุกๆจุดทุกเวลาของเอกภพ ตั้งแต่ เกิดบิ๊กแบง จน ช่วงเวลาได้เวลาหนึ่งที่ยังคงมีกาลอวกาศอยู่ คุณจะเห็นและรับรู้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ.
แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ยังไม่ใช่พระเจ้าอยู่ดี เพราะถ้ามีมิติที่เหนือกว่าอย่าง มิติที่ 6 ที่ว่าด้วยเรื่องของ เอกภพปริภูมิ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ เอกภพกาลอวกาศเดียว มันคือเอกภพที่นับไม่ถ้วน หรือ multiverse นั่นเอง.
แต่ทำไม แค่มิติที่ 5 ก็สามารถทำให้โลกปั่นป่วนได้ และทำไมถึงใช้คำว่า what if. อันแรกก่อน การที่เราสามารถค้นพบมิติที่ 5 ได้นั้น มันจะเป็นการพิสูจน์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล ถูกกำหนดใว้หมดแล้ว เหมือนหนังสื่อ หน้าแรกคือบิ๊กแบงและหน้าสุดท้ายคือจุดจบของจักรวาล. จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทุกคนบนโลกรู้ว่า ทุกอย่างโดนกำหนดให้แล้ว โลกจะวุ่นวายขนาดไหน มายเซทต่างๆของคนบนโลกจะต้องเปลื่ยนไปอย่างมาก และมันอาจจะกลายเป็นจุดจบของโลกได้ หากมีจำนวนคนคลั่งที่มากพอจากได้รับรับรู้เรื่องดังกล่าว. ส่วนการที่เราใช้คำว่า what if.. นั้นเพราะว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะค้นพบมติที่ 5 แบบรูปประธรรม เพราะสิ่งต่างๆรอบๆตัวไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะกฏทางฟิสิกส์ เรื่องของความเร็วแสง นั่นเอง หากเราไม่สามารถข้ามขีดจำกัดข้อนี้ได้ เราก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากกาลอวกาศหรืออยู่เหนือกาลเวลาไปสู่มิติที่ 5 ได้เลยครับ.
.
มิติที่ 5 ที่ถูกนำมาแปลงเป็น มิติที่ 4 จากภาพยนตร์ดัง สังเกตว่านี่คือแค่เหตุการณ์เดียวสถานที่เดียว ถ้ามิติที่ 5 เต็มรูปแบบมันคือ ทั้งเอกภพของเราเลยล่ะครับ
..