วันหนึ่งฉันไม่เหลือใคร...
ในชีวิตประจำวันที่มีคนหลายๆคนล้อมรอบตัวเรา หลายๆสิ่งมีชีวิตนั้นประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ย่า ตายาย เพื่อน ป้า น้า อา การอใช้ชีวิตอยู่กับหลายๆคนเหล่านี้มันไม่ง่ายเลย จริงๆ บางวันก็มีเสียงด่า ทะเลาะ เรื่องของสามีภรรยา ต่างๆ นานาจนนับไม่ถ้วน กับเรื่องราวร้ายๆหลายๆเรื่องที่พวกเขาก่อขึ้นแต่กลับเป็นตัวเราเองที่ชดใช้กรรมแทนพวกเขา ดูพวกเขาจะมีความสุขกับสิ่งๆนี้มากๆเลย การได้ด่า ได้ว่า ได้ใช้เราอย่างเหมือนไม่ใช่ลูกหลานพวกเขา
ตั้งแต่เด็กเราก็ถูกเอาเปรียบมาโดยตลอด ถูกป้ายืมเงิน อายืมเงิน ลูกสาวของป้ายืมเงิน และถูกพ่อแม่เลี้ยงเหมือนที่จะให้ใช้ชีวิตให้ได้แย่กว่าลูกของญาติพี่น้องพวกเขา ด้วยความรักพี่รักน้องของพ่อกับแม่ ทำให้ชีวิตคนที่เป็นลูกอย่างเราต้องลำบาก เมื่อก่อนตอนเราเป็นเด็กในตอนที่ยังมี คุณตาคุณยาย อยู่ เราถูกให้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องไปทํางานในไร่ในสวนกับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่เราก็ไม่ได้มีฐานะเท่าไร พ่อเป็นคนขยันมากและแม่ก็เช่นกันร่วมกันสร้างเนื้อสร้างตัวกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ทำให้มีเงินเก็บที่มากขึ้นแต่ก็ไม่ได้เยอะมากนัก การไปไร่ไปสวนทุกๆครั้งพ่อแม่จะให้เงินเราเพื่อเก็บใส่กระเป๋าตัวเองไว้เสมอเราจำได้ว่าที่เก็บเงินครั้งแรกได้ด้วยตัวเองเราอยู่น่าจะ 5-6 ขวบ มีเงินเก็บ 3-4 พันกว่าบาทเราก็ว่าเยอะนะเพราะในตอนนั้นเรายังไม่คิดที่จะเก็บเงินไปซื้ออะไร รู้เพียงแต่จะต้องเก็บให้ได้เยอะๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่าคนซึ่งได้เป็นคนที่เป็นพี่สาวของแม่เราเขามาขอยืมเงินเราในครั้งละพัน ไอ้เราก็ดันให้เขายืมไปไงแต่ไม่เคยคิดที่จะบอกแม่เลยเรื่องนี้ เขายืมเงินเด็ก6 ขวบอย่างเราคือ ในใจก็คิดนะคนเกิดก่อนเขารังแกคนเกิดที่หลังกันแบบนี้หรอ
การให้ยืมไปก็ยังดีที่เขาเอามาคืน ในเวลาที่ผ่านไปเป็นปีสองปี เราไม่รู้หลอกนะพวกเขาทำแบบนี้กับเราทำไม เงินคุณตาป้าเขาก็มายืม ผิดจากแม่เราที่ไม่เคยขอมีแต่คุณตาจะให้เอง พ่อกับแม่ทำเงินมาได้เพื่อให้คุณยายเก็บไว้ คุณยายก็เปรียบเหมือนธนาคารของบ้านนะในเวลานั้น และในปี2541พ่อและแม่ก็มีลูกสาวคนใหม่ เรารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเลยนะในเวลานั้นบ้านที่เราไม่เคยถูก็ต้องทำ ต้องซักผ้าให้น้องด้วย และช่วยคุณยายทำกับข้าวในบางวัน ในหัวสมองตอนนั้นคือเราไม่มีพ่อแม่แล้วนั้นคือเป็นความคิดที่อยู่ในช่วงป.2 เราโดนว่าโดนดุตลอดเลยตั้งแต่แม่กับพ่อเขามีลูกใหม่ แล้วเราละเขาเคยคิดว่าเราเป็นลูกเขาไหม ( ทุกวันนี้เขาก็ทำตัวเช่นนั้นกับเรามาตลอด) เวลาผ่านไปจนถึงเมื่อปี2546 คุณยายก็ป่วยเป็นมะเร็งในลำไส้ระยะสุดท้ายและเสียชีวิตลงด้วยอายุ69 ปี
ตอนนั้นเราอยู่ ป.5 เราเสียใจมากๆเลยเพราะตั้งแต่พ่อแม่มีน้อง เราก็ได้นอนอยู่กับคุณยายมาตลอด การเติบโตขึ้นเรื่อยๆเริ่มมีคนที่อยู่รอบๆหายไปจากเราเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าชีวิตเราเจอแต่เรื่องที่ต้องเสียน้ำตาบ่อยมากๆเลย ชีวิตเราทำไมถึงต้องมาเศร้า มารู้สึกกับเรื่องอะไรเหล่านี้ด้วยนะ เราเรียนได้อยู่ประมาณ ม.1-ม.2 พ่อและแม่ก็ได้ทำบ้านใหม่ให้คุณตาอยู่ และผ่านไปจนในที่สุดเราก็ใกล้เรียนจบ ม.3 และก็หวังว่าจะได้เรียนต่อแต่เมื่อขอพ่อแม่ เขาทั้งสองเลือกที่จะไม่ให้เราเรียนต่อเราไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร เราเสียใจมากๆเลยนะในตอนนั้นคิดที่จะฆ่าตัวตายเลย เราก็พอแอบรับรู้มาบ้างว่าคุณตาป่วยเป็นมะเร็ง เราจึงคิดที่จะอยากเรียนเพื่อที่จะเป็นหมอมารักษาคุณตา(ความคิดในตอนนั้นที่ไม่รู้ว่าคุณตาป่วยหนักขนาดไหน) ในช่วงที่เพื่อนๆต่างหาที่เรียน คุณครูทุกคนต่างถามเราว่าเรียนต่อที่ไหนเราก็ตอบไปว่าไม่ได้เรียนต่อค่ะ คุณครูท่านหนึ่งเขียนใส่สมุดเฟรนด์ชิฟให้กับเราด้วยที่ว่าเขารู้สึกเสียดายที่เราไม่ได้เรียนต่อ คุณครูที่เรารักทุกท่านต่างทราบดีว่าเราไม่ได้เรียนต่อ แต่ไม่เคยมีใครที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกของเราได้ดีเลยแม้แต่คนเดียว
เราไม่เคยที่จะรับรู้สิ่งต่างๆนี้เลยที่พ่อแม่ต้องเผชิญอยู่นั้นคืออะไรบ้าง แต่ความรู้สึกเราก็แย่ไม่ต่างจากท่านเลย คุณตาต้องได้รับการผ่าตัด และได้รับการรักษาไปกลับกทม. เพื่อรักษาตัวจนคิดว่าอาการของท่านนั้นเริ่มที่จะดีขึ้นแล้วในช่วงๆหนึ่งที่ผ่านมาพ่อก็เลยให้ไปเรียนต่อ กศน. ใกล้บ้านเรียนแค่เสาร์และอาทิตย์ เราก็เรียนไปในเวลาน่าจะ2ปีครึ่งจบในปี54 เราเรียนไปพร้อมๆกับหาวิธีที่จะดูแลคุณตาไปด้วยอาหารต่างๆเราเป็นคนทำให้คุณตาทานไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่ท่านป่วยแต่ในทุกๆช่วงเวลาที่ทุกคนต้องไปทำงานไปเรียนหน้าที่เราส่วนใหญ่ก็คือทำอาหาร ทำงานบ้าน คุณหมอบอกกับพ่อและแม่ว่าคุณตาจะมีเวลาอยู่กับพวกเราได้ไม่เกินสองเดือนในจากการที่เขาพาคุณตาไปหาหมอกันแต่เขาไม่เคยที่จะบอกเรื่องนี้กันเราให้รู้เลยมาบอกในวันที่คุณตาเสีย ซึ่งคุณตาอยู่ผ่านมาได้เกือบถึง 7 เดือน เราโครตที่จะรู้สึกแย่เลยที่ต้องมาเจอเหตุการแบบนี้กับครอบครัวอีกแล้ว ........
เราไม่เคยทำใจได้เลยเพราะทุกๆวันนี้เหลือเพียงตัวเราเองที่อยู่กับบ้าน พ่อแม่ทำงาน ส่งเงินให้แต่น้องใช้เรียน แต่ไม่เคยที่จะให้ลูกคนโตอย่างเรา ถ้าวันไหนไม่ได้ทำงานคือเราไม่มีเงินเลยและต่อให้ทำงานให้พวกเขาเขาก็ไม่คิดที่จะให้เงินเราในแบบที่พ่อแม่ควรให้ลูกเพราะเราเองแทบจะไม่รู้จักเลยว่าเงินหน้าตาเป็นแบบไหน เขาเลี้ยงเราแบบนี้เพราะอะไรเราไม่รู้นะเลี้ยงไปด่าไป เป็นที่รองรับคำด่าคําดูถูกต่างๆนานาที่เขาคงจะได้รับมาจากที่ใดสักที่แล้วมาลงใส่เรา เราไม่รู้ที่จะไประบายให้ใครฟังหรอกเพราะคนรอบๆบ้านก็คงรู้ดี บ้านข้างขวามือก็เป็นโรคจิตเข้ามาหยิบกางเกงในในห้องนำ บ้านซ้ายก็ยืมเงินยืมเงินพ่อแม่ไปแบบไม่คิดที่จะคืน บ้านข้างซ้ายก็เอาแต่ลูกมาฝากไว้ให้เลี้ยง น้องสาวเราเองที่เลี้ยงก็พาแฟนเข้าบ้านแล้ว ได้เรียนก็ได้เรียน งานบ้านไม่ต้องทำ
ไม่ต้องเข้าไร่เข้าสวน มีเงินใช้ ใช้ไอโฟน ใช้ของแบรนด์เนม เราอยากที่จะอ้าปากถามพ่อแม่จังเลยทำไมเลี้ยงน้องให้รวยส่วน ตัวคนที่เป็นพี่ทำไมถึงเลี้ยงได้ชีวิตตกต่ำขนาดนี้ขอเรียนอะไรไม่เคยได้เรียน ส่วนคนเป็นน้อง เราแอบได้ยินเข้าถ้าว่าอยากเรียนอะไร คือเขามีคำถามนี้ให้กับน้อง แต่กับเราคือ............เราเกิดมาทำไมหรอ มีประโยชน์คือ ? เขาไม่คิดถึงใจเราเลย ล่าสุดกำลังจะหารถให้น้องขับแล้วคือเขาก็พูดให้ฟัง มาพูดให้เรารับรู้เพื่อที่จะอะไร ให้สนับสนุนให้ซื้อรถให้น้อง เขาไม่เคยมองตัวเองเลยนะกว่าจะมาถึงทุกๆวันนี้ได้มีใครลำบากมาบ้างและพ่อแม่นั้นลำบากมาแค่ไหน เขาคงดีใจและกับลูกของเขา เรามันคนนอก ทุกวันนี้แม้แต่ข้าวเราแทบจะไม่อยากกินอะไรของพวกเขาเลย ทิ้งเราอยู่บ้านคนเดียวตลอด ถ้าเรารู้ว่าเขาไม่ใช่พ่อแม่เราหรือผู้มีพระคุณกับเราเราคงต้องไปจากตรงนี้ เราคิดว่าคงอีกไม่นานเพราะลูกเขาคงจะมีสามีอีกไม่นาน และเราก็ไม่ควรที่จะอยู่ให้เกะกะพวกเขาในเวลานั้น
เราไม่รู้หรอกนะว่าครอบครัวอื่นจะดีจะร้ายหรือจะเหมือนกับชีวิตเราหรือป่าวแต่สิ่งที่เราต้องเจอมาตลอดเวลาจนมาถึงวันนี้ได้กว่าจะผ่านมาได้มันรู้สึกแย่มากๆ เรากลับกลายเป็นคนไม่มีเพื่อน เราตัดออกจากชีวิตในวัยเรียนวัยรุ่น ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ขอบคุณมากๆ อาจจะเป็นบทความที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเพราะด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีในตอนนี้มีมากเกินไป บางคนอาจอ่านแล้วเข้าใจบางคนอาจจะไม่เข้าใจ เราก็ขอบคุณมากๆนะ เราแค่อยากที่จะเล่าและระบายออกมาเพื่อจิตใจเราจะได้ดีขึ้นมาบ้าง.....