รีวิวเที่ยวเกาะลันตาสวรรค์ของคนไทยในยุคโควิด กับที่พักและกิจกรรมแน่นๆ ที่ Twin Bay Resort Part 2
มาเริ่มจากรีวิวที่พักที่ Twin Bay Resort สำหรับเราที่มาเป็นครั้งแรกคือประทับใจมากทั้งบริการ สถานที่ ความสะอาด ความปลอดภัย ราคาที่พักรวมอาหารเช้าซึ่งจะเป็นบุฟเฟต์หรือเลือกเป็นจานๆ อันนี้แล้วแต่ว่าวันไหนแขกเยอะหรือน้อยค่ะ ส่วนเราบังเอิญมาตรงวันบุฟเฟ่ต์และมีวันนึงได้กินอาหารท้องถิ่นด้วย พวกข้าวยำ ขนมจีนแกงกระทิใต้ โชคดีจริงๆ อร่อยมาก! ส่วนเมนูอื่นๆมีเพียบ มีพิซซ่า มีหมูกะทะป๊ะปุ๊ด้วยชุดละ 200+/2คน ชุดใหญ่ไฟกระพริบก็มีจ้า ให้เค้าไปตั้งกินตรงหาดได้ด้วย นอกจากของคาวก็มีร้านกาแฟในรีสอร์ทที่สั่งกินวันละหลายแก้ว กาแฟอร่อยค่ะ เอแคล์อร่อยมากเค้าบอกว่าเป็นสูตรของทางรีสอร์ททำเองมีขายเฉพาะที่นี่ใครมีโอกาสมาต้องมาลองนะ และอีกไฮไลท์ของกินแนว street food มีอยู่ที่หน้ารีสอร์ทนะ ช่วงเย็นๆ คนท้องถิ่นจะเข็นรถมารวมตัวขายกันริมถนนอารมณ์ตลาดนัดย่อมๆ ค่ะ ฟินมากเดินซื้อทุกร้าน (คนหิวย่อมรีวิวของกินก่อน 555) ช่วงที่เราไปเค้าจัดกิจกรรมสอนทำผ้าบาติกด้วย เราไม่ได้เข้าร่วมเพราะมัวแต่ไปหลงระเริงทะเลอยู่ แต่ก็ยังได้อุดหนุนเค้ามาผืนนึงนะ ดีแล้วที่ซื้อเค้าเลยเพราะถ้าให้ทำเองคงไม่กล้าเอามาใช้อยู่ดีอ่ะ 555
ส่วนกิจกรรมที่ตรึงใจเราอีกอย่างนอกจากความสวยใสไร้ที่ติของทะเลก็คือ การนั่ง “เรือแจวทุ่งหยีเพ็ง” ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าค่ะ ออกจากรีสอร์ทประมาณตี 5 ครึ่งเพื่อทริปนี้เลย ใช้เวลาบนเรือรวมไปกลับประมาณ 2 ชม. ได้ค่ะ พอไปถึงที่นัด (จาก รร. ไปประมาณครึ่งชม.) คุณลุงจะมาเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ฟังเพราะว่าที่นี่เป็นกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนที่ดูแลกันนเอง เรียกกิจกรรมนี้ว่า “แสงแรกแห่งเกาะลันตา” ลุงบอกว่าแทบจะทุกคนที่ได้มาที่นี่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากิจกรรมอื่นๆ เช่น ดำน้ำดูปลา เล่นทะเล ปาร์ตี้ จะให้อารมณ์สนุกสนานน่าประทับใจ แต่การได้มาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่เรียกได้ว่าอิ่มใจสุดในแง่ของการพักผ่อนเยียวยา ใช้ความเงียบ+เสียงและแสงของธรรมชาติให้ช่วยบำบัดรับรองว่าคุ้มค่าที่ต้องตื่นจริงๆ ค่ะ เราคอนเฟิร์ม ในเรือจะมีกาแฟและของว่างบริการด้วย อิ่มใจอิ่มท้อง เรือลำนึงนั่งได้ 6 คน ส่วนลำของเรามีลูกสาวลุงนั่งมาด้วยเลยได้ฟังเรื่องน่าสนใจมากมาย เช่น ที่นี่เป็นป่าชายเลนที่ชุมชนช่วยกันดูแลเอง มีพื้นที่ 1,999 ไร่ ได้รางวัลชุมชนเข้มแข็งและอื่นๆ วิถีชีวิตของผู้คนแถวนี้ยังออกเรือตกปลามากิน มาขายได้ ขออย่างเดียวให้เป็นไปตามธรรมชาติอย่าตัดไม้ทำลายป่า กระทั่งสัตว์ต่างๆ เช่น ลิง เหยี่ยว ฯลฯ ก็หากินแบบธรรมชาติไม่ได้มีใครเลี้ยงดูหรือฝึกเพื่อเรียกนักท่องเที่ยว ดังนั้น เราจะได้เห็นภาพบรรยากาศาของวิถีชีวิตที่แท้จริงตามสภาพในแต่ละวันค่ะ ค่าบริการก็ 750.-/คน คุ้มมาก ขนาดถ่ายรูปมาว่าสวยแล้วแต่ของจริงสวยเกินบรรยายค่ะ ของแบบนี้ต้องมาดูด้วยตาเนื้อเท่านั้นจริงๆ 5555 ปิดท้ายทริปด้วยการเรียกป้าหมอนวดมานวดถึงที่ห้องได้เลยค่ะ นวดไทย 300 นวดน้ำมัน 400 มาชิลทั้งทีก็ต้องจัดมันให้ครบๆ ป้าเค้าบอกว่าถ้าอยากผิวแทนเร็วๆ ให้นวดน้ำมันมะพร้าวก่อนไปลั้นลาทะเล แต่ถ้าเล่นมาแล้วกลัวแสบผิวให้นวดด้วยน้ำมันอะโลเวล่า ส่วนอิชั้นหรอนวดไทยเลยค่ะเน้นๆ ฝ่ามาหลายด่านขนาดนี้ไม่ชิลแล้วเน้นเสียงกร๊อบแกร๊บๆ ตรงจุดไปเลย 555