เด็กชายวันเฉลิม ผู้ที่ความเลวไม่สัมผัสหัวใจ
ด.ช.วันเฉลิม ในละคร ทองเนื้อเก้า ใบบัวผู้อยู่กับน้ำแต่กลับไม่เปียกน้ำ
บางคนซึมซับทุกสิ่งรอบข้างเข้าสู่ตัวเอง กลายมาเป็นอุปนิสัยที่สืบต่อกันแบบที่เรียกว่า เชื้อไม่ทิ้งแถว แต่สำหรับคนบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ยังมั่นคงในคุณงามความดี ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมที่ตนเองเกลือกกลั้วอยู่ อย่างเช่น ด.ช.วันเฉลิม หรือไอ้วันของแม่ลำยอง จากละครทองเนื้อเก้านี่แหละ เขาแวดล้อมไปด้วยแบบอย่างที่ไม่ดีอย่างแม่ลำยองที่ลุ่มหลงในอบายมุข กิเลสตัณหาอย่างหนัก แต่ละครก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไปนัก เพราะเขาก็ยังมีพ่อที่แสนดี และยังมีหลวงตาที่คอยอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดีอยู่ด้วย
ด.ช.วันเฉลิม เป็นทองแท้ มีค่าด้วยตัวเอง มีจิตใจงดงามกตัญญูรู้คุณ ชนิดที่ความชั่วไม่สามารถเข้าถึงใจของเด็กน้อยได้เลย
ประดุจใบบัวที่รองรับน้ำไว้เสมอแต่น้ำกลับไม่สามารถทำใบบัวให้เปียกได้เลย
มนุษย์หรือคนดีย่อมไม่โกรธ ย่อมรักษาจิตให้เป็นปกติได้ ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางการสรรเสริญเยินยอ หรือการตำหนิติเตียน เพราะถือว่าเป็นโลกธรรม
ไม่ว่าใครก็ตามที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว ย่อมจะต้องสัมผัสด้วยกันทุกคน ตั้งแต่พระอรหันต์ ลงมาจนถึงปุถุชนธรรมดา และสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย ต้องสัมผัสกับสรรเสริญและนินทาเป็นธรรมดา
แต่อยู่ที่ใจของแต่ละบุคคล ที่จะปฏิบัติกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร ผู้ที่ฉลาดอย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ท่านก็ทำใจของท่านเป็นปกติ ไม่ยินดีไม่ยินร้าย เพราะว่าใจของท่านนั้นอิ่มแล้ว เต็มแล้ว ถ้าเป็นน้ำในแก้วก็เต็มแล้ว จะเทน้ำเข้าไปอีก ก็จะล้นออกมา จะไหลออกมา ใจของท่านอยู่เหนือสรรเสริญและนินทาแล้ว ใจไม่ซึมซาบ ไม่รับทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสรรเสริญหรือนินทา
เปรียบเหมือนกับหยดน้ำบนใบบัว จะกลิ้งไปกลิ้งมา จะไม่ซึมซับเข้าไปในใบบัว
ต่างกับใจของปุถุชน ซึ่งเปรียบเหมือนกระดาษซับ กระดาษซึม เวลาหยดน้ำลงไปบนกระดาษซับกระดาษซึม น้ำก็จะซึมเข้าไปในกระดาษเลย
ใจของปุถุชน เวลาได้สัมผัสกับสรรเสริญ ก็จะมีอาการดีอกดีใจทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเลย เขาชมเราสวยอย่างกับนางงามจักรวาล แค่นี้ก็ยิ้มแป้นไปแล้ว ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นนางงามจักรวาลสักหน่อย และชาตินี้ทั้งชาติก็คงจะไม่ได้เป็น แต่ถ้ามีใครมาพูดอย่างนั้น ก็เกิดความดีอกดีใจขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน ถ้าเกิดใครมาตำหนิ มาว่าเรา ว่าหน้าตาเหมือนกับวัว เหมือนกับควาย เราก็เกิดความโกรธแค้นโกรธเคืองขึ้นมา ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นวัวเป็นควายแต่อย่างไร
แต่เพราะความหลงของเรานั่นเอง การไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ไม่สามารถแยกแยะเสียงคำพูดของคน ว่าเป็นคำพูดเฉยๆ คำพูดไม่ใช่เป็นความจริง คำพูดจะมาเสกให้ความจริงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
จะมาทำให้ก้อนกรวดก้อนทราย กลายเป็นเพชรนิลจินดาขึ้นมาไม่ได้ เราจึงไม่ควรไปวิตก ไม่ควรไปกังวล ไม่ควรไปยินดียินร้ายกับคำพูดของคนอื่น เขาจะสรรเสริญ มันก็ปากของเขา เขาจะตำหนิ มันก็ปากของเขา แต่เราควรฟังด้วยปัญญา คือควรพิจารณาดูว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น เท็จจริงอย่างไร
เปรียบดังน้ำที่อยู่บนใบบัว แต่ใบบัวก็ไม่เปียกน้ำเลย