ในความเปลี่ยนแปลง
ในความเปลี่ยนแปลง
โดย : อักษราลัย
"แม่ครับ ทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่ครับ แล้วบ้านเราทำไมแม่ไม่พาน้องภูมิกลับบ้านล่ะครับ" คำถามจากเด็กชายวัยเจ็ดขวบตรงหน้า พาให้น้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวานนี้เองที่เธอจรดปากกาลงชื่อตรงคำว่า "ผู้ขาย" แค่นั้นบ้านที่เคยเป็นที่พักพิงก็ลาลับหายไปตลอดกาล
"น้องภูมิอยู่กับแม่มีความสุขไหมครับ" เธอกอดลูกชายเข้ามาแนบแน่น ก่อนจะเอ่ยถาม
"ครับน้องภูมิมีความสุขที่สุดเลยครับแม่"
"ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเรายังมีกันและกันเสมอไม่ใช่เหรอครับลูก ทุกที่จะเป็นบ้านเสมอ เพราะบ้านคือแม่กับหนู คือการอยู่ร่วมกัน ใช่ไหมครับ"
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่น้องภูมิเด็กชายวัยเจ็ดขวบก็ยิ้มกับคำพูดของแม่แล้วกอดตอบแม่แน่นในใจคิดตาม "แม่กับน้องภูมิ เรามีกันและกัน"
*****
ภูมิชายยืนนิ่งอยู่ในศาลาวัด วันที่เขาไม่ปรารถนาให้มาถึงเดินทางมาเร็วกว่าที่คาดคิด เขามองจ้องไปตรงหน้าโลงสีขาวสะอาดตาด้านบนประดับดอกไม้สวยงาม ดอกไม้ที่คนอยู่ในโลงนั้นไม่อาจรับรู้ความสวยงาม มีเพียงคนที่มาในงานเท่านั้นที่เห็น แต่ก็ไม่มีใครมีแก่ใจชื่นชมดอกไม้นี้แม้สักคน
แม่ป่วยกระเสาะกระแสะมานาน จนสุดท้ายตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งลำไส้ หลังจากนั้นแค่ไม่ถึงเดือนแม่ก็จากไป วันที่เขายืนนิ่งอยู่ข้างเตียงคนไข้มองร่างกายที่ผ่ายผอมของแม่ บีบมือพร้อมเอ่ยปากขอให้แม่สู้ แม่กลับมองเขาด้วยแววตาให้กำลังใจ และบอกว่า
"มันถึงเวลาของแม่แล้วนะลูก ต่อไปนี้ลูกต้องสู้เพียงลำพังแล้วนะ แต่ลูกแม่ทำได้อยู่แล้ว ทำให้ได้เหมือนที่เคย ยอมรับมันนะลูก ความเปลี่ยนแปลงคือธรรมดาของชีวิต" แล้วแม่ก็จากไปง่าย ๆ แบบนั้น แต่ยากเหลือเกินสำหรับคนที่ยังต้องอยู่
*****
ปีนั้นตอนเขายังเด็กเขาจำได้ว่าแม่พาเขาไปกราบคนหน้าโลงศพสีขาว แล้วบอกเขาว่านี่คือพ่อ พ่อที่เป็นทหารหาญ ดูแลชายแดนใต้ และพ่อได้กลับมาบ้านในร่างไร้วิญญาณในโลงสะอาดตามีธงชาติคลุม เขาไม่ได้เศร้าสร้อยอะไรนัก เพราะแทบไม่ได้เจอหน้าพ่อ แม่บอกว่าพ่อกำลังทำเรื่องย้ายกลับบ้าน เรื่องได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ก่อนจะถึงวันนั้น พ่อก็ได้กลับมาแค่ร่างไร้ลมหายใจ
หลังจากย้ายมาอยู่ห้องเช่า ขนาดย่อม แค่ไม่กี่ตารางเมตร ลลนาและภูมิชายต้องปรับตัวอย่างมาก จากเคยมีบ้านเป็นหลัง เธอต้องขายเพราะไม่มีกำลังจะผ่อนต่อ เมื่อสามีมีอันต้องจากไปก่อนเวลาอันควร หลังจากอดทนมาได้ระยะหนึ่ง แม้จะเสียดายของทุกอย่างที่ร่วมสร้างกันมา ของทุกชิ้นที่เธอกับเขาร่วมกันเลือกหาเพื่อสร้าง "บ้านของเรา" เมื่อไม่มีเขาทุกอย่างกัดเซาะจิตใจจนเธอแทบทนไม่ได้ การขายบ้านเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอใช้เวลาตัดสินนานแรมปี การต้องผ่อนบ้านเป็นภาระหนักสำหรับเธอ เงินที่มีเพียงน้อยนิดและน้อยลงไปทุกวันทำให้เธอตัดสินใจง่ายขึ้น เงินที่เหลือเพียงสามแสนนิด ๆ จากการขายบ้าน ทำให้ทางเลือกมีไม่มากนัก เมื่อหาที่อยู่ใหม่ได้แล้ว การหาอาชีพเลี้ยงตัวเองและลูกคือสิ่งต่อไปที่ต้องคิด ฝีมือการทำอาหารที่พอมีติดตัวคือทางเลือก แม้จะเหนื่อยหนักเพียงใด กำลังใจจากลูกมือน้อย ๆ ที่คอยช่วยเด็ดผัก ทำให้เธอมีแรงก้าวเดินต่อมาได้
จวบจนถึงวันที่ลูกเติบใหญ่ เธอหมดห่วงหมดภาระในใจ ในวันนั้นเธอกลับรู้ข่าวร้าย มะเร็งลำไส้ที่เธอเป็น เวลาคงเหลืออีกไม่มาก เธอไม่กลัวการจากไป แต่เธอเห็นใจลูกที่จะต้องต่อสู้กับชีวิตเพียงลำพัง ไม่มีอีกแล้วสองแม่ลูกที่จะเคียงข้างกัน ไม่มึกำลังใจหรือรอยยิ้มให้กันอีกแล้ว ต่อไปนี้ลูกคงต้องอยู่ลำพัง แต่เธอก็ยังสบายใจได้ว่า เธอเลี้ยงลูกมาเป็นนักสู้ และเธอรู้ดีว่าลูกเธอจะสู้ได้ แม้จะต้องสู้เพียงลำพัง ...
.