เรื่องสั้น ไม่ขอเกิดเป็นลูกแม่อีกแล้ว
ขอเกิดเป็นลูกแม่อีกแล้ว
โดย : อักษราลัย
"ผมเกลียดแม่ เกลียด ชาตินี้ชาติไหน ขออย่าได้เกิดเป็นลูกแม่อีกเลย"
เสียงลูกที่ตะโกนก้องออกมานั้น ราวกับเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกายและหัวใจของฉัน แกคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้น ฉันเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่ากัน
.
ฉันตั้งท้องแกตอนอายุสี่สิบสอง ลูกที่มาในยามที่ปลดปลงแล้วว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกกับใครเขา แต่เมื่อแกมาฉันก็แช่มชื่นหัวใจอย่างที่สุด ประคบประหงมการตั้งท้องนี้อย่างใส่ใจ
"เราอยู่กันมาตั้งนาน อยู่ ๆ คุณก็มาท้อง ตอนที่ผมไปทำงานต่างจังหวัดกลับบ้านแค่เดือนละสองวันนี่นะ"
เขาพูดใส่หน้าในวันที่ฉันบอกข่าวดี หรือมันคือข่าวดีของฉันเพียงคนเดียว ช่างเป็นคำพูดที่ฟังแล้วหดหู่ใจเหลือเกิน ฉันตะลึงงันกับคำพูดนั้นจนไม่อาจกล่าวคำใดออกมาได้
"ผมว่าเราหย่ากันเถอะ จะให้ผมรับเด็กในท้องคุณโดยที่ผมไม่มั่นใจ ผมทำไม่ได้"
คำพูดที่ตามมายิ่งกว่าโดนตบหน้า คำพูดนั้นทิ่มแทงใจของฉันจนพรุนไปทั้งดวง แต่ก็แปลกที่ฉันกลับสงบนิ่ง เยือกเย็น และปล่อยวาง แค่นี้เองที่ฉันได้เข้ากลุ่ม "แม่เลี้ยงเดี่ยว" แม้จะไม่ต้องการไปโดยปริยาย
.
ฉันเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอกชน พอท้องและโดนสามีหย่า ฉันจึงกลายเป็นขนมหวานสำหรับขบเคี้ยวเล่นของเพื่อนร่วมงาน คำนินทาสนุกปาก ที่มักแตกกระเจิงเมื่อฉันเดินผ่านไป ฉันได้แต่ฝืนยิ้ม ทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไร แม้จะเศร้าและเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นเพียงใด นั่นยิ่งทำให้ฉันหันมาทุ่มเทให้กับสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน
ฉันใช้ทุกเวลานาทีทุ่มเทไปที่ลูกทั้งหมดทั้งที่แกยังอยู่ในท้อง ฉันดูแลตัวเองอย่างดี ทำหลายอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำในชีวิตเพื่อแก ฉันนั่งสมาธิทุกคืนเพื่อผ่อนคลาย ให้จิตใจดีส่งผลกับความเจริญเติบโตของแก ผักที่เคยเกลียดนักหนาฉันก็ฝืนทนกินเพื่อความแข็งแรงของลูก ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สองสัปดาห์เท่านั้นที่เราจะได้พบหน้ากันแล้ว
วันสำคัญนั้นมาถึง ฉันปวดท้อง… รีบขับรถไปโรงพยาบาลเพียงลำพัง กระเป๋าเสื้อผ้าและของจิปาถะถูกจัดเตรียมใส่รถไว้ตั้งแต่ท้องได้แปดเดือน ฉันพร้อมอย่างที่สุดในการเตรียมตัวต้อนรับลูกของฉัน
แม้จะเตรียมพร้อมแต่ในความเป็นจริงฉันใช้เวลาเจ็บท้องยาวนานข้ามวัน จากเช้าตรู่ไปคลอดเอาอีกวันยามบ่าย และขอใช้วิธีคลอดตามธรรมชาติ ฉันอยากมีสติตอนเขาเกิด เอ่ยปากขอให้พยาบาลช่วยถ่ายภาพวิดีโอวินาทีแรกเกิดไว้ให้เขาดู แม้ลูกจะไม่มีพ่อ แต่เขาจะต้องไม่ขาดสิ่งใด ... นั่นคือความตั้งใจของฉัน
ฉันได้ลูกชายมาเชยชม ลูกชายที่มีขาลีบผิดปกติ กรรมของเขาหรือกรรมของฉันหรือมันคือกรรมของเรา ฉันอายุขนาดนี้ลูกกลับมีขาลีบผิดปกติตั้งแต่เกิด ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง
"แม่ … อุ้ม … อุ้ม" ลูกชายวัยห้าขวบเรียกขอให้อุ้ม ด้วยขาที่ลีบทำให้แกยืนได้ไม่นานนัก ฉันทำเมินแกล้งไม่ได้ยินคำพูดนั้น
"แม่ … อุ้ม" แกแผดเสียงดังขึ้นพร้อมเบะปากทำหน้าเตรียมร้องไห้ ฉันหันไปมองหน้าแก แล้วเอ่ยขึ้นว่า
"ลูกผู้ชาย ต้องยืนด้วยตัวเอง ลูกจะต้องแข็งแกร่ง" ฉันพูดยังไม่ทันจบดี แกก็ทรุดล้มลงไป พร้อมกับแผดร้องไห้เสียงดัง ฉันลุกจากตรงนั้นเดินหนีเข้าไปในตัวบ้าน เอานิ้วชี้กรีดน้ำที่ไหลรินจากหางตาทั้งสองข้าง
ฉันยืนหลบอยู่ข้างหน้าต่าง ชะเง้อแอบมองแกจากตรงนั้น ปิดบังซ่อนตัวไม่ให้แกเห็นว่ากำลังแอบดูอยู่หลังผ้าม่านหนาหนัก สีเข้มที่ช่วยพรางตัวฉันได้เป็นอย่างดี หลังจากนั่งร้องไห้อยู่สักพัก แกก็ค่อย ๆ เอาสองมือยันกายลุกขึ้น แผละ … แกล้มลง ใจฉันหล่นหายตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"โธ่ลูกแม่"
ฉันได้แต่รำพึงอยู่ในอก
แกเอาแขนสองข้างยันพื้นพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง และอีกหลายครั้ง จนในที่สุดแกก็ลุกขึ้นยืนขึ้นจนได้ หน้าอกของแกกระเพื่อมสั่นด้วยความเหนื่อย ใจฉันวิ่งถลาเข้าไปประคองแก แต่ขากลับยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม
แม้น้ำจากดวงตาของฉันจะแห้งผาก แต่น้ำตานั้นกลับหลั่งไหลอยู่ภายในจนท่วมท้น ด้วยหัวใจของแม่ที่รักลูกไม่น้อยไปกว่าใคร
พอหายใจได้เป็นปกติดีแกก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาทีละข้าง ก้าวเดินเข้าบ้านมาด้วยสองขาของแก ก้าวเล็ก ๆ ค่อย ๆ ก้าวตามที่ฉันเคยสอนแก
ฉันรีบเดินไปที่โต๊ะกินข้าว เตรียมจัดอาหารใส่จาน ตักข้าว ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกเดินเข้ามาแล้ว ตรงไปล้างมือ และมานั่งลงที่โต๊ะ เรานั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ แบบนั้น
หลายปีที่ผ่านมาฉันเลี้ยงแกด้วยการเคี่ยวกรำแกอย่างหนัก ให้แกช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ฉันโดนไล่ออกจากงานที่บริษัทฯ บัญชีที่ทำอยู่ เงินเดือนที่เคยมีหายไป ฉันต้องรับงานมาทำที่บ้าน แต่ก็ดีแม้รายได้จะลดลง แต่นั่นก็ทำให้ฉันมีโอกาสดูแลแกได้เต็มที่ ได้คอยเคี่ยวเข็ญแกในทุกด้าน แววตาที่มองมาเหมือนมีคำถาม แต่ก็ไม่มีประโยคใดหลุดออกจากปาก นับจากวันนั้นที่แกเคยแผดเสียงตะโกนใส่ฉันด้วยถ้อยคำนั้น คำว่า "เกลียด" ที่หลุดปากออกมา แกก็ไม่เคยมีคำถามต่อการกระทำของฉันอีกเลย
ไม่มีคำขอโทษใด ๆ ตามมา และเราก็ยังใช้ชีวิตกันอย่างปกติเช่นเดิม ในแบบที่ฉันกำหนด แกไม่เคยบ่น ก้มหน้าก้มตาทำตามที่ฉันบอกอย่างไม่มีเงื่อนไข มีเพียงสายตายามเผลอเท่านั้นที่เปล่งคำถามออกมา คำถามที่แกไม่ถามและฉันก็ไม่เคยตอบหรืออธิบายอะไร
วันนี้ตัวฉันในวัยหกสิบเก้า ฉันได้เห็นในสิ่งที่ฉันปรารถนา ลูกชายเรียนจบ เป็นคนหนุ่มมีอนาคต เข้มแข็งทั้งกายและใจ ขาที่เคยลีบได้รับการดูแลเอาใจใส่ จนมันแข็งแรง แกร่งไม่แพ้หัวใจของเขา ฉันหมดห่วง พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางที่อาจจะมาถึงในสักวัน
.
เย็นวันนี้ลูกโทรศัพท์มาบอกว่าไม่ต้องทำอาหารให้แต่งตัวไว้เขาจะมารับพาไปกินข้าวนอกบ้าน ร้านที่ลูกพามาคือร้านที่เราสองคนเคยชะเง้อมอง และฉันบอกลูกว่าสักวันแม่จะพามากิน แต่กลับกลายเป็นเขาที่พาฉันมากิน
โต๊ะมุมสุดที่ลูกจอง วิวสวยด้วยมองเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลดหลั่นกันลงมาตามโขดหินใหญ่นั้น ดูเพลินตาและสดชื่นเหลือเกิน แกประคองให้ฉันนั่งลง แล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะทรุดกายลงจับเท้าของฉันแล้วกราบ
"แม่ครับ วันนี้วันเกิดของแม่ ผมไม่มีอะไรจะให้นอกจากพาแม่มากินข้าว ร้านนี้ที่เราเคยอยากมา ผมจำได้ดีครับ"
ฉันน้ำตาคลอ จับประคองไหล่ให้เขาลุกขึ้น แต่เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้น
"แม่ครับชาติหน้า ผมจะไม่ขอเกิดเป็นลูกแม่อีกแล้วนะครับ"
ฉันชะงัก อึ้งไป แต่ก็พยักหน้า ภาพที่ปล่อยให้แกลุกขึ้นยืนเองในหลากหลายครั้งผุดขึ้นมาราวกับภาพยนตร์รีรัน
"ผมจะขอเกิดมาเป็นพ่อของแม่บ้างนะครับ ให้ผมได้ดูแลแม่บ้าง แม่ทำเพื่อผมมามากเหลือเกิน ผมรักแม่ครับ ให้ผมได้ชดเชยให้แม่บ้างตั้งแต่วันนี้และตลอดไป ตราบจนถึงชาติหน้านะครับ"
แล้วลูกก็โอบกอดฉันนิ่งนาน … ฉันกอดตอบแกด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย น้ำตาที่ไม่ต้องซ่อนไว้ภายในอีกต่อไป
~⚘~