ปันสุข ปันทุกข์
'ปันใจ ปันสุข'
"คนอื่นเอามากกว่าผมอีก"
ข้อความนี้บ่งบอกอะไรไหม? ไม่เลยสักนิดเพราะฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่น้องเอาไปนั้นเพื่อใคร? เพื่ออะไร? อาจมีเหตุผลที่ดีรองรับแต่เราไม่รู้ก็ได้ ไม่ตัดสินใคร ไม่ตัดสินกัน ให้คือให้
ตู้ปันสุขมีเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด สมกับเป็นประเทศไทย ชอบแนวความคิดนี้มาก
คนให้ให้แบบไม่ต้องเจาะจงผู้รับ ให้เพราะอยากให้
ผู้รับ รับได้แบบไม่ต้องเคอะเขิน ไม่ต้องกระดากหรืออึดอัดใจ รับเท่าที่อยากรับ
"เมื่อเอาของใส่ตู้แล้ว มันไม่ใช่ของเราอีกต่อไป จะมีคนเปิดหยิบไปหรือไม่ จะมีคนเติมหรือไม่ เป็นกระบวนการของชุมชนนั้นๆ หากมีคนกวาดไปหมด เราก็จะไม่ว่าเขา แต่อาจจะไม่มีคนมาใส่อีก หากหยิบแค่พอดี และเผื่อแผ่ 'ให้' ผู้อื่นต่อ ก็เชื่อได้ว่า เขาจะได้ 'รับ' ของจากคนอื่นๆ ในชุมชนต่อไป ทั้งนี้เพราะ"ผู้ให้" ทุกท่านในชุมชน ไม่ได้มี 'หน้าที่' เติมตู้ให้เต็ม แต่เป็นการแบ่งปันตามกำลัง ด้วยความรักความเมตตากรุณาต่อกัน และผู้รับก็อาจจะเป็นผู้ให้ได้ เมื่อมีโอกาส"
ข้อความจากผู้ริเริ่มตั้งตู้ปันสุขในประเทศไทยนี้ ทำให้คิดได้ว่า ตู้นี้นอกจากจะ 'ปันสุข' แล้ว ยัง 'ปันใจ' อีกด้วย ปันใจให้ขัดเกลาความเห็นแต่ตน ละความอยาก เสริมใจให้กล้าแกร่งด้วยการให้อย่างไม่หวังผลตอบแทน
ทำให้คิดไปถึงภาพยนตร์ที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว เรื่องที่มนุษย์ต่างดาวจะมาทำลายโลก เพราะโลกมีแต่ความเลวร้าย แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเพราะเห็นและพบแง่งามของความรัก ความดีงาม ที่ยังคงมีอยู่ แต่มองจากภายนอกไม่รู้ ต้องลงมาสัมผัสถึงจะเห็น สุดท้ายโลกก็รอดปลอดภัย (THE DAY THE EARTH STOOD STILL)
ตอนนี้นอกจากภาวะเลวร้ายจากโรคโควิด-19 เรื่องราวดีๆ มีเกิดขึ้นมากมายในหลายหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย คนไทยรักและเห็นใจกันเสมอ เป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในยามนี้ ความงดงามนี้หล่อเลี้ยงหัวใจของทุกคนให้มีความสุขมากขึ้น … รักเธอนะ คนไทย
หัวใจแห่งการให้และแบ่งปันไม่เคยขาดหายไปจากคนไทย
อักษราลัย
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓
☆.。.:*・°☆.。.:*・°☆
ฉันเขียนบทความนี้ขึ้นปีที่แล้วตอนที่เราเผชิญกับโรคโควิด- 19 นี้มาระยะหนึ่งแล้ว เงินทองบางบ้านเริ่มขาดมือผู้คนเริ่มลำบาก โครงการตู้ปันสุขจึงมีขึ้น
มาตอนนี้ มกราคม ๒๕๖๔ ประเทศเราเผชิญกับโรคนี้เป็นครั้งที่สอง เราคงเริ่มชินชา เราไม่ปิดประเทศ ยังคงให้ทำมาหากินตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือคนที่กำลังจะเผยอหน้าขึ้นมาจากปัญหากลับต้องฟุบลงไปอีกครั้ง และครั้งนี้บางคนอาจถึงขั้นล้มละลาย
"เว่อร์ไปไหม" บางคนอาจถามฉัน สำหรับฉันไม่เลย ชนชั้นกลางหรือธุรกิจขนาดย่อยที่กู้ธนาคารมาดำเนินกิจการ ธุรกิจสะดุดจากการปิดกิจการ ไม่มีเงินผ่อนสำหรับการกู้ พอจะเริ่มหายใจหายคอได้บ้างโรคร้ายก็กลับมาใหม่ บางคนถึงขั้นหมดอาลัยตายอยาก ยอมล้ม ยอมโดนยึด และยังไม่รู้ด้วยว่า จะหาทางออกให้ชีวิตยังไง
และตอนนี้ก็ไม่มี "ตู้ปันสุข" อีกแล้ว หรือเราควรมี "ตู้ปันทุกข์" เผื่อทุกข์ของคนบางคนจะเบาบางลงบ้าง
อักษราลัย
~⚘~