ลูกบอล (เลือดสีขาว 23)
ลูกบอล
ตอนแรกสาธิตแค่เตรียมสวมรองเท้าวิ่งออกกำลังกายตามปกติ เขาชอบการออกกำลังกายมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมแล้ว พอถึงมัธยมอาศัยอยู่วัด เพื่อนเด็กวัดวัยใกล้เคียงกัน ตกเย็นไม่มีอะไรจะทำก็ออกไปเล่นฟุตบอล เล่นตะกร้อ จนทำให้เขารักการออกกำลังกายมาจนถึงทุกวันนี้
เด็กชายภูพิพรรธซึ่งกำลังหัดเดิน หัดพูด เห็นสาธิตสวมร้องเท้าก็ร้องอือๆ อาๆ และดิ้นอยู่ในวงแขนของลักขณา มีทีท่าว่าจะออกไปวิ่งกับพ่อด้วย สาธิตและลักขณายิ้มให้กัน ลักขณาสวมรองเท้าที่มีเสียงดังปี๊บๆ เวลาเดินให้ลูก จากนั้นก็อุ้มลูกซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปสนามกีฬาใกล้บ้าน
สาธิตวิ่งเหยาะๆ รอบสนามกีฬา ขณะที่ลักขณาป้อนข้าวก็คอยระมัดระวังเจ้าตัวเล็กที่พยายามจะเดินตามพ่อ แต่ขายังไม่มีแรงพอ จึงทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอยู่เรื่อยๆ สักพักก็ลุกขึ้นใหม่พร้อมกับตบมือเปาะแปะๆ ส่งเสียงอือๆ อาๆ เชียร์พ่อ
กลายเป็นว่านั่นเป็นการปลูกฝังให้ลูกชายรักการออกำลังกายไปในตัว บางวันสาธิตอุ้มลูกฟุตบอลไปที่สนามกีฬาด้วย พอวิ่งครบสิบรอบเขาก็หันมาเขี่ยบอลเล่นกับลูก แข้งขาของลูกเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น จากเนื้อตัวที่อ้วนตุ๊ต๊ะ ขาเล็กลีบ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น
ลูกวิ่งเตะบอลซ้ายทีขวาที ล้มบ้าง ลุกบ้าง ใบหน้าเริงรื่นแจ่มใส พอเหนื่อยก็นั่งพักดูพ่อเลี้ยงลูกฟุตบอลไปรอบๆ สนาม ครั้นหายเหนื่อยก็ลุกวิ่งไปแย่งบอลพ่อ
ตอนลูกชายเรียนอยู่ขั้นประถมห้าลุงเผด็จซึ่งเป็นหัวหน้าของสาธิตได้ซื้อลูกฟุตบอลสีขาวให้เด็กชายภูพิพรรธลูกหนึ่ง ลูกชายตื่นเต้นดีใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางบอกให้พ่อไปหาซื้อรองเท้าสำหรับเตะฟุตบอลให้คู่หนึ่ง สาธิตไม่ขัดใจ เสียเงินเท่าไรเท่ากัน เรื่องการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเขาสนับสนุนเต็มที่
เย็นวันนั้น ลักขณานั่งดูสาธิตกับลูกชายเล่นฟุตบอลอยู่ในสนามอย่างสนุกสนาน บางครั้งพ่อทำหน้าที่ผู้รักษาประตู ลูกชายยิงจุดโทษ บางคราวเปลี่ยนเป็นลูกรักษาประตุ พ่อยิงจุดโทษบ้าง จนความมืดคลี่คลุมสนามกีฬาสองพ่อลูกก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
"กลับบ้านเถอะ มืดแล้ว" ลักขณาตะโกนเตือน ผู้เป็นพ่อจึงกอดคอลูกชายเดินออกจากสนาม