คุณย่าผมขาว (เลือดสีขาว 18)
คุณย่าผมขาว
“มามะ...ให้ย่ากอดหน่อย” เด็กชายเดินเข้าไปหาย่า ผู้เป็นย่ายิ้มร่ากอดและหอมแก้มอย่างเอ็นดู
เด็กชายภูพิพรรธรู้สึกผูกพันกับย่ามาก ถึงแม้นานๆ จะได้มีโอกาสมาเยี่ยมย่าสักครั้ง เพราะสาธิตผู้เป็นพ่อย้ายไปโน่นมานี่อยู่บ่อยๆ ดูเด็กชายรักย่ามากทีเดียว
ระหว่างการเดินทางสาธิตเล่าให้ลักขณาและเด็กชายภูพิพรรธฟังเกี่ยวกับชีวิตของย่า ฟังแล้วก็อดสงสารย่าไม่ได้
ย่าแต่งงานกับปู่ด้วยความไม่พอใจของญาติผู้ใหญ่ทางย่า ความระหองระแหงเกิดขึ้นท่ามกลางพ่อแม่ญาติพี่น้อง ปู่เป็นคนถิ่นอื่น มาร่ำเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้านของย่า ปู่มีพ่อบุญธรรมอยู่ที่หมู่บ้านนี้ เรียนจบประถมสี่ปู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเหมือนเป็นชาวบ้านทั่วไป จนได้ฝากรักฝากใจไว้ที่ย่า
ย่าเป็นลูกสาวคนโต จึงได้ออกเรือนก่อนน้องๆ ด้วยความที่ปู่มีฐานะยากจน พ่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของปู่และย่าจึงอยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียร
ปู่มาเปลี่ยนไปตอนที่มีลูกคนที่สาม ทั้งดื่มเหล้าทั้งเล่นการพนันทุกรูปแบบ ลูกเต้าไม่เคยดูแล บางครั้งหายไปเป็นแรมเดือนแรมปี บอกย่าว่าไปทำงานอยู่กับเรือประมงทางภาคใต้ แต่ย่าไม่เห็นปู่ส่งเงินกลับมาให้ทางบ้านสักครั้งเดียว
ย่าต้องพาลูกๆ ทำนา และเปิดร้านขายของชำเล็กๆ เพื่อให้ลูกได้อยู่ได้กิน
จนกระทั่งมีลูกคนที่เจ็ดนั่นแหละ ย่าจึงต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง ลูกๆ กำลังกินกำลังนอน บางคนอยากเรียนสูงๆ ข้าวที่ขายได้ไม่พอส่งลูกเรียน ลูกชายบางคนออกจากบ้านไปบวชเณรเรียนต่ออยู่ที่อื่น บางคนไปอยู่วัดในตัวอำเภอเพื่ออาศัยข้าวก้นบาตรเรียนในระดับที่สูงขึ้น
ช่วงเวลานั้นอย่าไปพูดถึงปู่เลย ชีวิตของปู่สนุกรื่นเริงอยู่ในวงไพ่วงสุรา กลับถึงบ้านก็ทุบตีย่าจนได้เลือดอยู่เสมอ
สาธิตบอกว่าหลายครั้งที่ย่าหนีไปอยู่กับป้าศรีที่อยู่อีกตำบลหนึ่ง แต่ภาระหน้าที่และลูกตาดำๆ ที่รออยู่ทำให้ย่ากลับมาให้ปู่ทุบตีอีกเรื่อยไป
ลูกๆ ของย่าเหมือนจะรับรู้ความยากลำบากของผู้เป็นแม่ จึงขยันขันแข็งในการทำงาน ไม่เกกมะเหรกเกเร และมีนิสัยใช้จ่ายอย่างประหยัด ลูกของย่ามีทั้งหมดถึงเก้าคน
ย่ามีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ร่างกายถดถอยลงตามวัย เนื้อหนังเหี่ยวย่น สองมือหยาบกร้าน ผมบนศีรษะขาวโพลน ย่ายังลงไร่น่าเช่นเดิม ว่างเว้นจากฤดูทำนาก็ลงทุ่งหาปูปลา ลูกของย่าไม่เคยหิว เหลือก็ขายให้คนในหมู่บ้าน ย่าไม่เคยหยุดพัก บางช่วงเวลาของปีก็ออกหากกมาทอเสื่อขาย ราวกับชีวิตของย่าเกิดมาเพื่อทำงานกระนั้น
ลูกๆ กระจัดกระจายไปตามวิถี มีครอบครัวกันหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่ย่าต้องเลี้ยงหลานอีก ตอนแรกก็เลี้ยงเล่นๆ แก้เหงา นานเข้าก็ติดหลานเสียอีก พอหลานเติบใหญ่กำลังน่ารักพ่อแม่เขาก็มาเอาไป ย่าร้องไห้ตามหลานมาหลายคนแล้ว
ย่าภูมิใจในตัวลูกทุกคน ที่ดินน่าไร่ไม่มีไว้ให้ลูกสักแปลงเดียว นาที่ทำอยู่ก็เช่าเขาทำ ลูกของย่าส่งเสียตัวเองหรือรับผิดชอบตัวเองได้โดยไม่ต้องรอสมบัติจากพ่อแม่ โดยเฉพาะลูกที่เป็นนักต่อสู้ อยู่นาดำนาเกี่ยวข้าวได้ อยู่เมืองทำงานเลี้ยงตัวเองได้
“ทำไปเถอะลูก ตอนนี้ยังมีแรงทำ” ย่าบอกสาธิตบ่อยๆ
“นอนกับย่าสักคืนนะลูก เย็นนี้ย่าจะต้มยำปลาช่อนใบมะขามอ่อนกับห่อหมกปลาดุก”
สาธิต ลักขณา และเด็กชายภูพิพรรธพยักหน้าและระบายยิ้ม