สัญญาณเตือน(เลือดสีขาว 3)
สัญญาณเตือน
คุณหมอเชื้อเชิญให้สาธิตและลักขณานั่งบนเก้าอี้ตรงหน้า จิตใจของสาธิตเต้นระส่ำอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ ลักขณาผู้เป็นภรรยาบีบมือเขาแรงขึ้นเพื่อเป็นการเตือนว่าอย่าตื่นเต้นอะไรนัก สาธิตเหลียวไปมองหน้าหล่อนก็เห็นหล่อนหน้าซีดเซียวราวกับไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวัน
จะไม่ให้สาธิตกลัดกลุ้มใจได้อย่างไรกัน เขาและภรรยามีลูกชายคนเดียว แต่ต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่อายุได้เพียงแปดเดือนเศษ นอนโรงพยาบาลได้สามคืนแล้วยังไม่มีอาการดีขึ้น
"พ่อแม่ก็มัวแต่ทำงาน ไม่สนใจลูกเลย" น้องชายมันบ่นว่าสาธิตเมื่อรู้ว่าหลานชายซึ่งกำลังน่ารักต้องนอนโรงพยาบาล
สาธิตไม่เคยสังเกตร่างกายเนื้อตัวลูกชายอย่างจริงจังมาก่อน เขาเอาแต่ทำงาน บางคืนก็เข้าเวรยามเสียอีก เขาไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกชาย ก่อนเข้าโรงพยาบาลเพียงสองวัน ลูกชายเอาแต่ร้องไห้โยเย ท้องเสียอย่างต่อเนื่อง กินก็ไม่ค่อยได้ ร่างกายผอมเหลือง ทรุดโทรมทันตาเห็น
จะว่าไปสาธิตก็คล้อยตามน้องชาย เขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเอาจริงๆ เขาไม่โทษลักขณาหรอก หล่อนดูแลลูกเป็นอย่างดีแล้ว เรื่องที่ลูกป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเรื่องสุดวิสัยที่หล่อนจะช่วยได้
สาธิตและลักขณาจับมือกันแน่น ในใจนึกภาวนาขอให้เทวดาฟ้าดินดลบันดาลให้ลูกชายหายป่วยโดยเร็ว คุณหมอเจ้าของไข้เงยหน้าจากเอกสาร
"จากผลการตรวจยังไม่แน่ชัดว่าลูกชายของคุณป่วยเป็นโรคอะไรแน่ รู้เพียงว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับเลือด ทางโรงพยาบาลไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัยพอ หมอมีความเห็นว่าควรส่งเด็กไปตรวจและรักษาที่อื่น" คุณหมอวัยกลางคนเว้นระยะก่อนพูดต่อ "คุณจะเลือกโรงพยาบาลศรีนครินทร์ฯ ที่ขอนแก่น หรือจะเลือกโรงพยาบาลรามาฯ ที่กรุงเทพฯ ทั้งสองแห่งเชี่ยวชาญด้านการตรวจรักษาโรคเลือด" สาธิตหันไปมองหน้าภรรยาอย่างขอความเห็น ลักขณาฝืนยิ้ม
"รามาครับหมอ.."สาธิตตอบก่อนจะถามหมอ "ไอ้โรคเลือดนี่มันเป็นยังไงครับหมอ"
"เคสลูกของคุณหมอยังตอบไม่ได้แน่ชัด ก็อย่างที่บอกเครื่องมือเราไม่พร้อม โรคเลือดในเด็กที่เห็นบ่อยก็คือ ลูคีเมียหรือธาลัสซีเมีย ซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ภาษาชาวบ้านทั่วไปรู้จักกันในชื่อโรคมะเร็งในเม็ดเลือด คุณหรือไม่ก็ภรรยาต้องเป็นพาหะ...แต่..เอ่อ.." คุณหมอวัยกลางคนชะงักคำพูดค้างไว้อย่างนั้น เพราะลักขณาได้เป็นลมล้มพับไปเสียแล้ว