เพื่อนต่างวัย(เรื่องสั้น)
เรื่อง...เพื่อนต่างวัย
โดย...ทินภัทร สำเร็จงาน
******************************************************
ผกามองชายหนุ่มคราวลูกเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบหงอย ไฟแสงสีหน้าร้านส่งแสงสดใส ราวกับจะบอกว่าราตรีนี้อีกยาวนาน หล่อนหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับถอนหายใจ ทุกครั้งที่เดินออกมาส่งชายหนุ่มหน้าร้านหล่อนรู้สึกใจหาย กลัวว่าเขาจะจากหล่อนไปอย่างไม่หวนกลับมา
เป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย ระหว่างผกากับกร หล่อนอายุสี่สิบปี ส่วนเขาอายุยี่สิบปี หล่อนทำงาน ร้านนวด ส่วนเขาเป็นนักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับชายหนุ่มดำเนินไปเรียบเรื่อย ทว่ามั่นคง ไม่มีข้อเรียกร้อง ไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนให้ปวดหัว
ถึงหล่อนจะมีอายุเพียงสี่สิบปี แต่อาชีพหมอนวดร้านกลางคืน มีไฟแสงสีเป็นฉากพรางกาย นับว่าเป็นหมอนวดที่ใกล้ปลดระวางเต็มที ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากนวดกับคนอายุมาก เด็กสาวๆ อายุไม่เกินยี่สิบห้ามีอยู่เต็มร้าน นวดเป็นหรือไม่เป็นไม่สำคัญ ใครจะอยากคุยกับคนใบหน้ากร้านโลกอย่างเช่นผกา หลายค่ำคืนที่หล่อนนั่งในตู้กระจกโดยไม่มีลูกค้าเรียกให้นวด ไม่มีงานก็ไม่มีเงินเป็นเรื่องธรรมดา
จนกระทั่งคืนหนึ่ง เหตุการณ์ทางการเงินที่กำลังร่อแร่ของผกาก็ถูกคลี่คลายพร้อมกับการเดินทางมาของลูกค้าหนุ่มชื่อกร
คืนนั้น เวลาประมาณสี่ทุ่ม ขณะที่เพื่อนรุ่นน้องรายแล้วรายเล่าถูกลูกค้าเรียกให้ไปนวดเกือบหมดตู้ ผกานึกว่าคืนนี้ก็คงเป็นดั่งเช่นคืนที่ผ่านมา หล่อนตกงาน ไม่ได้ทำงานสักรอบเดียว และต้องหิวโซต่อไปอีกหลายวัน ขณะที่คิดถึงปากท้องของตัวเองอยู่นั้น หมายเลขของหล่อนก็ถูกเรียก ดีใจจนเนื้อเต้น ราวกับพระมาโปรด ผกากระวีกระวาด เดินออกจากตู้และไปรับลูกค้าทันที ลูกค้าในรอบสัปดาห์เลยทีเดียว
หล่อนยกมือไหว้ลูกค้าตามธรรมเนียมปฏิบัติของร้าน ลูกค้าหนุ่มยกมือไหว้รับอย่างประดัก ประเดิด จากนั้นหล่อนก็เดินนำเขาขึ้นไปยังห้องนวด ยื่นชุดนวดให้เขาผลัดเปลี่ยน เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย
“ไม่ต้องนวดหรอกครับ” ชายหนุ่มว่า
“อ้าว ทำไมล่ะ น้องไม่ได้มานวดหรอกหรือ” ผกาพินิจชายหนุ่มชัดๆ ใบหน้าคมเข้ม หุ่นดี วัยน่าจะสิบเก้าหรือยี่สิบปี
“ไม่หรอกครับ ผมแค่เบื่อๆ พี่นั่งเถอะครับ ผมอยากหาเพื่อนคุย” เขาว่า
ผกา หย่อนก้นลงนั่งข้างๆ เขา
“คอร์สหนึ่งตั้งห้าร้อยเชียวนา” หล่อนว่าอย่างสงสัย
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากคุยกับพี่แค่นั้นเอง เห็นพี่นั่งเบื่อๆ ผมก็เบื่อเหมือนกัน”
เขารู้ได้อย่างไรว่าหล่อนเบื่อ ช่างเถอะ หล่อนเบื่อจริงๆ นั่นแหละ ชีวิตวัยสาวมันล่วงพ้นไปนานแล้ว ผ่านดีผ่านชั่ว ผ่านผู้คน และผ่านการงานมาตั้งมากมาย บางครั้งก็จำไม่หวาดไม่ไหว
“หน้าตาพี่คงทรุดโทรมน่าเบื่ออย่างน้องว่าจริงๆ”
“ไม่ได้ทรุดโทรมหรอกครับ ดูเหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลกมากกว่า”
ชายหนุ่มคนนี้มีแววตาเศร้า ดูเหมือนเก็บงำเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตไว้มากทีเดียว ถึงอย่างไรการพบเจอกันครั้งแรกๆ ก็ทำให้หล่อนหยุดปากที่อยากถามไว้ก่อน จึงแค่แลกเปลี่ยนชื่อและเบอร์โทรศัพท์กันและกัน คืนนั้นเขาขอนอนกอดหล่อนและเขาก็หลับพริ้มจนหมดเวลา
ชีวิตคนเรามักไม่แน่ไม่นอน มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน บางวันดี บางวันร้าย หลังจากวันนั้นกรก็มาหาหล่อนทุกวันศุกร์ เวลาสี่ทุ่มตรงเป๊ะ ไม่มีการนวด ไม่มีกิจกรรมอื่น นอกจากพูดคุยและเขานอนกอดหล่อนไว้เฉยๆ จนหลับไป เหตุการณ์ซ้ำๆ เดิมๆ เกิดขึ้นศุกร์แล้วศุกร์เล่า ชีวิตของผกาที่เคยเงียบหงอยก็เริ่มตื่นฟื้นขึ้นมาบ้าง ทุกวันศุกร์หล่อนจะรอเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“ตอนเป็นเด็กครอบครัวผมฐานะดีครับ พ่อทำธุรกิจด้านการส่งออก แม่เป็นแม่บ้านเลี้ยงดูลูก บ้านหลังใหญ่โตมีลูกเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือผม ดูเหมือนครอบครัวของเราจะมีความสุขดี แต่เมื่อพ่อมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ความอึมครึมจึงปกคลุมครอบครัวเราตั้งแต่นั้น จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลา พ่อเริ่มกลับบ้านไม่เป็นเวลา บางครั้งกลับเกือบเช้า มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นเหล้าหึ่งติดตัวมาอีกด้วย จากคนที่คอยเอาใจใส่ครอบครัว รักผมและแม่ วันหยุดสุดสัปดาห์ไปเที่ยวด้วยกัน พ่อไม่สนใจแม่และผมอีก หลายครั้งที่ผมเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องของผู้หญิง ผมไม่เข้าใจ ก็ผมมีอายุแค่ห้าขวบเท่านั้นเอง เรื่องราวมันบานปลายจนวันหนึ่งพ่อทุบตีแม่จนหน้าตาบวมปูด แม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ก่อนที่แม่จะจากผมไป คืนนั้นแม่กอดผมร้องไห้คร่ำครวญ ผมม่อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีแม่ก็หายไปจากที่นอนแล้ว ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จำได้เพียงว่าหลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็พาผมไปงานศพ แม่ที่วัด ภาพแม่ที่ตั้งหน้าโลงศพดูหมองเศร้านั้นมองมาที่ผมราวกับจะขอโทษ ผมจำภาพนั้นได้ติดตา แม่จากไปได้เพียงสามเดือน พ่อก็นำผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาอยู่ที่บ้าน คนในบ้านต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างรีบด่วน เพราะแม่ของผมใจดี อ่อนโยน ไม่เคยดุด่าใครให้เห็น ส่วนผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ใหม่เกรี้ยวกราด ด่าว่าอย่างเสียๆ หายๆ แม้แต่ผมเอง ซึ่งเป็นลูกของพ่อก็ถูกผู้หญิงคนใหม่ของพ่อทำร้ายตั้งหลายครั้ง” กรเล่าเรื่อง
น้ำตาชายหนุ่มซึมไหล ผกาลูบหัวเขาเบาๆ ปลอบประโลม
“ตอนนี้ผมอายุยี่สิบปีแล้ว เรียนหนังสืออยู่ปีสอง แม่เลี้ยงก็ยังด่าว่าผมอยู่เสมอ ผมคิดถึงแม่ทุกวัน ร้องไห้เรียกหาแม่มาตลอด พ่อน่ะหรือ ไม่สนใจผมหรอก วันๆ ทำแต่งาน แล้วก็พาครอบครัวของพ่อออกไปเที่ยว พ่อมีลูกกับแม่เลี้ยงอีกตั้งสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง อายุสิบห้ากับสิบหกปี ผมกลายเป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้นแหละ” เสียงของเขา สั่นเครือ “ผมรู้สึกดีขึ้นที่ได้ระบายให้พี่ฟัง ผมอยู่กับพี่แล้วมีความสุขครับ” ว่าแล้วก็สอดแขนกอดหล่อนไว้แล้วหลับไป
แม้กรจะมาหาผกาแค่สัปดาห์ละหนึ่งวัน แต่เขาก็ให้เงินหล่อนไว้ครั้งละหลายพัน นอกจากค่าชั่วโมงที่ต้องแบ่งคนละครึ่งกับทางร้าน
ชีวิตความเป็นอยู่ของหมอนวดวัยใกล้เกษียณดีขึ้นกว่าเดิม หล่อนต้องประหยัด และเก็บออมเอาไว้เมื่อยามแก่ตัว ชีวิตวัยรุ่นที่ผ่านมาเตือนให้หล่อนรู้ว่าทุกอย่างไม่มีความแน่นอน
ตอนที่หล่อนทำงานนวดใหม่ๆ ตอนนั้นอายุแค่ยี่สิบเอ็ดปี ลูกค้ามาติดเยอะ นอกจากจะนวดในร้านแล้ว ยังมีงานพิเศษนอกเวลาอีกด้วย แต่หล่อนก็ไม่มีเงินเก็บ เพราะหล่อนติดการพนัน และติดเที่ยวเตร่กลางคืน
หล่อนอยู่ในวงการคนกลางคืนอย่างเต็มรูปแบบ งานนวดจะพอยาไส้อะไร ต้องรับงานพิเศษนอนกับลูกค้าถึงจะได้เงินไว้ใช้จ่ายอย่างไม่ลำบากนัก พอรับลูกค้ามากเข้าก็มีหนุ่มใหญ่หลายคนมาติดพันและเลี้ยงดูเป็นเมียเก็บ คนแล้วคนเล่า ถึงวันนี้หล่อนจำไม่ได้แล้วว่ามีสามีชั่วคราวสักกี่คน บางคนอยู่กัน หลายปี จนกระทั่งเมียซึ่งเป็นตัวเป็นตนของเขาตามมาอาละวาดเรื่องราวจึงจบลงได้ บางคนก็แค่แรมเดือน
ได้เงินมาง่ายหล่อนก็จับจ่ายได้ง่าย หลายค่ำคืนที่หล่อนเมาหัวทิ่มอยู่ตามผับบาร์ แวดล้อมด้วยเพื่อนหมอนวดและนักท่องราตรีทั้งหลาย เสียงเพลงจังหวะเริงเร้า กระตุ้นให้หล่อนระเบิดเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ก่อนที่ตอนเช้าจะพบตัวเองนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่เพียงลำพัง
ผกานำเงินที่ได้มาจากงานนวดและสามีชั่วคราวไปเล่นการพนันหามรุ่งหามค่ำ บางครั้งเล่นรวดเดียวห้าวันห้าคืน หมดเงินไปนับล้านบาท หล่อนก็ยังไม่รู้สึกเข็ดขยาดกับเงินที่เสียไป ยังเป็นแมงเม่าบินเข้าไปตายในกองไฟอย่างสม่ำเสมอ
วัยสาวหล่อนเป็นคนสวยคนหนึ่ง การแต่งกายก็ทันสมัย ทำให้หล่อนเงยหน้าสู้โลกได้อย่างไม่อายฟ้าดิน และไม่ยี่หระต่ออดีตที่ผ่านมา
จนเมื่อพบว่าตัวเองอายุสามสิบแปดเข้าไปแล้ว ลูกค้าทั้งใหม่และเก่าหายหน้าไป บางรายไม่ถึงกับหายไปเสียเลย พวกเขายังวนเวียนอยู่แถวร้านนวดนี่เอง เพียงแต่ผกาไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มีนิสัยเหมือนกัน คือชอบเด็กสาว อายุสิบแปดสิบเก้ายิ่งดี หล่อนจึงตกกระป๋อง ต้องออกกำลังนวดอย่างเดียว กว่าจะจบคอร์สหมดเวลา ต้องเกร็งกล้ามเนื้อแขนจนแทบหมดแรง
พักหลังๆ มานี้ หล่อนคอยฟังเสียงเรียกให้หล่อนขึ้นไปนวดลูกค้า คืนแล้วคืนเล่าที่ผ่านไปอย่างว่างเปล่า
“พี่มีผัวตั้งแต่อายุสิบห้าปี เรียนมอสามยังไม่จบด้วยซ้ำ เรามันไม่รักดีเอง เป็นคนบ้านนอก พ่อแม่ทำนา พี่น้องสามคน เป็นผู้หญิงทั้งหมด พี่เป็นลูกคนเล็ก พี่ๆ แต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว พ่อแม่ตั้งใจให้พี่เรียนสูงๆ จะได้ทำงานดีๆ ไม่เหมือนอย่างพี่ๆ ที่ต้องทำนาจนตลอดชีวิต” หล่อนเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง
“ผัวของพี่มันพูดอย่างโน้นว่าอย่างนี้ พี่ก็เห็นดีไปหมด เขามีอายุมากกว่าพี่ตั้งห้าปี ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่างานอะไร รู้แค่ว่าทำงานกรุงเทพฯ พี่ก็ตาลุกแล้ว อย่างไรก็ต้องดีกว่าบ้านนอกคอกนาแน่ๆ เขาชวนให้พี่หนีไปด้วยกัน เขาจะไม่ให้พี่ต้องทำงานหนัก ตอนนั้นพี่หน้ามืดตามัว เขาว่าอะไรก็ดีไปหมด คืนต่อมาพี่จึงหอบผ้าหนีมากรุงเทพฯ กับเขา” ผกาหยุดชั่วขณะ พลางทอดถอนใจ
“ถึงกรุงเทพฯ จึงรู้ว่าเขาขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อันที่จริงพี่ไม่เคยรังเกียจอาชีพอะไรเลย อย่างว่า วัยรุ่นน่ะ ตอนนั้นผิดหวังนิดหน่อย พี่ชอบเขารักเขาแล้วนี่ต้องสู้กันต่อไป ฉันหางานทำเล็กๆ น้อยๆ พอจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้บ้าง ห้องเช่าคับแคบที่ผัวเช่าอยู่นั้นจ่ายแต่ละเดือนเกือบสองพันบาท จะรอค่าโดยสารมอเตอร์ไซค์ คงไม่พอกิน ไหนจะค่ากินอีก จากเด็กกะโปโลที่อยู่ในโรงเรียน เรียนหนังสือ ทำการบ้านส่งครู หาบน้ำใส่ตุ่มให้พ่อแม่ ต้องมาทำงานในร้านเนื้อย่างเกาหลี เสิร์ฟน้ำ ยกอาหาร นานวันเข้าก็เสิร์ฟเหล้าเบียร์” ผกาเล่า กรนอนตะแคงติดตามเรื่องราวของหล่อนอย่างสนใจ
“ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะลงเอยด้วยความเศร้า ผัวของพี่เริ่มติดเหล้า ท้องของพี่เริ่มโตตามวันเวลาที่ผ่านไป พอครบกำหนดพี่ก็คลอดออกมาได้ลูกผู้ชายหน้าตาน่ารักน่าชัง ใครเลยจะรู้ว่า เสียงร้องจ้าของเด็กน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั้นจะไปทำความรำคาญให้ผู้เป็นพ่อที่เมามาตั้งแต่บ่ายโมง ขณะที่พี่เข้าห้องน้ำ ผัวของพี่ก็อุ้มเด็กน้อยที่แหกปากลั่นขึ้นจากอู่ แล้วโยนลูกวัยไม่ถึงขวบลงคลองแสนแสบข้างห้องเช่า เสียงร้องของเด็กเงียบไป เสียงพี่ร้องไห้คร่ำครวญขึ้นแทน พี่พยายามจะกระโดดตามลงไปในคลองแสนแสบ แต่ถูกเพื่อนข้างห้องเช่าช่วยกันรุมจับตัวไว้ ไอ้ผัวตัวดี ขับมอเตอร์ไซค์หนีออกไป แต่มันก็หนีไม่พ้น ตำรวจจับกุมมันได้ตรงปากซอย มันถูกตัดสินประหารชีวิต” หล่อนเว้นจังหวะนิดหนึ่ง น้ำตาไหลพราก “เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันงมหาร่างลูกชาย หาอย่างไรก็ไม่เจอ จนถึงตอนนี้ ไม่รู้ไปผุดไปเกิดใหม่หรือยัง ถ้าแกอยู่ป่านนี้อายุน่าสิบเก้าหรือยี่สิบปี พอๆ กับน้องนี่แหละ” หล่อนปล่อยเสียงโฮอย่างเต็มที่ กรกอดหล่อนไว้แน่น
กรหายไปหลายสัปดาห์แล้ว ผกาเปิดโทรศัพท์มือถือดูหมายเลขโทรศัพท์ของเขาหลายครั้ง จนแล้วจนรอดหล่อนก็ไม่กล้าโทรไป บางครั้งชีวิตของใครก็ชีวิตของมัน เขาคงเหมือนลูกค้าคนอื่นกระมัง พอร่ำระบายคลายเครียดแล้วก็หายไป
บางคนระบายด้วยความใคร่ บางรายพ่นคำสบถหยาบคายให้หล่อนฟังเป็นชั่วโมงๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่กับชายหนุ่มมันแตกต่างออกไป รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา หล่อนเป็นห่วงเขา อยากรู้ข่าวคราวของเขา สักเล็กน้อยก็ยังดี จากการพูดคุยกันหลายครั้ง หล่อนรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน หล่อนไปถูก แต่หล่อนจะไปในฐานะอะไร พี่สาว หมอนวดประจำตัว คนรัก เพื่อน หล่อนไม่เป็น สักอย่าง
ภายในตู้กระจกเย็นฉ่ำ เหงื่อเหนียวหนับ พยายามเพิ่งสายตามองออกไปนอกตู้กระจก กวาดสายตาสำรวจลูกค้าที่นั่งอยู่ภายนอก แสงไฟหลากสีพร่าเลือนข้างนอกนั้น หล่อนไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร นอกจากเงาตะคุ่มของคนหลายคนนั่งดื่มกิน และคงจะวิพากษ์วิจารณ์หญิงสาวในตู้อย่างคะนองปาก ตามประสาชายกลัดมัน
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือใบเล็กสั่นเตือน หล่อนเปิดกระเป๋าและหยิบมันออกมา เลื่อนรับโทรศัพท์ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏหน้าจอมาก่อน
“คุณผกาใช่มั้ยครับ” เสียงผู้ชายที่หล่อนไม่คุ้นเสียง
“ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมอยากให้คุณมาที่นี่หน่อย” น้ำเสียงตื่นเต้นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ใครคะนั่น แล้วจะให้ฉันไปไหน”
“ผม เอ่อ พ่อกร” ปลายสายว่า
ผกาตัวเย็นเฉียบ นึกหาคำพูด หาทางออก หากต้องพบเจอเรื่องราวที่คาดไม่ถึง
“กรเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ อยู่โรงพยาบาลศรีเวช เขาบ่นหาแต่คุณ พอจะมาได้ไหมครับ” ปลายสายเว้นระยะนิดนึง “ผมขอร้อง ผมทำไม่ดีกับเขาไว้เยอะ ช่วยผมด้วยนะครับคุณผกา กรบอกให้ผมโทรมาครับ”
“ค่ะๆ ฉันจะรีบไปค่ะ” หล่อนรับปากโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
ตอนที่หล่อนไปถึงโรงพยาบาลนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว พยาบาลชี้ทางบอกห้องของกร ผการีบสาวเท้าตรงไปอย่างรวดเร็ว ประตูเปิดออก ชายเลยวัยกลางคนยิ้มจืดชืดส่งให้ กรซึ่งถูกพันด้วยผ้าปิดแผลเกือบจะทั่วร่างนอนหายใจอ่อนระโหยอยู่บนเตียง เขามองมาที่หล่อน และพยายามฝืนยิ้ม หล่อนเดินเข้าไปจับมือของเขาบีบเบาๆ
“ขอบคุณครับพี่” ชายหนุ่มเปล่งเสียงแหบแห้งอย่างยากลำบาก ก่อนจะหลับตาพริ้มและยิ้ม บรมสุข เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย หล่อนพูดไม่ออก น้ำตาเอ่อคลอ