ของฝาก(เรื่องสั้น)
เรื่อง...ของฝาก
โดย...ทินภัทร สำเร็จงาน
******************************************************
จอดรถเข้าที่เรียบร้อยฉันก็พบแกยืนรอที่ประตูรถแล้ว น้าแหวนยิ้มแฉ่งอวดฟันดำรอท่า พอฉันเปิดประตูก้าวลงจากรถน้าแหวนก็เข้ามาจับมือจับไม้อย่างยินดีปรีดา
“มาแล้วๆ คิดถึงๆ “ แกว่า
ฉันรู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับท่าทีของน้าแหวน แกไม่เคยแสดงอาการตื่นเต้นจนออกนอกหน้าอย่างนี้ ฉันไม่ได้สนิทสนมกับน้าแหวนจนถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวกันมาก่อนเลย ขณะนี้ฉันอายุสี่สิบเก้า ส่วนน้าแหวนน่าจะสักเจ็ดสิบ ร่างกายแกยังแข็งแรง การเดินเหินก็ยังคล่องแคล่วราวกับเด็กสาว
“ไปๆ ไปหาแม่มึง” น้าแหวนจูงมือฉันไปที่บ้านแม่ ฉันเดินตามต้อยๆ ราวกับถูกมนต์สะกด
นานหลายเดือนแล้วที่ฉันไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด ความยุ่งเหยิงของหน้าที่การงานเป็นตัวการสำคัญ มันฉกฉวยเอาเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันของฉันไปเกือบหมด แม้แต่ลูกชายและสามีก็ยังไม่ค่อย ได้พบกันพร้อมหน้า
“มีลูกกี่คนแล้ว” ระหว่างเดินน้าแหวนกระซิบกระซาบอย่างใคร่รู้
“คนเดียว ลูกชายค่ะ” ฉันตอบ
“คนเดียวหรือ” แกขึ้นเสียงตกใจแล้วพูดต่อ “คนเดียวไม่ดีนะ เดี๋ยวเป็นอะไรไป จะอยู่ยังไง มีผู้หญิงอีกคนซี นะ” น้าแหวนว่า ซึ่งเรื่องนี้ฉันเคยได้ยินคนอื่นๆ พูดมาบ้างแล้ว
“ไม่กล้ามีค่ะ ลูกชายเกิดมาก็มีโรคประจำตัว กว่าจะรักษาหายก็อายุสิบหกปีแล้ว เหนื่อย ไม่กล้ามีอีกค่ะน้า” ฉันว่าเรื่อยๆ
“อย่างงั้นหรือ ไม่เป็นไรนะ มีลูกเยอะ ถึงเวลาเขาก็ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว อย่างน้านี่ มีตั้งห้าคน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่กับแม่สักคน ทุกคนไปตามทางของเขา” น้าแหวนพูดเสียงสั่นๆ แววตา เศร้าเหงา
“น้าอยู่กับใคร” ฉันถามบ้าง แกชะงักนิดนึง ก่อนจะบอกว่า “อยู่กับหลานชาย นี่ก็ไม่ค่อยอยู่ ติดบ้าน กำลังวัยรุ่น” น้าแหวนปล่อยมือที่จูงแขนฉัน แม่มองมาที่เราทั้งคู่ ฉันส่งขนมปังให้น้าแหวนหนึ่งปอนด์ แกรับแล้วล่าถอยออกไป คงกลับบ้านของแก
แม่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนเพียงลำพัง แม่ดูแก่ลงไปมาก ร่างกายเหี่ยวย่น ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ แต่แม่ก็ยังจำลูกๆ ทุกคนได้อย่างแม่นยำ
พอฉันยกมือไหว้แม่ก็ถาม “มาคนเดียวหรือลูก”
“ค่ะ มาคนเดียว” เสียงของฉันเบาหวิว
“คงรีบกลับอีกละซิ” แม่ว่าเหมือนน้อยใจ หลายปีหลังฉันไม่เคยค้างคืนที่บ้านแม่เลย แวะมาประเดี๋ยวเดียวก็ขับรถกลับ “เหมือนกันทุกคน ไม่มีใครนอนกับแม่สักคืน” เสียงแหบๆ ของแม่เหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับฉัน
“แม่สบายดีนะ” ว่าพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แม่ วางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะ เมื่อสองมืออิสระจากสิ่งใดก็โอบกอดแม่ด้วยความคิดถึงและปลอบประโลม
“เมื่อกี้เห็นแหวนมันมาด้วย” แม่ว่า
“ใช่ค่ะ แกทำตัวแปลกๆ เมื่อก่อนแกไม่เคยตื่นเต้นดีใจที่เห็นหนูเลย น้าแหวนออกจะไม่ชอบหน้าหนูด้วยซ้ำ แต่วันนี้แกเข้ามาจับมือจับไม้หนูด้วย ยังแปลกใจไม่หาย” ฉันเล่า แม่นั่งทำตาปริบๆ
“ตั้งแต่ไอ้ทิดตาย มันก็ป้ำๆ เป๋อๆ คงอยู่ไม่ถูกกระมัง ตั้งแต่เผาศพไอ้ทิด ลูกห้าคนไม่เคยมาเยี่ยมมันเลย พูดแล้วก็สงสาร แต่แม่ก็ไม่อยากไปหาแหวนที่บ้านมัน แม่ใจหายทุกครั้งที่เข้าไปบ้านหลังนั้น มันวังเวงน่าหดหู่” แม่หมายถึงงานศพน้องชายของแม่ที่เป็นสามีน้าแหวน “ไอ้ทิดกับแหวนเหมือนมีกันแค่สองคน มีลูกก็เหมือนไม่มี พอไอ้ทิดตายมันก็เลยอยู่ไม่เป็น”
ฉันหวนคิดถึงครอบครัวของน้าทิดกับน้าแหวน ตอนเด็กๆ ฉันเคยเป็นเพื่อนวิ่งเล่นกับลูกๆ ของพวกแก สนุกสนานตามประสา บางคนสนิทสนมกันมาก วันเวลาผ่านไปต่างคนต่างแยกย้ายไป ตามทางของใครของมัน
พี่ๆ น้องๆ ของฉันที่คลานตามตั้งเก้าคนก็เช่นกัน พอเติบใหญ่กลายเป็นคนแปลกหน้า พบเจอกันก็ทักทายอย่างเสียไม่ได้ ไม่มีใครสำคัญเท่ากับครอบครัว ลูกเมีย ของพวกเขาหรอก แม้แต่พี่น้องท้องเดียวกัน
“พ่อไปไหนล่ะแม่” ฉันถาม
“ไปอยู่ที่เล้าไก่โน่นแหละ” แม่คงหมายถึงเล้าไก่ที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน พ่อทำเล้าไก่ไว้นานแล้ว กลางวันพ่อมักไปคลุกอยู่ที่นั่น กลับเข้าบ้านอีกทีก็ตอนพลบค่ำ
“ดูแลตัวเองนะแม่ บอกพ่อด้วย ฉันเป็นห่วง” ฉันว่า น้ำตาคลอหน่วย
“สังขารมันเป็นไปตามวัยลูก ไม่ต้องห่วงพ่อและแม่หรอก เป็นห่วงตัวเองเถอะ “ ว่าพลางแม่ก็เอามือลูบหัว ฉันหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข อยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้
เสียงโทรศัพท์กรีดเสียง ฉันลืมตา ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เลื่อนหน้าจอแล้วกรอกเสียง
“แม่ครับ เจอยายหรือยังครับ บอกยายด้วยว่าผมคิดถึง” ลูกชายวัยรุ่นเว้นจังหวะก่อนจะพูดต่อ “อย่าลืมปลาป่นยายนะครับ” ลูกชายกดวางสาย
ฉันมองหน้าแม่อย่างจะเอาใจ แม่รู้ว่าฉันชอบปลาป่นฝีมือแม่มาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่กลับบ้านเกิด ของฝากที่แม่ไม่เคยลืมก็คือปลาป่นนั่นเอง ลูกชายเห็นฉันกินน้ำพริกคลุกปลาป่นมาแต่เล็กแต่น้อย จึงลองกินดูบ้าง ลูกชายชอบและกินเรื่อยมา
ฉันกลับมาทำงานได้สองวัน เย็นนั้นฉันน้ำตาไหลขณะกินข้าวกับน้ำพริกปลาป่น ลูกชายสอบถามว่าเป็นอะไร ฉันไม่ตอบ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ นึกย้อนไปถึงวันที่ไปเยี่ยมแม่ ก่อนจากมาฉันขึ้นรถสตาร์ทเครื่อง น้าแหวนมายืนเคาะประตูรถ ฉันไขกระจกรถยนต์ลง น้าแหวนยื่นถุงพลาสติกเก่าๆ ให้ แล้วพูดว่า “แม่มึงบอกว่ามึงชอบกินปลาป่น น้าเลยเอามาฝาก” ฉันกล่าวขอบคุณรับถุงพลาสติกแล้วออกรถ มองกระจกส่องหลังเห็นน้าแหวนยืนนิ่งมองตามจนลับจากสายตา
น้าแหวนคงไม่รู้หรอกว่า ฉันชอบกินปลาป่นฝีมือแม่เท่านั้น ถุงปลาป่นของน้าแหวนยังปิดปากถุงมิดชิดเช่นเดิมโดยไม่มีใครแตะต้อง
**************************************************