ผู้เยี่ยมไข้(เรื่องเล่า)
เรื่อง...ผู้เยี่ยมไข้
โดย...ทินภัทร สำเร็จงาน
******************************************************
จอดรถตอนพลบค่ำพอดี เมียและลูกขนถุงใส่อาหารสดอาหารแห้ง อาหารคาวหวานเข้าไปก่อนไม่ทันหย่อนก้นลงบนม้าหินอ่อนหน้าบ้าน แม่ก็ให้ไปเยี่ยมน้าถมซึ่งกำลังป่วย บ้านน้าถมต้องเดินผ่านบ้านน้าสาวไปอีกหลัง ข้าพเจ้าบอกแม่ว่าเดี๋ยวก่อนก็ได้ น้าถมคงไม่เป็นอะไรหรอก
แม่ทำหน้าไม่พอใจ แล้วเดินเข้าห้องครัวไป แม่ก็เป็นเสียอย่างนี้เห็นใครเจ็บป่วยไม่ได้ ต้องรีบไปเยี่ยมป่วยให้ได้ เลยลามมาถึงลูกเต้าเหล่าหลานคนอื่นๆ ที่พบเจอ แม่ก็มักจะบอกให้ไปเยี่ยมคนป่วยด้วย โดยเฉพาะคนป่วยที่เป็นเครือญาตินั้น แม่บอกต้องไปเยี่ยมให้ได้ ไปให้เขาเห็นหน้า แม่ว่าอย่างนั้น
อาหารกับแกล้มวางเต็มโต๊ะตรงหน้า น้องเขย กับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นครู กศน.กำลังจิบเบียร์เย็นๆ ย่ำค่ำ พูดคุยกันเบาๆ ขณะที่ข้าพเจ้าจิบน้ำแดงซาบซ่า จิ้มเนื้อติดมันย่างยัดใส่ปาก ลูกชายวัยรุ่นก้มหน้า ก้มตาทะเลาะกับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เมียหน้าเป็นมันอยู่หน้าเตาย่าง
พ่อวัยแปดสิบเศษ เพิ่งสึกจากพระได้ไม่ถึงสามเดือน เดินเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบ มาเมื่อไร จะกลับวันไหน สบายดีนะทุกๆ คน พ่อสบายดี ดีกว่าตอนเป็นพระเยอะ ตอนเป็นพระลำบาก ไม่มีลูกหลานดูแล เดินบิณฑบาตก็ไม่สะดวก เกรงใจพระครูท่าน สึกมาอยู่กับลูกๆ หลานๆ ดีกว่า
ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าดีกว่าตอนเป็นพระจริงๆ ดวงหน้าพ่อมีสง่าราศี ไม่หมองคล้ำ ไร้ชีวิต เหมือนก่อน ท้ายสุดพ่อบอกให้ไปเยี่ยมน้าถมให้ได้นะ ยังไงก็มาแล้ว น้าถมป่วยเป็นมะเร็ง นึกว่าจะไม่รอดแล้ว ตอนนี้ได้น้ำมันกัญชาจึงดีขึ้นมาหน่อย แต่อย่างไรก็ต้องไปดู พ่อว่า
ข้าพเจ้าอือๆ ออๆ ส่งๆ ไป
ลูก เมีย น้องเขย และลูกพี่ลูกน้อง มองข้าพเจ้าอย่างจะกดดันให้ไปเยี่ยมคนป่วยโดยเร็วที่สุด ข้าพเจ้าหลบตา หันไปจิบน้ำสีแดงอย่างเย็นใจ
วงอาหารเย็นยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ลาบหมู ไก่ทอด ต้มยำปลาช่อน หมูติดมันย่าง และเครื่องดื่มหลากสีหลากรสค่อยๆ พร่องลงไปตามการเดินทางของเวลา คงประมาณสองหรือสามทุ่มแล้ว
ลูกชายคนเล็กของน้าถมเดินเข้ามา นั่งแปะลง ดื่มเบียร์สองสามอึก ดวงหน้าแววตาเหมือนไม่สบอารมณ์อะไรสักอย่าง ปกติเขาเป็นคนพูดคุยเก่ง แต่วันนี้เขาพูดแทบนับคำได้ เขาคงโกรธที่ข้าพเจ้าไม่รีบไปเยี่ยมพ่อของเขากระมัง
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ข้าพเจ้าชักชวนลูกเมียเดินทางไปบ้านแม่ยายที่อยู่ในตัวอำเภอ ทุกคนอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู ลูกเมียยังงงๆ อยู่ แต่ก็เดินตามข้าพเจ้าไปขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้
ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าไปเยี่ยมเพื่อนและคนใกล้ชิดที่ล้มป่วย ทุกคนเสียชีวิตในวันต่อมา ล่าสุดเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ข้าพเจ้าไปเยี่ยมเพื่อนร่วมงานซึ่งป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่จังหวัดชัยนาท เช้าวันต่อมาเขาก็ตาย
ทว่า ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงในการที่ข้าพเจ้าไม่ไปเยี่ยมน้าถมซึ่งป่วยนอนรอความตายนั่นหรอก มีเรื่องที่รบกวนจิตใจข้าพเจ้าเกี่ยวกับน้าชายคนนี้มาหลายปีแล้ว เรื่องที่ว่ามันเกี่ยวกับความตายของน้าทัน น้าชายอีกคน ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของน้าถม
น้าทันมีอาชีพเป็นคนขับรถ แกขับรถได้ทุกประเภท ดูเหมือนแกเกิดมาเพื่อขับรถโดยแท้ ครอบครัวของน้าทันค่อนข้างยากจน ลูกสี่คนของแกต่างกระเจิดกระเจิงแยกย้ายกันไป เมียของแกก็เป็นประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำงานในท้องนาไม่เป็นเหมือนชาวบ้านที่มีอาชีพทำนาทั่วไป สถานการณ์ทางครอบครัวจึงง่อนแง่นเต็มที
น้าทันขับรถไปก็กะล่อนจีบสาวๆ ไปเรื่อย ไข่ทิ้งไว้ตามรายทางทั่วไป เมื่อกลับเข้าบ้านจึงมีเรื่องทะเลาะกับเมียเป็นประจำ สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายญาติทางเมียอยู่ไม่น้อย
เรื่องเหล่านี้มาเข้าหูข้าพเจ้าอยู่บ่อยๆ เนื่องจากข้าพเจ้าสนิทสนมกับน้าทันมาก พูดคุยกันเหมือนพี่ชายกับน้องชาย เพราะน้าทันไม่ถือตัว นิสัยอ่อนโยน ใจดี ชอบร้องเพลงลูกทุ่ง ข้าพเจ้าจึงดื่มกินกับ น้าทันอย่างสบายใจ
ข้าพเจ้าทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ จะพบน้าทันสักครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้ากลับบ้านเกิดเมื่อไรถึงจะเจอแก บางทีน้าทันนั่นแหละที่ขับรถรับจ้างผ่านไปแถวจังหวัดที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ก็แวะไปเยี่ยมข้าพเจ้าบ้าง พบเจอกันทีไรก็ดื่มกินกันตามปกติ
จนกระทั่งคืนหนึ่ง น้าทันขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ก่อนทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านรถมอเตอร์ไซค์ ของน้าทันตกลงไปในคลองชลประทาน แกคอหักตายคาที่
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาญาติพี่น้องใกล้ชิดในทำนองไม่เชื่อว่าน้าทันจะขับรถตกถนนได้ แกมีอาชีพขับรถ มีความเชี่ยวชาญในการขับรถทุกประเภท ถึงจะเมามายสักแค่ไหนแกไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ล้มมาก่อน หลายคนสงสัยว่าอาจจะมีใครดักทำร้ายแกแล้วโยนทั้งคนและรถลงไปในคลอง เนื่องจากสภาพรถมอเตอร์ไซค์มีเพียงรอยสีถลอกเล็กน้อยเท่านั้น บางคนบอกว่าคงเป็นญาติทางฝ่ายเมียที่โกรธแค้นอยู่ก่อนแล้วลงมือฆ่าน้าทันเพื่ออำพรางคดี
น้าถมปิดปากเงียบ ไม่แสดงความเห็นใดๆ แม้สีหน้ากระอักกระอ่วน บางคนบอกว่าน้าถมอยู่ในเหตุการณ์คืนน้าทันตกคลองตาย และรู้เรื่องราวทั้งหมดดี รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นผู้ลงมือ ญาติพี่น้อง ต่างต้องการให้ตำรวจทำการสอบสวนและผ่าศพพิสูจน์ก่อนทำการเผา แต่น้าถมคัดค้านหัวชนฝา เหตุการณ์นี้จึงสรุปง่ายๆ ว่าน้าทันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
“คนมันตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก” น้าถมว่า
จะเป็นผลกรรมที่พ่อกระทำไว้หรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ ปีต่อมาลูกชายของน้าถมวัยสามสิบเศษก็ตายในสภาพแบบเดียวกับน้าทัน วันนั้นลูกชายของน้าถมขับปิคอัพไปดูไร่ข้าวโพด แล้วตกลงไปในคลองชลประทาน รถปิคอัพพังยับเยิน ร่างของลูกชายน้าถมถูกรถอัดทับจนไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยได้ทันท่วงที น้าถมร้องไห้แทบจะขาดใจ
...................
หลังจากข้าพเจ้ากลับบ้านคราวนั้น ข้าพเจ้าทราบข่าวจากพี่น้องบ้างว่าน้าถมอาการหนักมาก แกร้องครวญครางโอดโอยอย่างทรมาน ปากก็พล่ามเพ้อถึงน้าทันและลูกชายของแกอยู่แทบตลอดเวลา
...................................................................