โซ่ล่ามกรรม(เรื่องสั้น)
เรื่อง...โซ่ล่ามกรรม
โดย...ทินภัทร สำเร็จงาน
......................................................................................................................................................
กลางวันหรือกลางคืนก็ไม่แน่ใจ นางตื่นมาก็ได้กลิ่นข้าวต้มใกล้ๆ ตัว วาดมือส่ายไปมาควานหาชามข้าว รีบตักข้าวต้มใส่ปากอย่างมูมมาม นางกินทุกวันนั่นแหละ หากแต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นมื้อไหน ในห้องไม่มีแสงไฟ นางอยู่ในความมืดแทบจะตลอดเวลา วันๆ นางรับรู้เพียงว่าต้องกิน และขับถ่ายใส่ถังใบหนึ่งซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ ประตูห้อง
ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มีเพียงที่นอนและหมอนสกปรก เมื่อถึงเวลาจะมีคนเปิดประตู เข้ามาพร้อมข้าวหนึ่งจาน น้ำหนึ่งแก้ว และเอากระป๋องรองรับการขับถ่ายมาเปลี่ยน
ในแต่ละวันแม่เฒ่ามีกิจวัตรประจำวันอยู่สี่อย่าง คือ กิน ขับถ่าย นอน และฟัง กินข้าวต้มเสร็จ ดื่มน้ำตาม นางผลักชามไปไว้ใกล้ๆ ประตูทางเข้าห้อง นางขยับขาข้างที่ถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ ขนาดใหญ่ด้วยความเมื่อยขบ เสียงโซ่กระทบกันดังกราว นางล้มตัวลงนอน
ดีอยู่หน่อยที่ยังมีเสียงเล็ดลอดเข้ามาได้บ้าง ไม่งั้นแม่เฒ่าคงเหี่ยวเฉาและเป็นบ้าตาย ไปนานแล้ว นางมักจะนอนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวจากภายนอกห้อง บางครั้งกะเกณฑ์เวลาได้บ้างจากเสียงที่ดังเข้ามา ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่บ้านหรอก หากอยู่คงมีเสียงพูดคุยกันให้ได้ยินบ้าง
แม่เฒ่าเข้ามาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไรจำไม่ได้เสียแล้ว เหตุการณ์มันพร่าเลือนจนจับต้น ชนปลายไม่ถูก ดูเหมือนนางจะต่อต้านขัดขืนในช่วงแรก แต่แล้วก็ยอมจำนนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง และไม่เคยวิงวอนร้องขอกับใครทั้งสิ้น
นางกิน ขับถ่าย นอน และฟัง
“กราบสวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวชุมชนในเมืองที่เคารพรัก” เสียงแว่วๆ เข้ามา แม่เฒ่าเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ มาขายอะไรอีกหนอคราวนี้ นางคิดตามเสียง
“สิทธิของเราได้กลับมาแล้ว พ่อแม่พี่น้องต้องช่วยกันครับ ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน นั่นคือคนละหนึ่งเสียง อย่าให้ใครมาขโมยสิทธิ์หรือแอบอ้างสิทธิ์ของท่านไปครับ สิทธิและเสรีภาพเป็นของประชาชนทุกคน จะยากดีมีจนก็มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันครับพี่น้อง”
“สิทธิเสรีภาพ” แม่เฒ่าพึมพำ มันคืออะไรอีกล่ะ
“ผมในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขออาสามารับใช้พ่อแม่พี่น้องเขตในเมืองนี้ครับ พรรคของเราเน้นนโยบายความเท่าเทียมกัน และสัญญาว่าจะผลักดันนโยบายนี้เป็นอันดับแรกเมื่อเข้าไปนั่งในสภา พ่อแม่พี่น้องท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกกดขี่ข่มเหงจากหน่วยงานของรัฐ จากหน่วยงานเอกชน จากบริษัทนายทุนหน้าเลือด หรือจากหน่วยงานไหนก็แล้วแต่ ผมและพรรคของเรายินดีเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งในด้านกฎหมายและในด้านการประสานงาน อย่าลืมนะครับ สิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญ จะนำพาพ่อแม่พี่น้องไปสู่การกินดีอยู่ดี สุขภาพดีถ้วนหน้า เข้าถึงระบบบริการของรัฐอย่างเสมอภาคกัน”
เสียงเริ่มดังขึ้นๆ น่าจะไม่ห่างจากที่นางอาศัยนัก แม่เฒ่าไอโขลกๆ สองสามครั้ง แล้วนิ่งฟังต่อไป
“พ่อแม่พี่น้องครับ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและความศิวิไลซ์เป็นเพียงการทำธุรกิจของพวกนายทุนหน้าเงินเท่านั้น ในเมื่อปัจจัยพื้นฐานของประชาชนยังไม่ได้รับการขจัดปัดเป่า พ่อแม่พี่น้องครับ ปัญหาอันดับแรกของประชาชนคนไทยก็คือปัญหาด้านเศรษฐกิจ พืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ ประชาชนเป็นหนี้ครัวเรือนสูง คนตกงานมีสถิติสูงขึ้น ประชาชนทุกหัวระแหงยากจนข้นแค้น ปัญหามาจากความไม่เทียมกันนี่แหละครับ สิทธิและเสรีภาพยังไงล่ะครับพี่น้อง ดังนั้น เราต้องออกไปใช้สิทธิ์ของเรา เพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพในด้านต่างๆ ทั้งด้านการแสดงความคิดเห็น ด้านการทำมาหากิน ด้านการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านที่อยู่อาศัย และด้านการศึกษา ผู้พิการและคนชราจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากรัฐเป็นอย่างดี ไม่ถูกทิ้งขว้างอย่างทุกวันนี้ ผมและพรรค จะไม่ทำให้พ่อแม่พี่น้องผิดหวัง โปรดเลือกผมเบอร์ ๙๙ และเลือกพรรคเบอร์ ๙๙๙ ครับ”
แม่เฒ่าฟังอย่างนึกสนุก ราวกับฟังละครวิทยุเมื่อครั้งยังเป็นสาว เสียงเบาลงๆ และเงียบหายไปในที่สุด นางจำได้คลับคล้ายคลับคลาแค่ว่า สิทธิและเสรีภาพ ๙๙ และ ๙๙๙ ก่อนจะผล็อยหลับไป
ประตูห้องถูกเปิดออก แสงสาดเข้ามา มีคนเอาจานข้าวพร้อมแก้วน้ำมาวาง เปลี่ยนกระป๋องขับถ่าย นางเหลือบตามองนิดนึง แต่ไม่ขยับตัว ชั่วอึดใจร่างคนๆ นั้นก็กลับออกไป ประตูถูกปิดลง ความมืดกลับมาเป็นเพื่อนแม่เฒ่าอีกครั้ง นางนอนนิ่งฟัง
“แม่ฮะ คุณยายสบายดีไหมฮะ” เสียงแว่วเข้ามา
“เหมือนเดิมลูก ยายสบายดี”
“ทำไมแม่ต้องขังยายไว้ในห้องล่ะฮะ ผมอยากให้ยายมาทานข้าวกับเรา”
“ยายป่วยครับลูก” เสียงผู้ชายแว่วมา
“ไหนบอกยายสบายดีไงฮะ”
“ลูกไม่เข้าใจหรอก ไปลูก ไปทานข้าวได้แล้ว” เสียงผู้หญิงว่า ก่อนทุกเสียงจะเงียบหายไป
แม่เฒ่าขยับตัวลุกขึ้น เสียงโซ่กระทบกันดังกราวหนึ่ง นางกินข้าวอย่างมูมมาม ตามด้วยน้ำสองสามอึก ผลักจานไปไว้ใกล้ประตู
แม่เฒ่านั่งคิดเรื่อยเปื่อย ภาพพร่าเลือนเลื่อนเข้ามาในมโนสำนึก หลายปีก่อนแม่เฒ่าคลับคล้ายคลับว่าเคยเปิดประตูแล้วส่งจานข้าวใหม่ให้ผู้เป็นแม่ ชาวบ้านพูดกันว่าแม่ของนางเป็นบ้า แม่เฒ่าจึงร่วมกับสามีจับแม่ขังไว้ในห้อง จนกระทั่งแม่ของแม่เฒ่าสิ้นใจอยู่ในห้องนั้น
น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
..................................................................................................................