เพื่อนเคียงกาย(เรื่องสั้น)
เพื่อนเคียงกาย
...............................................................................................................................................
จำไม่ได้แล้วว่าซื้อมันมาปีไหน รู้เพียงว่าวันนั้นเวลาสักทุ่มเศษๆ ข้าพเจ้าเดินผ่านร้านค้าริมถนนรามคำแหงจึงซื้อกลับห้องเช่า มันอยู่เคียงข้างข้าพเจ้ามาร่วมทศวรรษแล้ว เพราะค่ำวันนั้นข้าพเจ้ายังเป็นหนุ่มแน่น มีชีวิตชีวาและความใฝ่ฝันอยู่เต็มหัวใจ
มันเป็นกระเป๋าสตางค์หนังสีดำแบรนด์แนม และก็อย่างที่รู้กันมันก็เป็นแค่ของปลอม ถ้าเป็นของจริงต้องมีราคาแพงและวางขายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งข้าพเจ้าก็คงไม่มีปัญหาซื้อหรอก
ข้าพเจ้าลูบคลำมันอย่างถูกใจก่อนจะนับเงินจำนวนน้อยนิดใส่ไว้ มันจะต้องติดตามข้าพเจ้าไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่ายากดีมีจน จะสุขหรือทุกข์
ภาพในอดีตบางคราวก็แจ่มชัด บางคราวก็เลอะเลือนเปรอะเปื้อน ข้าพเจ้าวัยหนุ่มแน่นทำงานเป็นพนักงานของบริษัท เงินเดือนไม่ค่อยพอใช้ ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน กระเป๋าสตางค์ของข้าพเจ้าจึงแห้งมากกว่าอู้ฟู่
วันหนึ่งในฤดูหนาว ข้าพเจ้าเช่าห้องพักอยู่กับน้องชายแถวๆ บางกะปิ น้องชายไปทำงาน ข้าพเจ้าลาด้วยเหตุผลใดก็ไม่แน่ชัด การงานในเมืองหลวงมันตรากตรำ ต้องแย่งกันขึ้นรถเมล์ ต้องแย่งกันกินแย่งกันทำงาน เมื่อมีโอกาสลาข้าพเจ้าก็ตื่นสายกว่าวันปกติมาก
ลืมตาตื่นขึ้นมาได้ก็เปิดดูหม้อหุงข้าวเป็นอันดับแรก มันว่างเปล่า เปิดดูถังข้าวสารยังเหลือข้าวสารประมาณหนึ่งกำมือ เทข้าวสารทั้งหมดลงในหม้อหุงข้าว ซาวน้ำ แล้วกดปุ่ม
จากนั้นก็เปิดกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อดัง มีเศษเงินอยู่สามบาท ไปไหนก็ไม่ได้ ซื้ออะไรก็คงไม่ได้นอกจากซื้อเกลือ ทอดถอนใจกับโชควาสนาของตนเอง หากน้องชายไม่กลับเย็นนี้ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรดี
เป็นวันโชคร้ายที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมเลือน แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว เพราะวันนั้นน้องชายไม่กลับห้องพักจริงๆ ข้าพเจ้าได้กินข้าวเปล่าในตอนสายของวัน มื้อเที่ยง มือเย็น ไปจนถึงมื้อเช้าของอีกวันข้าพเจ้าอดโซโดยแท้จริง ไม่มีเงินในกระเป๋า ไปไหนไม่ได้ ต้องนอนรอน้องชายให้กลับห้องพัก น้องชายกลับมาในตอนสายของอีกวัน ตอนนั้นเนื้อตัวข้าพเจ้าสั่นไปหมดแล้ว งานก็ต้องลาอีกวัน
ความทรงจำเกี่ยวกับกระเป๋าใบนี้ก็พอมีอยู่บ้างที่เป็นเรื่องดีๆ สิ้นเดือนๆ หนึ่งข้าพเจ้ามีเงินเต็มกระเป๋า บริษัททำกำไรได้มาก ข้าพเจ้าก็พลอยฟ้าพลอยฝนได้รับค่าคอมมิชชั่นไปกับเขาด้วย
ข้าพเจ้าคบหากับผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง หล่อนทำงานอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัท เราไปไหนด้วยกันไม่บ่อยนัก อย่างแรกข้าพเจ้าไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง อย่างที่สองหล่อนไม่ค่อยว่าง หล่อนทำงานด้วยเรียนหนังสือด้วย อย่างที่สามกระเป๋าสตางค์ของข้าพเจ้ามันมีแต่กระเป๋าและบัตรประจำตัวอื่นๆ แต่มักจะไม่มีสตางค์
เมื่อความมั่นใจอยู่เต็มกระเป๋า เลิกงานข้าพเจ้าก็ชวนหล่อนไปเดินห้างดูโน่นดูนี่ จากนั้นก็ไปนั่งในร้านอาหารซึ่งมีเพลงเบาๆ สบายๆ ฟัง หล่อนเอนศีรษะซบไหล่ข้าพเจ้าอยู่เกือบตลอดเวลา เส้นผมยาวสลวยของหล่อนหอมสดชื่นดีแท้
คืนอันแสนดีนั้นไปจบลงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่กระเป๋าสตางค์ของข้าพเจ้ามันหลอกลวง ข้าพเจ้าออกจากห้องพักด้วยความมั่นอกมั่นใจว่ามีเงินพอที่จะไปไหนมาไหนได้โดยไม่ติดขัด ข้าพเจ้าไปหาเพื่อนอยู่แถวรังสิต ข้าพเจ้าซื้อเหล้ายาติดมือไปด้วย เฮฮาตามประสาคนหนุ่ม จำได้ว่าข้าพเจ้าซื้อเหล้าเลี้ยงเพื่อนไปหลายกลม แต่ก็รู้สึกอุ่นใจที่ยังเหลือเงินในกระเป๋าพอกลับถึงบางกะปิได้ ข้าพเจ้ากลับออกมาจากบ้านเพื่อนตอนประมาณสองทุ่ม ขึ้นรถโดยสารสองแถวเล็กไปลงที่ฟิวเจอร์พาร์กเพื่อต่อรถอีกคัน
ลงจากรถสองแถวเล็ก เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วใจหายวาบ ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว คนขับมองหน้าข้าพเจ้าอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ว่าไงไอ้หนุ่ม” เสียงคนขับว่า ข้าพเจ้าไม่ว่าอะไร ยกมือไหว้ปะหลกๆ บอกเขาไปตามจริงว่าไม่มีเงินสักบาท “แต่งตัวก็ดี” คนขับว่าแค่นั้นก็ลงจากรถท่ามกลางสายตาผู้คนบนรถและคนที่รอรถเมล์อยู่ ไม่รู้ใครเป็นใคร ข้าพเจ้ารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
เมื่อวานนี้ภรรยาของข้าพเจ้ายื่นกระเป๋าสตางค์ใบใหม่ให้ เป็นยี่ห้อที่ไม่คุ้นเลย ข้าพเจ้ารับมาพินิจ มันก็สวยดี
“ใบเก่ามันขาดจนเปื่อยแล้ว ทิ้งเสียเถอะน่าพี่ จะพิรี้พิไรไปทำไม กระเป๋าเก่าๆ” ภรรยาว่า
ข้าพเจ้าหยิบกระเป๋าสตางค์ใบเก่าที่ติดตามข้าพเจ้ามานับสิบปีขึ้นมา บรรจงดึงบัตรต่างๆ และภาพถ่ายเล็กๆ ออกมา กระเป๋าใบนี้มันขาดจนเปื่อยแล้วจริงๆ คงถึงเวลาตัดใจจากมันแล้ว
เอาบัตรทั้งหมดยัดลงในกระเป๋าสตางค์ใบใหม่ หยิบกระเป๋าใบเก่าขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบใจที่อยู่เคียงข้างข้า” แล้วก็โยนมันลงถังขยะ
...............................................................................................................................
ตีพิมพ์ครั้งแรก “ฅ.คน” ธันวาคม ๒๕๕๓