คืนนั้นกับชายคนหนึ่ง (เรื่องสั้น)
คืนนั้นกับชายคนหนึ่ง
รถกระบะสีแดงยี่ห้อมาสด้าคันเล็ก เหมาะที่จะเป็นรถสำหรับครอบครัว บึ่งตะลุยไปตามถนนอันขรุขระและฝุ่นคลุ้ง แหวกความมืดของค่ำคืนไปทีละเล็กละน้อย ชายหนุ่มผู้อยู่หลังพวงมาลัยกำลังแหกปากร้องตามเพลงที่เขาเปิดเสียงดังลั่นรถ ร้องเพลงไปด้วยร้องไห้ไปด้วย คืนนี้เขาอยากร้องไห้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จากเด็กน้อยไร้เดียงสา วันเวลาที่ผ่านไป ย่อมสู่วัยที่แก่กว่า”
เสียงเพลงของมาลีฮวนน่าปลุกเร้าอารมณ์ของชายหนุ่มให้กระเจิดกระเจิงชนิดกู่ไม่กลับ หลายครั้งที่เขาเผลอคิดไปกับเพลงและเกือบนำรถคู่ชีวิตตกถนน ทำไมเขาถึงชอบเพลงนี้ก็ไม่รู้ ยิ่งอายุได้ล่วงเลยผ่านเลยความหนุ่มแน่นเขายิ่งโหยหาแต่บทเพลงประเภทนี้ความเป็นตัวตนของเขาปรากฏอย่างแจ่มชัดก็คืนนี้เอง รู้สึกปลดปล่อยและมีความสุขทั้งน้ำตา ผู้คนบอกว่ามันเป็นความปลื้มปีติต่างหาก แน่แล้ว...เขากำลังปลื้มปิติเป็นล้นพ้นทีเดียว
ทารกตัวน้อยที่นอนหลับตาพริ้มอยู่นั้นทำให้เขามีความสุขอย่างประหลาด เขาบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่า นั่นเป็นลูกของเขา เป็นผลิตผลที่เขาได้สร้างขึ้น ดูซิ...น่ารักน่าชังอะไรขนาดนั้น ภรรยาของเขาบอกว่าน้ำหนักลูกของเขาเบาเกินไป ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าตู้อบหรือเปล่า เขารู้สึกใจหายและเสียใจอยู่ลึกๆ
ตอนเป็นเด็ก ชายหนุ่มเป็นคนขี้โรค หิด น้ำกัดเท้า ตามตัวมีผื่นเต็ม เขาจึงเจ็บออดๆแอดๆ อยู่เป็นประจำ การเรียนของเขาก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะโรคที่รุมเร้าอยู่ไม่ขาด หากเขาเป็นคนไม่เอาถ่านเรื่องเรียนเขาก็คงเรียนไม่จบ ป.๔ ด้วยซ้ำ เพราะความขี้โรคใช่หรือไม่ที่ทำให้ถ่ายทอดมาสู่ลูกน้อยของเขา
ตอนที่เขาเป็นหนุ่มแน่น เขาทั้งสูบบุหรี่ ทั้งดื่มเหล้า สองสิ่งนี้จะเป็นของคู่กันมาโดยตลอด หากวันใดเพื่อนชักชวน หรือเขาเป็นฝ่ายเปรี้ยวปาก วันนั้นก็จะดึกดื่นค่อนคืน บุหรี่เป็นกับแกล้มอันดับหนึ่งของเขาเลยทีเดียว หลายปีที่เขายังจ่อมอยู่ในวงเหล้า ร่างกายที่เคยหายจากโรครั้งยังเด็ก ก็เริ่มผ่ายผอมเหมือนซากมนุษย์ ภรรยาของเขาบ่นแล้วก็บ่นอีก แต่เขาหาเชื่อฟังไม่ ยังสูบบุหรี่และยังดื่มเหล้าอยู่เช่นเคย หรือนี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกของเขาน้ำหนักเบากว่าใครในห้องอนุบาลเด็ก
ไม่อยากจะคิด แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ทารกตัวน้อยนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เป็นแก้วตาดวงใจของเขาและภรรยา และที่สำคัญ เป็นลูกคนแรกของทั้งคู่ด้วย
งานแต่งงานของเพื่อนตอนหัวค่ำช่วยให้ชายหนุ่มคลายวิตกไปได้บ้าง เขาดื่มและเต้นรำกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน พวกเพื่อนผู้หญิงก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ทั้งที่ทุกคนผ่านเลยชีวิตวัยรุ่นไปหลายปีแล้ว ความหลากหลายของผู้คนมีอยู่ในงานแต่งงานคืนนี้
“เมียไม่มาด้วยหรือ” ใครในกลุ่มถาม เขาตอบเนือยๆ “อยู่โรงพยาบาล”
“อ้าว...เป็นอะไรไปหรือ” หลายคนที่นั่งร่วมโต๊ะหันมาสนใจเขา คงเห็นชายหนุ่มเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบ ภรรยาอยู่โรงพยาบาล แต่เขายังมานั่งดื่มและเต้นรำอยู่ได้
“คลอดลูก” เขาบอกด้วยรอยยิ้ม
“เหรอ...ผู้ชายหรือผู้หญิง” เป็นเพื่อนสาวที่ถามแทรกมา
“ลูกชาย” เขายิ้มกริ่ม
“งั้นฉลองกันหน่อย” คราวนี้เจ้าบ่าวเดินมาที่โต๊ะ เจ้าสาวเป็นเพื่อนของชายหนุ่มเอง
“ฉลองยังไง” เพื่อนชายที่นั่งตรงข้ามเขาถามขึ้น
“ขึ้นไปร้องเพลงฉลองสมรสหนึ่งเพลง และร้องเพลงฉลองการมีทายาทอีกสักเพลง” เจ้าบ่าวว่า แค่นั้นเพื่อนร่วมโต๊ะก็เฮสนั่น
ชายหนุ่มยิ้มและมองไปที่เวทีซึ่งวงดนตรีกำลังเล่นเพลงอย่างสนุกสนาน ก็แปลกเขาเพิ่งเคยเห็นงานแต่งที่จ้างวงดนตรีเพื่อชีวิตมาเล่น คงไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอก หัวหน้าวงดนตรีเป็นคนรู้จักมักคุ้นกับเจ้าบ่าวนั่นเอง ฉะนั้น ใครอยากฟังเพลงลูกทุ่งในงานนี้ก็ต้องทำใจกันหน่อย
ชายหนุ่มขึ้นไปร้องเพลงเพื่อเป็นเกียรติเจ้าบ่าวเจ้าสาวสองเพลง เป็นการเริ่มต้นของชีวิตสมรส และเป็นการเริ่มต้นของชีวิตน้อยๆ ที่เป็นลูกของเขา เสียงปรบมือดังกราวใหญ่ ทว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็นน้ำตาของเขา ตอนที่เขาร้องเพลงให้ลูกหรอก ถึงเสียงจะสั่นเครือเล็กน้อย ทุกคนก็เมาจนฟังไม่ออก
ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลต้นห้าโมงเย็น มาถึงงานแต่งงานเอาตอนทุ่มเศษ เพราะระหว่างที่เขาขับรถมานั้น ฝนได้เทลงมาอย่างหนัก จากรถที่แล่นตะบึงจึงกลายมาเป็นการคลานต้วมเตี้ยมเหมือนเต่า เขาอยู่ร่วมงานแต่งงานจนถึงเที่ยงคืน สภาพของเขานับได้ว่าเป็นคนเมาคนหนึ่ง หากเมาขนาดนี้ ภรรยาไม่ยอมให้เขาขับรถแน่ๆ เขาไม่อยากขับเหมือนกัน ง่วงและเมา ขับรถมันจะไปได้สักกี่น้ำ แต่คืนนี้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากขับรถด้วยตัวเองเพื่อไปบ้านแม่ เขาคิดถึงแม่ใจจะขาด คิดถึงแม่กว่าทุกครั้งเลยก็ว่าได้
...จึงอยากลองบุหรี่
จึงอยากดูดกัญชา
อยากเมาสุรา
อยากซ่าน...แนบเนื้อ...
ถึงบ้าน แม่เปิดประตูต้อนรับ ชายหนุ่มไม่พูดไม่จา ผวาไปก้มลงกราบเท้าแม่ทั้งน้ำตา
..................
พิมพ์ครั้งแรก
สกุลไทย ปี ๒๕๔๖