หลุมฝังศพของอธิบดี(เรื่องสั้น)
หลุมฝังศพของอธิบดี
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบจับมือต้อนรับอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดซึ่งโดนเด้งฟ้าผ่ามาหมาดๆ สองอดีตอธิบดียิ้มให้กันพลางตบหลังตบไหล่ปลอบโยนซึ่งกันและกัน เมื่อทั้งคู่นั่งลงบนโซฟารับแขกเก่าเก็บในสำนักงานที่คนทั่วไปมักเรียกมันว่ากรุเรียบร้อยแล้ว อดีตอธิบดีคนที่สามสิบก็ถามอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ด
“โดนเรื่องอะไรละท่าน”
อดีตอธิบดีใหม่หมาดยิ้มเยาะโชคชะตาของตนเอง
“คงเหมือนท่านนั่นแหละ ไม่เหมาะสม ไม่สนองนโยบาย”
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอนหลังพิงพนักโซฟา
“ใครกันหนอที่จะเหมาะสมและสนองนโยบายได้ดีกว่าพวกเรา”
อดีตอธิบดีคนที่สามเอ็ดเหม่อมองอย่างไร้จุดหมาย
“คงเป็นอธิบดีหนุ่มไฟแรงคนที่สามสิบสอง ซึ่งย้ายข้ามห้วยมาจากกระทรวงอื่นกระมัง”
หลังจากนั้นอดีตอธิบดีทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องประชุมเล็กซอมซ่อ ซึ่งมีอดีตปลัดกระทรวง และอดีตข้าราชการหลายระดับรวมตัวกันอยู่
เมื่อมากันพร้อมหน้าอดีตปลัดกระทรวงชื่อดังก็เดินไปหน้าห้องประชุม ทุกคนในห้องประชุมเล็กเงียบกริบ
“งานของพวกคุณไม่มีอะไรมาก ลงชื่อเข้าทำงานตอนเช้าก่อนแปดโมงครึ่ง ประชุมเรื่องการใช้ชีวิตในกรุ และเสวนากรณีโดนย้ายเข้ากรุในห้องประชุมนี้ครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็แยกย้ายไปตามห้องต่างๆ ใครมีโต๊ะทำงานก็นั่ง ใครมีงานให้ทำก็ทำ หากไม่มีงานบนโต๊ะจะออกไปตัดหญ้ากลางสนามหรือทำสะอาดห้องน้ำก็ไม่มีใครว่า ที่นี่ไม่มีคนทำความสะอาด ไม่มีช่างไฟฟ้า ประปา ไม่มีคนขับรถ จงลืมความสะดวกสบายทุกอย่างที่เคยได้รับ ที่จอดรถไม่มีให้ ดังนั้น ท่านๆ จะต้องโหนรถเมล์มาทำงาน หรือจะให้คนที่บ้านขับรถรับ-ส่งก็ได้ ทุกอย่างท่านทั้งหลายต้องทำด้วยตัวเอง ฝุ่นในห้อง ขยะในถังจัดการให้เรียบ อ้อ..อีกอย่างที่นี่ยุงเยอะช่วยกันคนละไม้คนละมือจัดการเสียให้เรียบร้อยในยุคของเรา อย่าให้เสียชื่อกรุข้าราชการระดับสูงเป็นอันขาด” อดีตปลัดกระทรวงซึ่งรับฐานะเป็นประธานที่ประชุม และคงเป็นประธานของคณะกรรมการกรุด้วย หยุดพักหายใจและมองกวาดไปรอบๆ ห้องประชุม “จนถึงเวลาบ่ายสี่โมงครึ่งก็เลิกงานตามเวลาราชการตามปกติ แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ระหว่างที่ทำงานในกรุนี้จะไม่มีการสังสรรค์กันระหว่างพวกเรา หากผมสืบรู้หรือทางรัฐบาลระแคะระคาย พวกท่านจะไม่ได้รับการพิจารณากลับไปรับตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมอีก สิ้นเดือนพวกท่านก็รับเงินเดือนตามที่เคยได้รับครั้งล่าสุด คนละแสนคนละห้าหมื่นตามที่เคยได้รับก่อนย้ายมาที่นี่ ผลงานของพวกคุณไม่มีอะไรมาก ไม่ต้องทำผลงานเป็นเล่ม ไม่ต้องมีรูปภาพประกอบสักใบ ไม่ต้องใช้เส้นสนกลในใดๆ ทั้งสิ้น ทุกสามเดือนทางรัฐบาลจะมีคณะกรรมการมาตรวจกรุนี้ ซึ่งประกอบด้วย อาคารสองอาคาร ห้องประชุมหนึ่งห้อง ห้องน้ำสิบห้อง โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้สามสิบชุด พัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้นต้องสะอาดเอี่ยมอ่อง หญ้าที่สนามต้องสั้นเกรียนเหมือนหญ้าในสนามฟุตบอลทีเดียวท่านเอ๋ย หากมีฝุ่นหรือหยากไย่เกาะเพียงนิดเดียว ผมและพวกท่านคงไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นแน่ ผมช่วยเหลือใครไม่ได้หรอกครับ ผมเพียงได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่ประธานและบริหารงานในกรุนี้เท่านั้น สิทธิประโยชน์เหมือนพวกท่านทุกประการ ชา กาแฟนำติดตัวมาจากบ้านนะครับ น้ำร้อนมีให้ ในกรุนี้ไม่มีห้องอาหาร ไม่มีห้องออกกำลังกาย คุณต้องเตรียมข้าวกลางวันมาทานเอง เข้าใจตามนี้นะครับ มีคำถามมั้ย...อ้อ อย่าลืมตบยุงด้วยนะครับ ผมพูดจริงๆ ไม่ใช่มุก เสร็จจากการประชุมขอเชิญอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดมาพบผมที่ห้องด้วย”
เสียงพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ทั้งห้องประชุม ก่อนจะแยกย้ายไปตามห้องต่างๆ
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเดินตามอดีตปลัดกระทรวงเข้าไปในห้องซึ่งหน้าห้องเขียนว่า “ประธานคณะกรรมการ” ภายในห้องมีโต๊ะพร้อมเก้าอี้หนึ่งชุด ไม่มีเครื่องประดับอะไรทั้งสิ้น เห็นสภาพแล้วท่านอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดก็รู้สึกสลดหดหู่ใจ อดีตปลัดกระทรวงผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเคยมีประวัติและชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ทั้งการศึกษาทั้งชีวิตการทำงานได้การยอมรับจากคนในสังคมทั่วไปและสื่อมวลชนทุกแขนง ภาพทางทีวีจะเห็นนักข่าวแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลังเป็นภาพชินตาของผู้คนไปแล้ว
อดีตปลัดกระทรวงเดินอ้อมโต๊ะและทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง อดีตปลัดกระทรวงพยักเพยิดมาที่อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ด
“ไม่ว่ากันนะถ้าผมจะไม่เชิญให้คุณนั่งท่านอธิบดี”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณก็เห็นว่าในห้องนี้ไม่มีเก้าอี้ไว้สำหรับรับแขกหรือรับรองใครสักตัวเดียว มีแต่ที่ผมนั่งนี่แหละ ทนยืนสักห้านาทีนะ”
“ครับท่าน”
“ไม่อยากจะพูดว่ายินดีต้อนรับหรอก ไม่มีใครอยากมาที่นี่ ผมก็เหมือนกัน ผมต้องประชุมแบบนี้ทุกวัน ทั้งที่มีคนมาใหม่เพียงวันละคนสองคนเท่านั้น วันนี้ก็มีท่านเพียงคนเดียวที่ย้ายเข้ามา แต่ผมพยายามจะย้ำให้ท่านๆ ทั้งหลายที่เข้ามาในนี้รู้สำนึกทุกวันว่าเราโดนอะไรมาบ้าง และต้องทำอย่างไรถึงจะได้กลับที่เดิม การย้ายมาที่นี่เหมือนการลงโทษหรือถูกคุมขังทีเดียวนะ อีกอย่างผมอยากพบเจอพวกท่านทุกคนทุกวัน และผมก็จะเป็นตาแก่ขี้บ่นทุกวันด้วย”
“ครับ”
“อธิบดีเป็นคนดังผมก็รู้ ไม่อยากถามให้ช้ำใจหรอกว่าท่านโดนเด้งเพราะเรื่องอะไร ผมก็เหมือนคุณนั่นแหล่ะ พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ต้องทำใจ การย้ายข้าราชการเหมือนเป็นการสร้างผลงานของนักการเมือง โดยเฉพาะการย้ายหรือเก็บข้าราชการระดับสูงและมีชื่อเสียง มันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพวกเขาทีเดียวนะคุณ ที่เรียกมาก็ไม่มีอะไรมากนะ แค่อยากบอกให้รู้ว่าทำใจซะแล้วก็ทำงานอย่างที่ผมย้ำในที่ประชุม จากนั้นก็รอ บางคนมาสามเดือน บางคนหกเดือน บางคนก็เกษียณที่นี่ ผมนี่เหลืออายุราชการไม่ถึงปี คงเกษียณหรือตายที่นี่แหละนะ แต่อย่างไรผมก็ไม่ย่อท้อหรอก ผมจะสู้มันต่อไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของการทำงาน น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่ง รัฐบาลเก็บเอาแต่ข้าราชการระดับหัวกระทิทั้งนั้นมาขังไว้ที่นี่ แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ช่างเถอะ..บ่นพอแล้วล่ะ มีอะไรหนักใจมั้ยอธิบดี”
“ไม่มีหรอกครับ เพียงแต่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอท่านที่นี่ เห็นท่านหายไปจากจอทีวีนานหลายเดือน แต่ข่าวไม่ออกว่าท่านย้ายไปประจำที่ไหน” อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดพูดอย่างเกร็งๆ
“ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาที่นี่หรอก ประธานกรุคนเดิมท่านมีเส้นสายเดียวกันกับรัฐบาลชุดนี้ พอดีตำแหน่งของผมมันน่าพิสมัย ผมก็โดนย้ายมาแทนท่านประธานกรุคนเดิมอย่างง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตองและไม่มีข่าวด้วย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เอาละ...อธิบดีไปทำงานเถอะนะ ห้องทำงานก็เดินหาเอา ห้องไหนว่าง โต๊ะไหนว่างก็เลือกเอา” ท่านอดีตปลัดกระทรวงโบกไม้โบกมือให้ออกจากห้อง
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเดินออกมาจากห้องอย่างเงื่องหงอย นับเป็นชะตากรรมและมรสุมครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตข้าราชการเลยทีเดียว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ราวกับถูกไล่ออกจากราชการ ในชีวิตราชการไม่เคยทุจริตต่อหน้าที่ ไม่เคยรับสินบาทคาดสินบน ไม่เคยกลั่นแกล้งลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเข้ารับราชการครั้งแรกในระดับซีสาม ซึ่งต้องลำบากตรากตรำอยู่จังหวัดชนบทห่างไกลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไต่เต้ามาจนถึงรองอธิบดี ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีได้สี่ปีก็ได้เลื่อนเป็นอธิบดี ทว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ดำรงตำแหน่งได้เพียงสามเดือนก็มีการเปลี่ยนรัฐบาล รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้เพียงสองเดือนก็ย้ายอดีตอธิบดีออกจากกรม แล้วย้ายรองอธิบดีจากกระทรวงอื่นเข้ารับตำแหน่งแทน
อธิบดีคนที่สามสิบสองเป็นหนุ่มไฟแรงแห่งยุค มีชื่อเสียงโด่งดังทางสื่อมวลชน สังคมรับรู้ทั่วไปว่าอิงอยู่กับพรรคการเมืองซึ่งเป็นรัฐบาลอยู่ขณะนี้
“เพื่อความเหมาะสม ไม่สนองนโยบาย” ยังก้องอยู่ในหัวของอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ด น่าน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกิน หากทุจริตคอรัปชั่นหรือทำงานอย่างขอไปทีแล้วโดนย้ายออกมาจะไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเดินรอบๆ อาคารสองอาคาร มองหาห้องว่างสักห้อง โต๊ะทำงานและเก้าอี้สักชุด แต่ไม่มีว่างเลย โต๊ะเก้าอี้มีเจ้าของจับจองหมดแล้ว
“มานั่งห้องผมก็ได้ท่าน” อดีตอธิบดีคนที่สามสิบมีน้ำใจเชื้อเชิญ เมื่อมองสำรวจรอบห้องแล้ว อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดก็ส่ายหน้า ถึงห้องจะสะอาดเอี่ยมตามที่ท่านประธานกรุได้บอกไว้ แต่โต๊ะเก้าอี้มีชุดเดียว จะทำความอึดอัดให้แก่อดีตอธิบดีทั้งสองโดยเปล่าประโยชน์ อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดจึงเดินเลี่ยงออกไปที่สนามหญ้าหน้าตึก ซึ่งมีต้นหูกวางและม้าหินอ่อนตั้งอยู่สองสามชุด อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดสิงสถิตอยู่ตรงนั้นนับแต่นั้น และงานประจำของท่านก็คือเก็บขยะและตัดหญ้าด้วยกรรไกร หากใครไม่สังเกตคงนึกว่าท่านเป็นคนทำสวนแน่นอน
เที่ยงวันหนึ่ง คนในกรุทั้งอดีตปลัดกระทรวง อดีตอธิบดี อดีตรองอธิบดี และอดีตผู้อำนวยการกองหรือสำนักที่มีชะตากรรมเดียวกัน ได้ประชุมวงเล็กที่บริเวณม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวาง บางคนบอกว่าจะทำเรื่องขึ้นไปอุทธรณ์คำสั่ง บางคนจะนำเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และบางคนก็จะนำเรื่องขึ้นฟ้องร้องศาลปกครอง
ขณะที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกันอยู่นั้น อดีตปลัดกระทรวงในฐานะประธานกรุก็โขยกเขยกตามมาสบทบด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ประชุมวงเล็กหยุดกลางคัน เหล่าอดีตข้าราชการเงียบกริบ
“พวกคุณกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ ไม่ต้องบอกผมก็รู้ ในฐานะผมดูแลกรุและดูแลพวกคุณทุกคน และจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านรัฐบาลมาหลายรัฐบาล ผมอยากให้พวกคุณเลิกคิดได้แล้ว คุณจะทำเรื่องอุทธรณ์คำสั่ง นำเรื่องร้องเรียนคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือจะนำเรื่องฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็แล้วแต่ ผลออกมาไม่แตกต่างจากที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มิหนำซ้ำอาจจะโดนข้อกล่าวหาร้ายแรงจนต้องโดนไล่ออกจากราชการ พวกคุณอยากจะเสี่ยงก็เชิญ ผมได้แนะนำพวกคุณแล้ว”
“ทำไมต้องกลัวรัฐบาลนี้ด้วยท่านประธาน” อดีตรองอธิบดีคนหนึ่งโพล่งขึ้น อดีตปลัดกระทรวงชื่อดังหันไปมองผู้พูดด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกล่าวต่อ
“ในคณะกรรมการทุกชุด แม้แต่ในศาลปกครอง เป็นคนที่ได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลชุดนี้ทั้งนั้น คณะกรรมการพวกนี้ได้ย้ายเข้ามาทำหน้าที่พร้อมกับที่พวกเราโดนย้ายออกมามิใช่หรือ พวกคุณนึกภาพเอาเองก็แล้วกันผลจะออกมาเช่นไร ถ้าคุณเป็นพวกผมๆ ก็ต้องช่วยเหลือคุณไม่น้อยก็มาก ถ้าบ้านเมืองไร้ซึ่งระบบคุณธรรมน่ะ”
“แล้วเราจะงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลยหรือครับ” อดีตอธิบดีคนหนึ่งสวนขึ้นบ้าง
“ในฐานะที่ผมอาวุโสสูงสุดในที่นี้ ผมบอกพวกคุณได้เลยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเร็วๆ นี้ จะด้วยวิธีไหนผมไม่รู้ ตอนนี้เป็นช่วงขาลงของรัฐบาล ซึ่งมันก็เป็นวัฏจักร ที่มีขึ้นมีลง รัฐมนตรีทะเลาะกัน ส.ส.ในพรรครัฐบาลแบ่งเป็นกลุ่มก๊วน ดังนั้น ผมขอให้ทุก
ท่านอดทนและรอ อีกไม่นานหรอก...อีกไม่นาน” ว่าแล้วท่านอดีตปลัดกระทรวงในฐานะประธานกรุก็โขยกกลับไป ที่ประชุมวงเล็กจึงแยกย้ายกันเข้าประจำที่ทำงาน
การปฏิวัติรัฐประหารปลายปีนั้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้ง อดีตปลัดกระทรวงซึ่งเป็นประธานกรุเกษียณอายุราชการ มีปลัดกระทรวงที่โดนย้ายฟ้าผ่ามาทำหน้าที่แทน คนในกรุบางคนกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม อดีตอธิบดีคนที่สามสิบย้ายออกจากกรุไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมอื่น อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดยังคงถูกแช่แข็งอยู่ในกรุ แต่มีห้องทำงานของตัวเองแล้ว
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดมีโอกาสต้อนรับอดีตอธิบดีหนุ่มไฟแรงคนที่สามสิบสองในวันหนึ่งปลายฤดูหนาว อดีตอธิบดีคนที่สามสิบสองยิ้มเศร้าๆ เดินผ่านอดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดไปอย่างคนตกที่นั่งลำบากและรับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้
อดีตอธิบดีรุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาอยู่ในกรุอย่างซังกะตาย ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอดีตอธิบดีหนุ่มไม่เคยเดินออกจากกรุนี้ไปไหน ตกเย็นย่ำก็นอนอยู่ในกรุ อาหารการกินก็ฝากเพื่อนๆ ในกรุซื้อมาให้ เหมือนอยากจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่อยากออกไปเห็นโลกภายนอก วันๆ เดินอ้อมสนามหญ้ารอบแล้วรอบเล่า พร้อมกับส่ายหน้า ยิ้ม หัวเราะ คนเดียว ร่างกายซูบผอมลงเรื่อยๆ
อดีตอธิบดีรุ่นใหม่ไฟแรงไม่ได้โดนเด้งเข้ากรุเพราะ “ไม่เหมาะสมหรือไม่สนองนโยบาย” เหมือนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรุทั่วไป อดีตอธิบดีคนที่สามสิบสองโดนข้อหา “ข้ามห้วย เติบโตเร็วเกินไป และไม่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารงานในกรม ทำให้งานในหน้าที่ไม่ก้าวหน้าอย่างที่คนรุ่นใหม่ควรจะเป็น
อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเฝ้ามองพฤติกรรมของอดีตอธิบดีหนุ่มไฟแรงด้วยความเป็นห่วง ถึงหนุ่มไฟแรงผู้นี้แหละเป็นคนเบียดให้กระเด็นตกเก้าอี้อธิบดีกรม แต่ด้วยประสบการณ์ที่สูงกว่า จึงทำให้มีสติและให้อภัย มันไม่ใช่ความผิดของอดีตอธิบดีหนุ่มเลย ระบบต่างหากที่ทำลายคนเหล่านี้
สองเดือนแรกเดินรอบสนามหญ้า ต่อมาอดีตอธิบดีคนที่สามสิบสองก็เปลี่ยนเป็นปีนต้นหูกวางแทน ปีนขึ้นปีนลงอยู่อย่างนั้น เพื่อนในกรุพยายามห้ามปราม แต่ก็ไม่เกิดผล เสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้าหนวดเครารกรุงรัง หากคนภายนอกเห็นคงจำไม่ได้
ไม่มีญาติมิตรหรือลูกเมียของอดีตอธิบดีหนุ่มมาเยี่ยมเยียนถามไถ่เลยสักคน บ้านก็ไม่กลับ ญาติมิตรก็ห่างหาย กลายเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายตีนไปเสียแล้ว ท่านประธานกรุคนใหม่ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเสียดายความรู้ความสามารถของอดีตอธิบดีหนุ่ม ทว่าช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
เช้าวันวันหนึ่งกลางฤดูร้อน ขณะที่อดีตอธิบดีคนที่สามสิบเอ็ดเดินผ่านประตูทางเข้ากรุ และกำลังจะเดินผ่านสนามหญ้า ภาพที่ปรากฏในสายตา คือร่างอดีตอธิบดีหนุ่มไฟแรงแขวนอยู่บนต้นหูกวางต้นที่อดีตอธิบดีคนที่สามสิบสองชอบป่ายปีน ในสภาพลิ้นจุกปากใบหน้าเขียวคล้ำ
พิมพ์ครั้งแรก
สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ๘-๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๑